[บทพิเศษ : สายฟ้า&สายชล]
บรรยากาศบ้านริมสระที่ปกคลุมไปด้วยหมู่แมกไม้และหินใหญ่น้อยประดับประดาอย่างสวยงามสมฐานะท่านประธานบริษัทปุญคีตะ บรรดาพี่ ๆ ต่างดื่มน้ำสีอำพันตั้งวงสนทนา ยามที่ท้องฟ้าเปิดส่งให้มองเห็นหมู่ดาวพราวแสงระยิบระยับ สายลมพัดโชยเอื่อยกระทบผิว ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นพานสงบนิ่งราวกับดวงจันทร์ที่ลอยเด่นสะท้อนกับผิวน้ำเวลานี้
สายชลเผลอนึกไปว่า ถ้าเขามีพี่ชายจริง ๆ หากพี่สายฟ้าเป็นพี่ชายของเขา ชีวิตของเขาคงจะดีมากเลยทีเดียว ไม่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวกับแมวอีกหนึ่งตัว มันเหงามาก ๆ เลยนะ ถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ลึก ๆ ในจิตใจอันบอบบางดวงนี้แล้วเขาว้าเหว่มากเลยทีเดียว
“นั่งเหม่ออะไรคนเดียว” สายฟ้าทักถามด้วยใบหน้าสงสัย ในมือถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใบหน้าสีแดงระเรื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ชายตรงหน้าเริ่มจะมึนเมาพอสมควรแล้ว
“คิดถึงบ้าน คิดถึงชีวิตที่ผ่านมาครับ” สายชลสบตามองผู้ชายตรงหน้าอมยิ้มบางเบาด้วยสายตาเหงา จนสายฟ้าพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วยอย่างน่าประหลาด
“สายชลเป็นคนกรุงเทพฯ เหรอ” สายฟ้าเอ่ยถามพร้อมกับนั่งหย่อนขาลงสระน้ำข้าง ๆ กับคนเด็กกว่า
สายชลส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบาง “ผมเป็นเด็กชายทะเลครับ เกิดและโตที่หัวหิน”
“ทะเลที่หัวหินเหรอ ?” สายฟ้าทำท่านึก
“จริง ๆ เคยฝันถึงทะเลนะ” สายฟ้าพูดพลางหลับตา
“ความฝันที่บางเบาแทบจะเลือนรางแล้วละ… เหมือนเห็นแสงกระทบผิวน้ำระยิบระยับ เท้าเหยียบย่ำบนหาดทรายเนื้อละเอียด ความรู้สึกนุ่มที่ฝ่าเท้าแต่อบอุ่นไปถึงหัวใจ ในตอนนั้นกำลังวิ่งเล่นกับเด็กคนนึง เราทั้งคู่มีความสุขมาก และก็สนุกมากเลยแหละ” สายฟ้าเล่าด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แล้วมองหน้าสายชลราวกับว่าอยากให้ความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง
...สายชลนั่งฟังชายที่มีหน้าตาคล้ายตนเล่า พลางให้คิดถึงความฝันของตัวเองเช่นกัน ยามใดที่เขารู้สึกหวาดกลัวท้อแท้ในฝันเขาเห็นมือคู่หนึ่งกอบกุมเขาอย่างกล้าหาญมั่นคง มือคู่นั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก ๆ คล้ายกับพี่สายฟ้าเลย ปลอดภัย มันรู้สึกปลอดภัยแบบบอกไม่ถูก
หลาย ๆ คนพูดถึงพี่สายฟ้าต่าง ๆ นานา ว่าเป็นคนดุ พูดจาโผงผางบ้าง อยู่ด้วยยาก ไม่ค่อยมีใครอยากนั่งคุยกับพี่เขานาน ๆ แต่สำหรับสายชลแล้ว พี่สายฟ้าเป็นผู้ชายที่เขาอยู่ใกล้แล้วรู้สึกอบอุ่น พี่เขาค่อนข้างเป็นคนตลกก็ว่าได้นะ ตลกหน้าตายเลยละ เขาแอบขำอยู่ตั้งหลายครั้ง ก็ไอ้ท่าทีดุ ๆ นี่แหละ ทำไมเขามองอย่างไรก็ไม่เห็นน่ากลัวเลย
“เป็นความฝันที่ดีมากเลยนะครับ ดีซะจนอยากให้เป็นจริงเลย” สายชลพูดพลางยิ้มด้วยแววตาที่อ่อนโยนจนสายฟ้าอดเอ็นดูไม่ได้ มือหนาเอื้อมมาลูบเบา ๆ ที่ผมนิ่มของสายชล จู่ ๆ สายชลก็นึกอยากรู้ว่าพี่สายฟ้าเป็นมาอย่างไร มันแปลกมาเลยนะที่พวกเขาหน้าตาเหมือนกันมาก อาจต่างกันที่ส่วนสูงกับแววตา ถ้าไม่มีใครสังเกตพวกเขาดี ๆ อาจเดายากเลยก็ได้นะ “พี่สายฟ้าเกิดวันไหนครับ”
“เอ่อ วันที่ 31 ธันวาคม 2548”
“จริงเหรอพี่” สายชลพูดเอ่ยน้ำเสียงตระหนกตกใจ
“อ้าวกูจะโกหกทำไม” สายฟ้าเสยผมลวก ๆ แก้เซ็ง
“ว่าแต่สายชลเถอะ เกิดวันไหนล่ะ”
“ชลเกิด 1 มกราคม 2549” สายชลตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้นราวกับลิงโลด
“เออหน้าเหมือนกันไม่พอ เกิดวันใกล้กันด้วยแปลกดีว่ะ”
“…” สายชลยิ้มหวานแล้วยกน้ำอัดลมดื่มแก้เขิน
“เฮ้ยมึง เดี๋ยวนะ”
“อะไรครับ พี่สายฟ้า”
“มึงเกิดตอนกี่โมง”
“ผมเหรอ… เกิดเวลาเที่ยงคืน 1 นาทีอะพี่ เลขสวยเนอะผมถึงนับเลข 1 เป็นเลขนำโชคของผมเลยนะ” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมชูนิ้วชี้ที่สวมแหวนเงินวาววับ ย้ำคนแก่กว่าตรงหน้าว่าเลขหนึ่งนำโชคจริง ๆ
“อ้าว พี่สายฟ้าเป็นอะไรไป นิ่งอึ้งอะไร”
“คือกูเกิดเวลา 5 ทุ่ม 58 นาที เรื่องนี้ไม่ปกติแล้ว”
“อื้ม แล้วยังไงอะพี่สายฟ้า เดี๋ยวพี่... จะดึงชลไปไหน”
“ไปนั่งคุยดี ๆ ไง”
“โอเค ชลเจ็บนะ ป่าเถื่อนจริง”
“เออ ๆ ขอโทษ มึงนี่บอบบางจัง ต่างกับกูทนมือทนตีนมาก ๆ” สายฟ้าหัวเราะใส่เด็กร่างบอบบางตรงหน้าที่บ่นเจ็บ ทั้งที่เขาเพียงแค่ดึงมานั่งดี ๆ ก็เท่านั้น
“เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้สายฟ้า น้องมันบอกมึงป่าเถื่อนนี่มันน่าภูมิใจเหรอวะ”
ดรีมแซวสายฟ้าที่ยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าพึงพอใจ ขณะที่สายฟ้าเล่าเรื่องวันเดือนปีเกิดทั้งของเขาเองและสายชลให้กับเพื่อน ๆ ฟังทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องใช่แน่ ๆ ต้องเป็นฝาแฝดกันแน่ ๆ พาลให้ทุกคนแทบจะสร่างเมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทม์และซัน...
“เติมเหล้าอีกหน่อยไหมพี่ หรือจะเอากุ้งเผาเพิ่มดีฮะ” ซันกุลีกุจอดูแลสายฟ้า
“ผีเข้าเหรอซัน จู่ ๆ มาดูแลกูอะไรเอาป่านนี้”
“ก็ผมแค่อยากดูแล อยากเทคแคร์พี่สายฟ้าเฉย ๆ” ซันพูดเสียงหยอกเย้าตามสไตล์แล้วแสร้งทำเป็นนวดบ่าสายฟ้า ทำให้สายชลมองซันด้วยความขบขัน
“ซันไม่กลัวพี่สายฟ้าแล้วเหรอ” สายชลแซว
“อะไรกันชล ไม่มี้ไม่มี ใครกลัว บ้า ไม่จริ๊ง” ซันพูดแล้วโบกมือปัดไปมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับวงสนทนา
“ผมว่าเรื่องคุณกับสายชล เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยสืบกันต่อแล้วกัน วันนี้ถือว่าเลี้ยงฉลองที่ทั้ง 2 คนได้พบหน้ากัน ดีไหม” เชนเอ่ยพร้อมกับยกแก้วสีอำพันขึ้นเพื่อดื่มยินดีให้กับสายฟ้าและสายชล
“พูดดีกับเขาก็เป็นนะมึงเนี่ย” ดรีมอมยิ้มพร้อมกับบ่นพึมพำ
“ทำดีแล้วมีรางวัลไหม” ราเชนทร์หันมาทางดรีม ก้มกระซิบพูดอย่างแผ่วเบา
สายตาราเชนทร์คอยลอบมองสายฟ้า แต่คนทางนั้นไม่ทันได้สนใจ ราเชนทร์ได้ใจจึงลากมือหนาไปที่ต้นขาของดรีมเบา ๆ สร้างความซาบซ่านรัญจวนให้แก่คนที่ถูกกระทำ เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สติที่อยู่เหลือเพียงน้อยของดรีมแทบขาดสะบั้นด้วยการสะกิดเล้าโลมเพียงเล็กน้อย
“ไทม์กูฝากตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูเข้าบ้านก่อน พรุ่งนี้เช้ามีประชุม”
“อื้ม เดี๋ยวกูว่าจะดื่มอีกสักหน่อย” ไทม์พูดพลางนั่งมอง สายชลที่กำลังคุยกับสายฟ้าและซันอย่างสนุกสนาน ด้วยสีหน้าสดใสร่าเริง
“แค่มอง น้องมันจะรู้เหรอวะ” ราเชนทร์กระซิบแซวคนที่เอาแต่นั่งมองเด็กที่แอบชอบ
“เรื่องของกูน่า” ไทม์พูดพร้อมกับทำท่าทีหัวเสีย
“ระวังโดนไอ้ซันคาบไปแดกนะ รายนั้นออกตัวแรงมาก” ดรีมที่กำลังเมาได้ที่พูดแซวไทม์ไปอีกเสียง
“เมาแล้วคุณดนัย ไปเข้าบ้านกัน” เจ้าของบ้านทำเสียงดุพร้อมกับพยุงร่างเขื่องของคนในอ้อมแขนเข้าไปในบ้าน
“ไอ้ฟ้า กูฝากน้องชลด้วยนะ ดูแลน้องดี ๆ เข้าใจม้ายยย…” คนร่างสูงที่เริ่มพูดเสียงอ้อแอ้ด้วยฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมาตะโกนเสียงดัง
ในขณะที่เชนพยุงร่างโซซัดโซเซไปยังทางเข้าบ้าน สร้างเสียงหัวเราะให้กับสายชลอย่างมาก ทั้งที่ดรีมบอกกับเขาตลอดว่าตนคอแข็งยิ่งกว่าเหล็ก แต่ดูท่าทางของพี่ดรีมดูไม่สู้ดีนัก เข้าไปพักดีที่สุดแล้ว
“ผมโตแล้วนะครับ พี่ดรีมไปพักเถอะ เก็บทรงไม่อยู่แล้ว”
“รู้แล้วน่า กูดูให้เอง มึงไปเหอะ นอนนะมึงไม่ใช่ทำอย่างอื่น” สายฟ้าแซวด้วยสีหน้าไม่จริงจัง พลางยกแก้วบรรจุน้ำสีอำพันดื่มจนหมดแก้ว
“เอ่อ คุณสายฟ้ารู้เรื่องเชนกับดรีมด้วยเหรอ” ไทม์พูดด้วยเสียงบางเบาแทบจะกระซิบ
“มีแต่ควายแหละ ที่ไม่รู้” สายฟ้าพูดกระทบกระทั่งไทม์ เน้นเสียงตรงคำว่า ‘ควาย’ จนคนถามหน้าเสียแสร้งเทเหล้าเติมในแก้วที่ว่างเปล่า พร้อมกับเอาแก้วสายฟ้าไปเติมด้วย
“ขอบใจ” สายฟ้าพูดห้วนพร้อมยกยิ้มที่มุมปากอย่างคนได้รับชัยชนะเหนือกว่า
“พี่สายฟ้า พี่ดรีมกับคุณเชนเขาไปสนิทกันตอนไหนเหรอฮะ” สายชลถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“โธ่ น้องควายน้อยของพี่ฟ้า”
“อ้าวก็ไม่รู้นี่นา ว่าจะถามนานแล้วแต่ไม่ค่อยกล้า” สายชลทำหน้าเง้างอน
“แล้วที่พี่สายฟ้าบอกว่า อย่าไปทำอย่าอื่นเนี่ย ทำอะไรเหรอพี่ไทม์ ดูเมาอ้อแอ้ออกขนาดนั้น” สายชลหันไปทางพี่ไทม์พลางถามด้วยเสียงออดอ้อนอยากรู้คำตอบ
“ช่างเรื่องของไอ้ดรีมมันเถอะน่า ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” คนหน้าเหมือนกันราวกับปั้นกล่าวด้วยเสียงดุ
“อันที่จริงเกิดห่างกันแค่ 3 นาทีเองป้ะ ชลโตละนะ”
“กูบอกว่าเด็กก็เด็กสิ ควายน้อยอย่าดื้อกับพี่” สายฟ้าแกล้งสายชลที่ทำหน้าเง้างอน
“ว่าแต่เรื่องที่ดรีมบอก มันเป็นไปได้เหรอวะ” คนโตกว่ากระซิบถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เรื่องไหนเหรอครับ” คนเด็กกว่าหยิบทิชชูเช็ดมือและปากบาง แล้วหันมานั่งคุยกับสายฟ้าด้วยท่าทางจริงจัง
“เรื่องที่สายชลมาจากอดีตเมื่อ 8 ปีที่แล้วยังไงล่ะ”
“ครับ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรื่องราวมันยังไง ทำไมผมถึงข้ามเวลามาได้ ผมไม่รู้ว่าผมข้ามเวลามาทำไมด้วย จนเจอพี่ดรีมทักว่าผมคือพี่สายฟ้า ผมก็แปลกใจนะครับว่าทำไมเราถึงหน้าตาเหมือนกันนัก” สายชลพูดด้วยสีหน้าจริงจังต่างจากก่อนหน้าที่ดูเป็นเด็กสดใสร่าเริง
“แต่ที่พี่สืบประวัติเราคร่าว ๆ”
สายชลมองคนพูดด้วยสายตาลุ้น แต่จนแล้วจนรอดชายหน้าหล่อจัดตรงหน้าก็ยังไม่กล่าวอะไรออกมา ลึก ๆ ในใจเขาก็หวังว่า คนแก่กว่า 3 นาทีตรงหน้าจะเป็นพี่ชายของเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากพี่สายฟ้าเป็นพี่ชายทำไมเขาถึงไม่รู้มาก่อนเลย ถ้ามีพี่จริงป้านิดหรือคุณแม่ก็น่าจะบอกอะไรสักหน่อยไหม ?
สายฟ้าเหลือบตามองซันที่กำลังนั่งมองพวกเขาคุยด้วยสายตาราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางโต๊ะ จนทำให้ซันที่กำลังกินกุ้งเผาถึงกับขนลุกซู่ด้วยความกดดัน
“เอ่อ ผมว่าผมกับพี่ไทม์ไปดื่มกันตรงโน้นดีกว่า” ซันที่ทำท่าเหมือนขนหัวลุกมองสายฟ้าด้วยความระแวงสันหลัง หยิบกุ้งเผาจานโตหอบไปนั่งอีกฟากของสระว่ายน้ำ โดยไม่ลืมที่จะหันมายิ้มหวานพร้อมกับจีบมือส่งมินิฮาร์ทให้กับสายชล
“ไปได้ละ ลีลาเดี๋ยวถีบตกน้ำ” สายฟ้าทำเสียงเข้มดุซันที่ทำตัววนเวียนอยากรู้เรื่องราวด้วยคน
“พี่สายฟ้าดุซันทำไมล่ะ ซันตลกดีออก”
“มันจีบเรา ไม่รู้ตัวเลยหรือไง”
“พี่อะคิดมาก” สายชลยิ้มหวานจนทำให้คนโตกว่าเผลอเอามือขึ้นลูบหัวอย่างเอ็นดู
สายฟ้าเองก็รู้สึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่เขาไม่เคยรู้สึกอยากดูแล อยากปกป้องใครมากเท่าสายชล จะเรียกว่าถูกชะตาก็เห็นจะได้ สายชลดูบอบบางน่าปกป้องแต่ในหลาย ๆ มุมก็ดูเข้มแข็ง เข้าถึงยาก แต่เขาก็เข้าใจน้องอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ว่าแต่เมื่อกี้พี่สายฟ้าจะเล่าอะไรนะครับ สืบประวัติผมได้ความว่ายังไงบ้าง” คนตัวเล็กถามด้วยสายตาอยากรู้ พร้อมเอียงคอเล็กน้อยคล้ายกับแมวขี้อ้อนที่ช่างสงสัย
สายฟ้าหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางเฉียบเปิดเข้าอีเมลดาวน์โหลดข้อมูลสำคัญบางอย่าง เขาอ่านมันอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“นายทินาท ธารสิริประยูร เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2549 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 สาเหตุการตาย ถูกรถยนต์ไม่ทราบทะเบียน วิ่งมาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าชนที่หน้ามหาวิทยาลัย H ถูกส่งโรงพยาบาลนฤบดินทร์ หลังจากนั้น นายทินาทอาการทรง ๆ ทรุด ๆ นอนพักฟื้นเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เกือบ 2 เดือน กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา”
“ได้ยังไง ใครชนผมอะพี่”
“ในรายงานบอกว่า กล้องวงจรปิดเสีย หาคนทำผิดไม่ได้”
“เดี๋ยวนะพี่ ชื่ออะใช่ แต่ผมนามสกุลธารกิติประยูร ไม่ใช่ธารสิริประยูร และวันเดือนปีเกิดเนี่ยไม่ใช่นะครับ ผิดคนหรือเปล่าครับ” สายชลยืนยันเสียงแข็งว่าข้อมูลผิดเพี้ยนไปอย่างแน่นอน
“ไม่น่าผิดแน่ ๆ อะนี่... มีรูปด้วย”
สายฟ้าส่งโทรศัพท์ให้คนเด็กกว่าดูภาพ
“ไหนผมขอดูหน่อย” สายชลหลับตาถอนหายใจยาว แล้วรับโทรศัพท์ของผู้ชายตรงหน้ามาดูด้วยความลุ้นระทึก
“ไม่ ไม่จริงใช่ไหม” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
มือเรียวสั่นระริก ลมหายใจติดขัดไม่เป็นจังหวะ ดวงตามีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ราวกับหัวใจเขาจะแตกเป็นเสี่ยงเมื่อได้เห็นภาพในรายงานการตาย สายชลหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไทม์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสระอดกังวลใจไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าน้องชล” ไทม์ตะโกนมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย คนหน้าซีดหันไปฝืนยิ้มบางแล้วโบกมือไหว ว่าตนไม่เป็นอะไร
“แล้วเอ่อ... เราสองคนมีความเกี่ยวข้องกันไหมครับ” สายชลเอ่ยเสียงแผ่วเบากับคนแก่กว่า
“เรื่องความสัมพันธ์เราสองคน น่าจะได้คำตอบวันพรุ่งนี้นะ เห็นเพื่อนกูบอกว่าได้ข้อมูลละ แต่ขอเช็กอะไรอีกนิดหน่อย”
สายฟ้าพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบ
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยชล… ถึงจะยังไงกูก็ถือว่ามึงเป็นน้องของกูละนะ” สายฟ้ายกแก้วเครื่องดื่มซดจนหมดแก้ว
“ให้เหล้าแก้วนี้เป็นพยานเลย เอ้า” สายฟ้ายิ้มอย่างอ่อนโยน มองคนตัวเล็กที่สีหน้าแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าเป็นกังวลกับเรื่องราวที่เพิ่งฟังไป
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?