ตอนที่ 48แม้อาทิตย์อัสดง สายลมก็ไม่เปลี่ยนทิศ

ในบางครั้งแล้วสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงชีวิตนั้น อาจไม่ได้มาเพราะความบังเอิญ หลายต่อหลายครั้งที่เราพยายามสร้าง ฝึกฝน หรือแม้แต่ทำให้มันเกิดขึ้น เรื่องระหว่างสายชลกับไทม์ตอนนี้ก็เช่นกัน

แสงสุดท้ายของดวงตะวันคล้อยต่ำลงนั่นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าวันที่แสนพิเศษใกล้จะจบลงไปอีกวัน สายชลเอนกายลงบนเก้าอี้ชายหาด ขณะที่ปลายเท้าย่ำเหยียบผืนทรายละเอียดขาวนวล สายตาทอดมองไปยังเกลียวคลื่นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

บางคนมีความทุกข์ก็มักมานั่งปล่อยใจไปกับเสียงคลื่นและสายลม

บางคนมีความสุขจนเอ่อล้นก็ยังหนีไม่พ้นแวะมาเติมความอิ่มใจที่ทะเล

สำหรับสายชลแล้ว… ที่แห่งนี้เป็นเหมือนแหล่งรวมพลังงานธรรมชาติแสนบริสุทธิ์

ใครหลายคนอาจจะมองว่า ‘ทะเล’ เป็นเพียงสถานที่ ทว่าสายชลกลับให้ความสำคัญมากกว่านั้น เขารับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณที่หลอมรวมผ่านเสียงครืนจากเกลียวคลื่น ผ่านความเย็นซาบซ่านจากสายลมที่ปะทะผิวกาย เขาสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ช่วยเยียวยาจิตใจ ทุกครั้งที่รู้สึกสับสน ว้าวุ่นใจ การมานั่งผ่อนคลายจิตใจที่นี่ทำให้เขารู้สึกสงบราวกับละอองทะเลค่อย ๆ ชะล้างความกลัดกลุ้มให้เลือนหายไปทีละน้อย

“ไม่สบายใจเหรอครับ” ไทม์เอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงคลื่นสาดกระทบฝั่ง เขาสังเกตว่าสายชลนั่งทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้า ถอนหายใจอยู่นานสองนาน

เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นพยักพเยิดหน้ารับ ความกังวลใจกับการหายตัวไปของพี่ชายฝาแฝดทำให้เขาค่อนข้างกังวล แต่ลึก ๆ ในใจสายชลรู้ดี ไม่ว่าสายฟ้าจะหายไปไหน แต่คนอย่างเขาต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน

“พี่เห็นเรามองทะเลอยู่นานแล้ว ตรงนั้นมันน่ามองกว่าพี่… งั้นเหรอ” ไทม์ไม่พูดเปล่า เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้สายชลราวกับเด็กเล็ก ๆ ที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่

“ดะ… เดี๋ยวพี่ไทม์เป็นอะไรไปครับ”

สายชลกลั้นยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปแตะหน้าผากของพี่ไทม์ “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา”

ไทม์คว้ามือน้องเข้ามากุมไว้หลวม ๆ ในขณะที่จ้องคนเด็กกว่าตาเขม็ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ”

“พี่ถามว่า… ทะเลมันน่ามองกว่าพี่… ตรงไหน”

“พี่ไทม์หาเรื่องผมเหรอครับ” สายชลยู่ปาก สะบัดหน้าหนี ทั้งที่เขาก็นั่งอยู่เงียบ ๆ มีแต่พี่ไทม์นั่นละที่หาเรื่องเขาอีกแล้ว !

“เปล่า” เขาตอบเสียงเรียบ

“งั้นพี่ถามผมแบบนั้นทำไมล่ะ”

“ก็แค่อยากรู้” แม้ครั้งนี้ไทม์จะตอบเสียงแข็งไม่ต่างจากเดิม ทว่าสายตากลับอ่อนโยนจนคนถูกจ้องเริ่มทำตัวไม่ถูก

“จะให้ผมตอบจริง ๆ… หรือครับ”

“ถามเพราะอยากรู้ ไม่งั้นจะถามทำเบื๊อกอะไรล่ะ เรานี่ก็ถามอะไรไม่คิด”

“น่ารักกับผมไม่ทันไร ดุกันอีกละ” เขาบ่นอุบแต่ก็อดที่จะอมยิ้มกับท่าทางของคนตรงหน้าไม่ได้ สายชลขยับตัวขึ้นมาพร้อมกับรวบรวมความกล้าหันไปสู้สายตากับไทม์อย่างจริงจัง

“อันที่จริงแล้ว… ไม่ว่าจะทะเล ท้องฟ้า หรือชายหาดที่นี่ มันก็ไม่มีอะไรน่ามองไปมากกว่าพี่ไทม์หรอกครับ”

แทนที่ไทม์จะหันหนี เขากลับใช้ฝ่ามือแกร่งฉวยโอบเอวบางรั้งเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ขณะที่สายชลสบตาสู้อย่างไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยง ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นไทม์เองที่ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไทม์เสตาชมทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างคนเสียอาการ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับช่วงอาทิตย์อัสดง แสงสีส้มเรืองรองตัดกับสีชมพูจากแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เลื่อนคล้อยลงต่ำมาบรรจบลงยังเส้นขอบฟ้าเป็นเวลาสั้น ๆ กับสีน้ำเงินของท้องฟ้าที่ความมืดยามค่ำคืนกำลังย่างกรายเข้ามา ความรู้สึกที่แสนพิเศษพร้อมกับหัวใจของเขาที่เต้นระรัวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไทม์ยังคงโอบเอวน้องอย่างอ้อยอิ่งเนิ่นนาน ส่วนมืออีกข้างเลื่อนมากุมมือเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ห่าง

สายชลลอบอมยิ้มกับท่าทีตั้งตัวไม่ทันของไทม์ ทว่าเขาก็นึกสนุก จึงใช้ฝ่ามืออีกข้างประคองแก้มกึ่งบังคับให้คนโตกว่าหันกลับมาสบตาตน

“พี่ไทม์ว่าแต่ผม… พี่ก็มองทะเลเหมือนกันแหละ แล้วทะเลน่ามองกว่าผม… อย่างนั้นเหรอครับ” สายชลไม่พูดเปล่า เสียงหวานกระซิบข้างหูคนพี่ ส่งสายตาหวานปนร้ายกาจรุกเข้าสู้คนแก่กว่าอย่างไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนให้เหมือนที่แล้วมา

“พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน สวยดีว่าไหม” ไทม์เอ่ยเสียงนุ่ม สายตาวูบไหว ใจสั่นรัว พยายามข่มใจไม่ให้ดึงเด็กดื้อตรงหน้าเข้ามากอดแล้วฟัดแก้มให้หายรั้น

สายชลยิ้มทะเล้นรับ “ครับ ท้องฟ้าวันนี้สวยเป็นพิเศษเลย” เด็กหนุ่มทอดสายตาไปยังท้องฟ้าสีสวยราวกับขนมสายไหมยามตะวันตกดินซึ่งตอนนี้กำลังสะท้อนบนผิวน้ำเป็นประกายระยับ พลางเอนลำตัวไปทางไทม์พร้อมกับพิงศีรษะกลมที่แขนแกร่งอย่างผ่อนคลาย

“แล้วเราจะอยู่ที่นี่หรือกลับกรุงเทพฯ เลยล่ะ”

“ผมจะอยู่นี่สักพักเพื่อเตรียมเก็บของ เดี๋ยวจะไปอยู่หอกับพี่สายฟ้าที่กรุงเทพฯ”

“นั่นสิ พี่จำได้ว่าเปิดเทอมนี้ก็จะเข้าปี 1 มหาวิทยาลัย H ใช่ไหม” เขาถามขณะที่มืออบอุ่นยังคงกอบกุมน้องอยู่อย่างนั้น

“ดีใจจัง พี่ไทม์จำได้ด้วย”

“ก็แค่บังเอิญน่ะ… พี่มีโปรเจ็กต์ต้องทำเดโม่ประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเราพอดี”

“จริงเหรอครับ” เมื่อสายชลได้ยินไทม์พูดเช่นนั้น หนุ่มน้อยดีใจจนไม่อาจเก็บสีหน้าได้ เพราะนั่นหมายถึงเขาจะมีโอกาสได้เจอไทม์บ่อยขึ้นนั่นเอง

“อืม”

“งั้นเราจะได้เจอกันบ่อย ๆ ไหมนะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

รัตติกาลตีหน้าขรึมอมยิ้มมุมปาก เขาปล่อยให้น้องใช้ศีรษะถูไถแขนแกร่งราวกับลูกแมวตัวน้อย ไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลกนี้มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเผลอให้เด็กคนนี้ถึงเนื้อถึงตัวเขาโดยที่ไม่รู้สึกรำคาญใจแม้แต่น้อยทั้งที่เขาค่อนข้างเป็นคนถือตัว ไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทสนมมาใกล้ชิด ทว่าเขากลับชอบสัมผัสแสนกวนใจของสายชลอย่างที่ตัวเขาก็ไม่เข้าใจเหตุผล เขารู้เพียงแค่… ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันรู้สึกดีจนไม่อยากปล่อยให้น้องสายชลไปทำแบบนี้กับใคร

“พี่ไทม์หลงเสน่ห์ผมแล้วละสิ” สายชลช้อนตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างที่ไทม์ชอบทำใส่ตน พร้อมกับหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นพวงแก้มและใบหูของคนที่ถูกหยอกเอินเปลี่ยนเป็นสีแดงจาง ๆ

“ใครกันแน่ น้องต่างหากที่หลงพี่ แต่ก็เข้าใจได้นะ ผู้ชายเพอร์เฟกต์แบบพี่ก็น่าหลงเป็นธรรมดา ทั้งหล่อ รวย…”

‘อื้ม ใช่ ๆ ไม่เถียง หล่อ รวย กล้วยก็ใหญ่มากด้วย…’ สายชลคิดเงียบเชียบในใจ แต่เมื่อคิดถึงกล้วยของชายหนุ่มตรงหน้าที่ใหญ่โตเกินจินตนาการ เด็กหนุ่มก็เผลอหลุดขำพรืดออกมาจนเสียงดัง รวมถึงท่าทางหลงตัวเองเมื่อครู่ของพี่ไทม์ก็ยิ่งทำให้สายชลรู้สึกว่าเขาดูน่ารักแบบแปลก ๆ

รัตติกาลสบตาเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจ สังเกตได้จากหัวคิ้วที่เริ่มขมวดติดเข้าหากัน ริมฝีปากที่เคยสวยน่าจูบก็ยู่เสียจนเกือบจะเรียกว่ายับ

‘เอาอีกแล้ว พี่ไทม์ส่งสายตาพิฆาตแบบนี้ใส่ผมอีกแล้ว’

“ขำอะไร” ไทม์ถามน้ำเสียงดุ สายตาคาดคั้นพยายามค้นหาคำตอบ

“โอเคครับ ไม่ว่าใครจะหลงใครก่อน แต่พี่ก็มีใจให้ผมแล้ว… ใช่ไหมล่ะ”

“อะไรกัน ไอ้แมวอ้วน คิดเองเออเองนะเรา”

“อ้าว หรือไม่จริงฮะ” สายชลพยายามกระเซ้า ขยับตัวพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกแทบจะติดกับกกหู

“เนี่ยเห็นไหม ถ้าพี่ไทม์ไม่ชอบผม… ป่านนี้พี่ก็คงถีบผมไปแล้ว”

“เอ่อ…” ยิ่งสายชลพูดความจริงที่รองประธานหนุ่มก็หนีไม่พ้น เขายิ่งทำตัวไม่ถูก เสี้ยววินาทีที่ไทม์สบตาเด็กหนุ่มที่ทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนอยู่นั้น สายชลก็ใช้วงแขนโอบรอบคอโน้มเขาเข้ามาหอมแก้มดังฟอด

“เฮ้ย ดะ… เดี๋ยวทำอะไรน่ะ” สายชลกระตุกยิ้มร้าย ลอยหน้าลอยตาอย่างคนได้รับชัยชนะ

“อยู่ ๆ ทำไมเราถึงรุกพี่หนักขนาดนี้ หรือพี่ทำน้องใจสั่นจนอดใจไม่ไหว” แม้ไทม์จะพูดอย่างนั้นเขาก็รู้ตัวว่าไม่อาจต้านทานความทะเล้นของเจ้าเด็กดื้อตรงหน้าได้

“ใจสั่นอะยอมรับนะ แต่เรื่องมั่นหน้านี่… ขอร้องเถอะนะพี่ไทม์ ให้มันเบา ๆ ลงหน่อยไม่ได้เหรอ”

“อะไรกัน ใครมั่นหน้า” จู่ ๆ สายชลก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้ไทม์พร้อมรอยยิ้ม

“เราไปปั่นจักรยานเที่ยวตลาดโต้รุ่งกันดีกว่า”

“ปะ… ปั่นจักรยานเนี่ยนะ”

“ใช่ครับ”

“แต่ว่า…”

สายชลฉุดคนตรงหน้าไปยังที่จอดจักรยานคู่ใจหน้ารีสอร์ต ในขณะที่ไทม์ก็เดินตามแต่โดยดี ‘ไม่ว่าจะพบคนที่ตามหาหรือไม่ ไม่ว่าทุกอย่างมันจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันก็ดีและแสนพิเศษที่สุดแล้ว’

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ