ตอนที่ 32เริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับคนเดิม

ย่านสยามสแควร์แหล่งรวมร้านค้าและอาหารมากมาย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ในขณะที่นักเรียนดีกรีเด็กนอกกำลังจูงแขนสายชลกึ่งลากอยู่นั้น คนตัวเล็กได้แต่มองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจ ไทม์พูดจาไม่น่าฟังหนำซ้ำยังจี้ใจดำคนตัวเล็กอย่างคำว่าเตี้ย อันที่จริงสายชลสูงตามมาตรฐานชายไทยแต่ไทม์ต่างหากที่สูงเกินมาตรฐาน ถึงสายชลจะไม่ค่อยชอบใจที่ไทม์หาเรื่องว่าให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทว่านั่นยังไม่น่ารำคาญใจเท่าแววตาที่มองสายชลอย่างเอือมระอาที่เขาทำตัวอิดออด ก่อนถอนหายใจตบท้าย ลากคนเด็กกว่าไปอย่างคนเอาแต่ใจ

สายชลคิดวกวนกลับไปมาอยู่หลายครั้ง ‘พี่ไทม์ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ช่างแตกต่างจากพี่ไทม์ที่ผมรู้จักราวเทพบุตรกับซาตาน เดี๋ยวก่อนนะ คนที่จะต้องถอนหายใจยาวมันควรเป็นผมมากกว่าไหม แต่ดูไอ้พี่ไทม์มันมองหน้าผมอย่างกับเหม็นเบื่ออะไรสักอย่าง’ สายชลทำได้แต่บ่นในใจ ลึก ๆ เด็กหนุ่มรู้สึกดีใจที่อย่างน้อย ๆ เขาได้อยู่ใกล้กับไทม์แม้จะเป็นเวอร์ชันที่ไม่คุ้นเคยก็ตาม

“ปล่อยมือผมก่อนก็ได้ฮะ” สายชลท้วง พลางสะบัดข้อมือเบา ๆ

“ไม่ได้อยากจะจับหรอก แต่ไม่เห็นหรือไงวันนี้มีงานอีเว้นต์ คนเยอะเดี๋ยวพลัดหลงกันทำยังไง ?” ไทม์พูดปัด ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจเด็กน้อยที่เพิ่งเจอหน้าไม่ถึงสิบนาทีด้วย ‘แต่ช่างเถอะใครสนกัน อย่างน้อย ๆ มีคนมาช่วยเลือกของขวัญให้ลูกสาวเพื่อนสนิทพ่อก็ยังดีกว่าต้องมาเดินเลือกคนเดียวเป็นไหน ๆ’

เมื่อไทม์คิดได้เช่นนั้นจึงหันไปพูดคุยกับสายชล “เจ้าอ้วน ของขวัญวันเกิดเด็กผู้หญิง 10 ขวบซื้ออะไรดี ?”

“ฮึ ใครเจ้าอ้วน” สายชลขมวดคิ้วแน่น

“อ้าว แล้วนี่คุยอยู่กับใครล่ะ” ไทม์ยกยิ้มมุมปากอย่างกวนอารมณ์

“ผมชื่อสายชล เรียกชลเฉย ๆ ก็ได้” เด็กหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ราวกับแมวน้อยที่พร้อมจะข่วนคนที่พูดจาไม่เข้าหูได้ทุกเมื่อ

“แหม ทำหน้าอย่างกับแมวที่โดนแย่งของเล่นเลย” ไทม์เอ่ยแซว สีหน้าและท่าทางคนตัวเล็กตอนนี้เหมือนเจ้าโรซี่ แมวเปอร์เซียหน้าเหวี่ยงที่เขาเลี้ยงไว้ที่ต่างประเทศไม่มีผิด

“อยากโดนแมวข่วนหน้าไหมล่ะ ?” สายชลยกมือกางเล็บ ขมวดคิ้ว ย่นจมูกก่อนจะแยกเขี้ยวพร้อมจะข่วนหน้าหล่อ ๆ ของคนตรงหน้าหากคนแก่กว่าเผลอ

“แมวอ้วนเอ๊ย” ไทม์บ่นพึมพำแล้วเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวกับท่าทางน่ารักของสายชล

“นึกออกแล้ว เราไปร้านขายของกิฟต์ช็อปกันดีกว่า ตรงโน้น… ชลเดินผ่านมากับพี่ฟ้าเห็นร้านน่ารักดี ไปกันครับ” สายชลพูดพลางดึงแขนไทม์ไปยังร้านที่ว่านั่น

“เดี๋ยวสิ ไปไหนเด็กแคระ แหม ทีอย่างนี้เดินไวเชียวนะ” ไทม์บ่นอุบแต่เขาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กควงแขนไปอย่างไม่ขัดขืน ถึงไทม์จะเพิ่งรู้จักกับสายชล แต่ด้วยนิสัยร่าเริงใสซื่อจนยอมให้เขาแกล้งได้ ทำให้ไทม์เอ็นดูและอยากจะใช้เวลาตอนนี้กับเด็กหนุ่มแปลกหน้า เขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวงหรือพรหมลิขิตจนได้มาเจอกับตัวเอง

อ้อมกอดของสายชลทำให้ไทม์รู้สึกประทับใจ แววตาที่มองมาที่ไทม์ราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกลึกซึ้งในใจ ทำให้ไทม์แทบอยากจะเก็บเด็กคนนี้พับใส่กระเป๋ากลับบ้าน หรือนี่จะเป็นรักแรกพบ แม้ไทม์จะเคยคุยกับใครมาหลายคน แน่นอนว่าเขาเคยกอดคนมาไม่น้อย แต่อ้อมกอดและแววตาที่ทำให้หัวใจของเขาวูบไหวจนอยากอยู่ด้วยตลอดนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนอย่างแน่นอน

“ไหนบอกตัวเองขายาว พี่ไทม์เดินเป็นเต่าเลยนะครับ” สายชลแซวกลับขณะที่เผลอควงแขนคนโตกว่าอย่างลืมตัว

“แล้ว… จะมาร้านแบบนี้ทำไม มีแต่ของสีชมพู” ไทม์มองเข้าไปในร้านที่มีแต่ของตกแต่งน่ารักสีชมพู ดูแล้วไม่มีความเข้ากับเขาอย่างสิ้นเชิง

“อ้าว ก็พี่ไทม์ให้ช่วยคิดไม่ใช่เหรอครับ ของขวัญเด็กผู้หญิง 10 ขวบยังไงล่ะครับ” สายชลพูดพลางสบตาคนโตกว่าเอียงคออย่างสงสัย เพราะไทม์เป็นคนชวนเขามาเลือกของขวัญเองแท้ ๆ แต่กลับถามว่ามาร้านนี้ทำไมเสียอย่างนั้น

“งั้นก็เข้าไปสิ พูดมากอยู่ได้” ไทม์แสร้งดุแก้เขิน เพราะเจ้าเด็กตัวเล็กทำหน้าตาใสซื่อเอียงคอเล็กน้อยแบบนั้น ยิ่งทำให้หัวใจของไทม์ทำงานหนัก เขาผลักประตูเปิดให้กับคนเด็กกว่าเพื่ออำนวยความสะดวก ขณะที่สายชลหันมาสบตากับไทม์ หัวใจของทั้งสองคนก็เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ

สายชลรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ‘พี่ไทม์กวนประสาทหาเรื่องเราคล้ายกับครั้งแรกที่เจอกันเลย แต่ลึก ๆ แล้วพี่ไทม์ก็ยังเป็นคนที่อบอุ่นอยู่ใช่ไหม ผมสัมผัสได้ เอ๊ะ หรือเราจะมโนคิดไปเองวะเนี่ย’

“อ้าว ยืนทำสมาธิอะไรอยู่ !!!” ไทม์กระแทกเสียงดังทำให้สายชลตกใจหันขวับมือปัดเข้ากับนาฬิกาทรายที่อยู่บนชั้นวางถัดจากประตู แต่โชคยังดีที่ไทม์เอื้อมมือมาคว้ากล่องนาฬิกาทรายนั่นไว้ทันก่อนมันจะตกแตก

“เจ้าเด็กแคระ ซุ่มซ่ามจริง ๆ ของเกือบจะแตกแล้วไหมล่ะ” ไทม์ดุเสียงเข้มขณะที่สายชลได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก

“พี่ไทม์ครับ ชลขอโทษ” สายชลพูดเสียงเศร้าแววตารู้สึกผิด เด็กหนุ่มรู้สึกว่าที่เขาคิดว่าไทม์น่าจะยังเป็นคนอบอุ่นเหมือนเดิมไม่มากก็น้อย คงจะเข้าใจผิดไป เพราะไทม์คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เอาแต่บ่นเขา ดุเขา สายชลคิดดังนั้นแล้วทำให้ความหวังที่จะได้ไทม์คนที่เขารักกลับคืนมาช่างห่างไกลออกไป

สายชลรู้ดีแก่ใจว่าถึงจะเป็นคนคนเดียวกันก็จริง ทว่าไทม์คนที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึก ความผูกพันกับสายชลไปมากกว่าคนที่เพิ่งจะพบกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่กระนั้นสายชลก็ไม่อาจตัดใจจากไทม์ได้โดยง่าย นั่นเพราะไทม์คือคนที่สายชลผูกพัน มิหนำซ้ำยังเป็นเจ้าชายของเขาและจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจสายชล

“เออ… ช่างมันไม่ตกก็ดีแล้ว จะทำหน้าแบบนั้นทำไม” ไทม์เสียงอ่อนลง รู้สึกใจหวิวเมื่อเด็กน้อยหน้าถอดสี เขาคงจะดุเสียงดังไปจริง ๆ ไทม์ตั้งใจแค่จะแกล้งให้เจ้าแมวอ้วนตกใจเล่น ๆ แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าสายชลจะรู้สึกผิดจนหน้าเศร้าราวกับแมวน้อยหูลู่หางตกขนาดนี้ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดไปด้วย

“แล้วจะเลือกอะไรให้ลูกเพื่อนพ่อดีล่ะครับ” ไทม์พูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พลางชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อทำให้บรรยากาศกลับมาสดใสขึ้น แต่สายชลยังคงตอบคำถามอย่างคนที่ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน

ไทม์ถามทีสายชลก็ตอบทีจนคนโตกว่าเริ่มอ่อนใจ เขาไม่ค่อยเอาใจใส่หรือง้อใคร ปกติเขาจะถูกเอาใจมากกว่า แต่เมื่อเจอกับสายชล ไทม์ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงแปลกไป แล้วจู่ ๆ สายชลหยุดเดินจนไทม์เกือบจะชนกับแผ่นหลังคนตัวเล็ก

“น้องอายุตั้ง 10 ขวบแล้วจะเด็กน้อยก็ไม่ใช่ จะเข้าวัยรุ่นก็ไม่เชิง ผมว่าช่วงวัยนี้บางคนก็ไม่ชอบเล่นตุ๊กตาแล้วละ”

“งั้นจะเลือกอะไร ผู้หญิงก็ต้องคู่กับตุ๊กตาสิ” ไทม์พูดพลางคิดถึงแพรววาน้องสาวของเขา รายนั้นไม่ว่าไปเที่ยวประเทศไหนมักจะแวะซื้อตุ๊กตาติดมือมาด้วยเสมอ ทั้งที่ตอนนี้โตจนเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยังชอบเล่นตุ๊กตาเป็นเด็ก ๆ อยู่เลย

“ไม่เสมอไปหรอกครับ เรื่องบางเรื่อง คนบางคนอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดเสมอไปก็ได้นะครับ” สายชลพูดพลันคิดถึงไทม์คนที่เขารู้จัก เมื่อมองหน้าไทม์ตอนนี้แล้ว ทำให้สายชลรู้สึกอึดอัดหัวใจจนเผลอพรูลมหายใจยาวต่อหน้าคนแก่กว่า

‘ถ้าผมใจเย็นกว่านี้สักนิดแล้วฟังพี่ไทม์อธิบายสักหน่อย ก็คงไม่รู้สึกเสียใจแบบตอนนี้ ทั้งที่พี่ไทม์อยู่ตรงหน้าผมตรงนี้แล้วแต่กลับเหมือนไกล คนที่อยู่กับผมตอนนี้ราวกับคนที่ไม่รู้จักกัน… ลืมไป… ก็เราไม่รู้จักกันจริง ๆ นี่เนอะ’ สายชลยิ่งคิดดังนั้นก็ถอนหายใจ ใบหน้าเศร้าจนเก็บอาการไม่มิด

“คำคมเหรอ พูดอะไรไม่เข้าใจ” ไทม์ฟังแล้วคิดตามทว่าก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าคนตัวเล็กต้องการที่จะสื่ออะไรกับตน การที่คิดเอาเองว่าเด็กผู้หญิงชอบตุ๊กตามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าขนาดนั้นเลยหรือนี่ ?

“ผมหมายถึง… ไม่ใช่เด็กทุกคนหรอกครับที่จะชอบตุ๊กตา”

“งั้นเราเลือกอะไรดี” ไทม์เดินไปทั่ว ๆ ร้านพร้อมกับหันมายิ้มให้สายชลอย่างใจดี

‘รอยยิ้มแบบนี้ พี่ไทม์รู้ไหมมันทำให้ผมอยากจะกระโดดเข้าไปกอดพี่จริง ๆ พี่ไทม์ผมคิดถึงพี่’ สายชลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วบอกตัวเองว่าต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้…

“ชุดเครื่องเขียนซานริโอ้ดีไหมครับ” สายชลชี้ไปที่ชุดเครื่องเขียนลายน่ารักครบเซตที่เด็กประถมคนหนึ่งถืออยู่ในมืออย่างทะนุถนอม

“แล้วซานริโอ้มันคืออะไร” ไทม์ถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเป็นพวกสไปเดอร์แมน มาร์เวล แบบนั้นก็ว่าไปอย่าง

“เอ่อ ช่างมันเถอะครับ เอาเป็นลิตเติลทวินสตาร์แล้วกันนะครับ” สายชลก้มลงไปหยิบตัวการ์ตูนฝาแฝดชายหญิงที่นั่งอยู่บนดวงดาวและพระจันทร์ กิฟต์เซตกล่องใหญ่ถูกส่งให้คนโตกว่าอย่างอ้อยอิ่ง

“อยากได้อะไรไหม ?” ไทม์เอ่ยปากถามเจ้าแมวน้อยที่ดูตื่นเต้นกับของทุกอย่างในร้านเหมือนเจอของถูกใจ

“ไม่ละครับ ของในร้านน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าผมมีน้องผู้หญิงสักคนก็คงจะดี” สายชลพูดพลางเดินไปยังด้านหน้าของร้าน

ไทม์ก้าวขาฉับไปชำระเงินรอที่จุดห่อของขวัญ ระหว่างนั้นเขาทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไป และแน่นอนว่าไทม์ก็เอาแต่ยียวนกวนใจให้สายชลรู้สึกหัวร้อนจนแทบปะทุ

ด้านเด็กหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนที่อบอุ่นราวกับหลุดออกมาจากนิยายที่เขารู้จักจะเคยเป็นคนนิสัยแบบนี้มาก่อน อันที่จริงไทม์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะ แค่กวนประสาทและหลงตัวเองไปหน่อย

“ทำไมถึงต้องเลือกทวินสตาร์อะไรนั่นด้วย พี่เห็นมีน่ารัก ๆ ตั้งหลายแบบ” ไทม์พยายามชวนสายชลคุยเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกโมโหที่เขาแกล้ง

“ก็ไม่ไง” สายชลตอบสั้นห้วน

“จะไม่ไงได้ยังไง พี่เห็นยืนมองตั้งนานสองนาน ทำไมแฟนชอบไอ้ตัวนี้เหรอ” ไทม์ยกยิ้มแซวคนตัวเล็ก

สายชลหันขวับ “แฟนอะไร ไม่มีโว้ย” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่งเบ้ปากตอบอย่างหงุดหงิด

สายชลเผลอคิดถึงภาพที่เขากับไทม์ที่ประทับจูบ มือที่คอยกุมไว้อย่างอ่อนโยน หรือแม้แต่สัมผัสที่ชวนรัญจวนหัวใจ สายชลรู้สึกเจ็บปวดแต่ทำได้เพียงจดจำความผิดพลาดที่เขาเองรีบร้อนวิ่งหนีปัญหาโดยไม่รับฟังให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าสายชลจะผ่านเรื่องอะไรมาเท่าไร ไม่ว่าไทม์จะดูแลเขาดีอย่างไร แต่ทั้งสองก็ไม่ได้มีสถานะแน่นอน หรืออาจจะไม่เคยเป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ…

“พี่แค่แซว ทำไมต้องทำหน้าโกรธอย่างกับพี่ทำอะไรผิดด้วย ไอ้แมวแคระเอ๊ย” ไทม์มองหน้าสายชลก่อนจะขยี้หัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

“ก็บอกว่าชื่อสายชลไง” สายชลพูดพร้อมขมวดคิ้วแน่นอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใคร ๆ จึงชอบตั้งฉายาให้เขานักนะ ดรีมเคยบอกว่า การที่ตั้งฉายาให้ใครสักคนนั่นหมายความว่า คนคนนั้นอาจเป็นคนที่พิเศษกว่าใคร ไม่ก็เป็นคนที่เกลียดมากจนไม่อยากแม้แต่จะเรียกชื่อ แต่สายชลว่าไทม์น่าจะเป็นคนประเภทหลังมากกว่า แล้วเขาไปทำอะไรให้ไทม์ไม่ชอบใจกันล่ะ

“อื้ม รู้แล้วแต่จะเรียกแมวอ้วน แมวแคระ ไม่ได้หรือยังไง ?” ไทม์เถียงคนเด็กกว่าอย่างอารมณ์ดี เขาเลิกคิ้วลอยหน้าลอยตาท่าทางนั่นยั่วโมโหสายชลไม่น้อย ขณะที่สายชลเผลอไทม์จึงหยิบมือถือของเด็กหนุ่มจากข้อมือบาง

“เดี๋ยวก่อนสิครับจะเอาโทรศัพท์ชลไปทำไม เอาคืนมานะ” สายชลมองตามมือหนาที่เส้นเลือดปูดโปน

“ก็จะยิงเบอร์เข้าเครื่องพี่ไงเล่า” ไทม์ถือวิสาสะเปิดเข้าโทรศัพท์ของสายชลที่ไม่ได้ล็อกเครื่อง

“ขอดี ๆ ไม่เป็นหรือไง” สายชลกอดอกมุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจ หากไทม์บอกดี ๆ เขาก็พร้อมจะให้ และแม้ไทม์ไม่เป็นฝ่ายขอไลน์ สายชลก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเป็นคนขอไลน์เขาอยู่แล้ว

“งั้นขอแล้วกัน” ไทม์เหลือบตามาที่คนเด็กกว่าเพียงวูบหนึ่งแล้วกดโทรศัพท์ของสายชลอย่างไม่สนใจสายตาพิฆาตของคนตัวเล็ก

“โอ๊ย ไม่ใช่แบบนี้สิ นี่หยิบไปแล้วจะมาบอกอะไรตอนนี้ หึ”

“อ้าว เข้าใจอะไรยากจริง ๆ ปกติพี่ไม่ให้คอนแท็กต์ใครง่าย ๆ นะ เห็นแก่ที่ช่วยมาเลือกของขวัญให้ จะให้เบอร์กับไลน์เอาไว้แล้วกัน” ไทม์ร่ายยาวขณะที่มือกดพิมพ์เบอร์โทร. ที่จริงเป็นไทม์ที่กลัวคนเด็กกว่าจะไม่ยอมให้เบอร์ ประจวบเหมาะกับโทรศัพท์มือถือของสายชลอยู่ใกล้แค่เอื้อมพอดี

ชายร่างสูงโปร่งเพิ่มรายชื่อเข้าโปรแกรมไลน์ ก่อนจะส่งโทรศัพท์กลับคืนให้คนเด็กกว่าซึ่งเป็นกำลังทำหน้ายุ่งอย่างไม่เข้าใจการกระทำของไทม์ แต่สายชลก็คิดว่านั่นถือว่าเป็นเรื่องดีที่เหมือนกัน อย่างน้อย ๆ เขาจะได้มีไลน์ไทม์เอาไว้เผื่อฉุกเฉิน

“พี่ไทม์เสียมารยาท”

“อะไรกัน ก็เห็นน้องเข้ามากอดเข้ามาจีบเองก่อน หรือไม่อยากได้เบอร์ ถึงจะอยากได้หรือไม่อยากได้แต่พี่ก็มีเบอร์น้องแล้ว” ไทม์พูดวกไปวนมา ดุนลิ้นที่ข้างแก้มยืนแกว่งโทรศัพท์มือถือของตนที่ปรากฏหน้าไทม์ไลน์ของสายชลด้วยความยียวน แน่นอนว่าสายชลได้แต่ยืนบ่นพึมพำใส่คนโตกว่า สร้างรอยยิ้มจาง ๆ ให้กับไทม์ ทำให้หัวใจของทั้งสองฟูฟ่อง

ติ๊ง ติ๊ง …

“นี่ไลน์พี่นะ ทักสติกเกอร์ไปแล้ว” ชายหนุ่มพูดยาวขณะที่สายชลยืนอึ้งในความมั่นหน้าของไทม์

สายชลเปิดไลน์ก่อนจะอึ้งยกกำลังห้า ‘ต้องเป็นคนแบบไหนวะเนี่ย ส่งสติกเกอร์ไลน์ที่เป็นหน้าตัวเองมาให้คนที่เพิ่งรู้จักกันวันแรก’

“เป็นไงหล่อไหม เนี่ยจ้างพี่ที่ทำงานพ่อทำเลยนะเนี่ย แต่จะบอกว่าไม่ค่อยส่งให้ใครง่าย ๆ นะ มีแค่คนสนิทเท่านั้นละ” ไทม์พูดพลางกอดอก เขาภูมิใจกับสติกเกอร์ไลน์ที่มีทั้งหน้าและกรอบคำพูดที่ให้ออกแบบโดยเฉพาะ แต่ปกติก็จะมีเพียงคนในครอบครัวและราเชนทร์เท่านั้นที่เขาส่งให้

สายชลยิ้มแห้งแทนคำตอบ…

“ดูดีจนอึ้งไปเลยเหรอ น้องสาวพี่ก็บอกว่าดูดี และก็ทำหน้าแบบนี้เหมือนกันเป๊ะ” ไทม์ยังคงคุยโว ในขณะที่สายชลถอนหายใจซ้ำเป็นรอบที่เท่าไรเขาก็ลืมนับไปแล้ว

‘พี่ไทม์คนนี้นอกจากมั่นหน้าไม่พอ ยังพูดมากอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ไทม์ถึงกลายเป็นคนนิ่งเงียบและขรึมขนาดนั้น จะว่าไปแล้วพี่ไทม์แบบปัจจุบันก็ดูน่าปวดหัว น่ารักแบบแปลกตาไม่น้อยเลยนะ’ สายชลมองท่าทางยียวนของไทม์แล้วอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้

ไม่นานนักของขวัญก็ถูกห่อจนเรียบร้อยทั้งคู่จึงออกมาจากร้านกิฟต์ช็อป สายชลนึกได้ว่าทิ้งดรีมมานานถึงเวลาที่ควรกลับสักที

“พี่ไทม์ครับ เดี๋ยวชลต้องขอตัวก่อนนะ” สายชลพูดเสียงอ่อน ถึงแม้จะยังไม่อยากจากไทม์ไปแต่เพราะเขาก็ออกมานานแล้ว และท้องก็เริ่มเรียกหาเค้กและน้ำปั่นอร่อย ๆ แล้วด้วย

“อ้าว จะรีบไปไหน” ไทม์ยังไม่อยากแยกกับสายชลเช่นกัน แต่เขายังคงวางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจ

“ผมออกมานานแล้ว พอดีผมมากับพี่ ๆ เดี๋ยวพวกพี่เป็นห่วงครับ”

“เด็กน้อยจริง ๆ เลย” ไทม์พูดก่อนจะเผลอยกมือขึ้นลูบหัวสายชลอย่างเอ็นดู

“วันนี้ขอบคุณมากนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนมวันหลังก็ได้” ไทม์สบตาใจหวั่นไหว ทว่าก็รู้สึกเศร้าในขณะเดียวกันที่ต้องแยกจาก

“ครับ” สายชลอยากจะพูดอะไรอีกมากมายแต่ก็เอ่ยออกมาได้เพียงแค่นั้น

“ส่วนกล่องนี้พี่ให้ครับ” ไทม์ยื่นถุงใบย่อมส่งให้สายชลด้วยแววตาจริงใจ

“อะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มเอียงคอ ก่อนจะขมวดคิ้วจนพันกันยุ่งเหยิง

“ของขวัญไงครับ”

สายชลขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม “เนื่องในวันอะไรครับ ?”

“วันที่เรารู้จักกันวันแรกไงครับ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแววตาเปล่งประกายจ้องมองมายังสายชล นั่นคงเป็นประโยคแรกและประโยคเดียวของวันนี้ที่ทำให้สายชลรู้สึกถึงความอ่อนโยนภายในจิตใจของคนตรงหน้า เขายื่นมือไปรับของขวัญพลางสบตากับไทม์ เด็กหนุ่มอยากให้เวลาหยุดลงตรงนี้ ตรงที่มีเพียงเขาและไทม์…

สายชลรับถุงกระดาษขนาดไม่ใหญ่มากนักมา เมื่อแง้มออกเล็กน้อยก็เห็นกล่องของขวัญผูกโบสีเงินดูน่ารักสีเข้ากันกับกระดาษห่อลายหินอ่อนสีดำ พร้อมกับการ์ดใบเล็ก ๆ

“ผมหยิบขึ้นมาอ่านตอนนี้เลยได้ไหม” สายชลเอ่ยปากออกไป เพราะเด็กหนุ่มรู้ว่าอาจเป็นการเสียมารยาทที่เปิดการ์ดอ่านในตอนนี้

รัตติกาลมองสายชลด้วยสายตานิ่งขรึมก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ เป็นเชิงอนุญาต สายตาที่ไทม์ส่งมาให้คนเด็กกว่านั้นเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็เดาไม่ออกหรอก ก็วันนี้ทั้งวันเขารู้สึกเหมือนโดนไทม์ปั่นหัวเล่นจนสนุก เขาสนุกเหรอ ไม่เลยสักนิด ออกไปทางหงุดหงิดมากกว่าด้วยซ้ำ แต่มาคิดดูแล้วก็คล้ายกับครั้งแรก ๆ ที่ทั้งสองเจอกันเหมือนกันนะ พูดแล้วสายชลก็คิดถึง อันที่จริงไทม์คนที่เขารู้จักกับไทม์คนตรงหน้านี้ก็คือคนเดียวกันนั่นละ คนที่เป็นเจ้าชายของเขา ยิ่งได้เห็นลายมือที่คุ้นเคย น้ำหนักปากกาที่กดลงบนกระดาษมันทำให้เขาคิดถึงจดหมายหลาย ๆ ฉบับที่ไทม์เคยส่งให้จริง ๆ แม้ว่าช่วงหลังนี้เจ้าชายจะไม่เขียนจดหมายหาเลย อาจเพราะเจอสังคมใหม่ ๆ หน้าที่การงานที่รุมเร้า

“เป็นอะไรหรือเปล่า” ไทม์เอ่ยถามเพราะเห็นสายชลใช้มือลูบการ์ดใบน้อยนั่นอยู่นานสองนาน ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เขียนข้อความอะไรมากมาย แต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจของเขา ถึงแม้วันนี้ไทม์จะแกล้งคนเด็กกว่าไปมากจนหลายครั้งที่สายชลดูบึ้งตึง แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่น้องเข้ามาทักทายและได้พูดคุยกันมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีมาก

“เปล่าครับ แค่นึกถึงใครบางคน” สายชลยิ้มจางพร้อมกับอ่านข้อความสั้น ๆ อีกครั้งราวกับต้องการให้ถ้อยคำนั้นฝังลึกลงในจิตวิญญาณ

ถึง เจ้าเด็กแคระ

ของขวัญสำหรับช่วงเวลาดี ๆ หวังว่าจะชอบนะครับ

                                                   รัตติกาล

“งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ” ไทม์แกล้งขยี้หัวสายชลซ้ำ ๆ อีกครั้ง ทว่าจู่ ๆ ก็มีแรงจากด้านหลังปัดมือเขาออกอย่างแรง

“มึงเป็นใคร ลูบหัวไอ้ชลทำไม ?” คนมาใหม่ตะคอกเสียงกร้าวด้วยความเดือดดาล

“พี่สายฟ้า…” สายชลร้องทักอย่างตกใจที่พี่ชายฝาแฝดปัดมือไทม์แรงขนาดนั้น

ไทม์มองคนมาใหม่อย่างไม่ยี่หระ “นี่พี่ของแมวแคระเหรอ หน้าเหมือนกันเลยนี่ สวัสดีพี่ชื่อ…”

“ใครแมวแคระอะไรกัน น้องกูชื่อสายชล” สายฟ้าจ้องหน้า เน้นเสียงใส่คนโตกว่าอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว

“ทำไมดุขนาดนั้น งั้นเดี๋ยวพี่ไลน์หานะครับ” ไทม์แกล้งแฝดพี่จนโมโหหน้าแดง แล้วเดินจากไป ทิ้งให้สายชลต้องคอยตอบคำถามสายฟ้าเพียงลำพัง

“มีอะไรจะเล่าไหม ?” สายฟ้าจ้องหน้าเด็กหนุ่มราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ

“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันได้ไหม… ไปหาพี่ดรีมกันดีกว่า ว่าแต่พี่สายฟ้าไปร้านดนตรีมาได้อะไรมาบ้างน้า” สายชลแสร้งเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวพี่ชายจะโกรธ

“กูรู้ว่ามึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่ไม่ได้ผลหรอก” สายฟ้ามองน้องชายด้วยสายตาคาดโทษ และเขาก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้หน้าหล่อคนนั้น และไม่อยากให้สายชลไปข้องแวะหรือเข้าใกล้ สายฟ้าดึงแขนน้องฝาแฝดไปยังร้านที่ดรีมนั่งรออยู่ ก่อนจะหยุดอย่างกะทันหันจนสายชลเอียงคอมองหน้าเขาด้วยความสงสัย

“อ้อ อันที่จริงกูไปร้านหนังสือมา ไม่ใช่ร้านดนตรี !!!”

เคร้ง !!!

สายชลได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างแตก เขาอยากจะทุบหัวตัวเองให้หายเบลอเสียจริง แทนที่จะทำให้สายฟ้าหายเคือง ดูเหมือนว่าคนพี่จะเดือดดาลมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบความเร็วในการก้าวเท้ากับความแรงในการฉุดกระชากเขา วันนี้มันเป็นวันอะไรของสายชลกันเนี่ย คนโน้นลากไป คนนี้ลากมา…

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ