ตอนที่ 44 ความสุข ความหวั่นใจ และความลับ

‘เคยได้ยินผู้ใหญ่บ่นกันว่าเวลาที่เรามีความสุขนั้นมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนตอนที่เรากินไอศกรีมที่แสนหอมหวานชื่นฉ่ำใจในวันที่อากาศร้อนและอบอ้าว ความหวานหอมของไอศกรีมนั้นทำให้เราหลงใหลติดใจอยากกินแล้วกินอีก พอคิดได้ว่าอยากจะไปซื้อไอศกรีมมาชิมเพื่อดื่มด่ำความสดชื่นนั้นอีก ปรากฏว่าแท่งสุดท้ายเป็นของคิวก่อนหน้า บางคนก็เลือกที่จะฟูมฟายโทษความเฮงซวยของชีวิต ผิดกับบางคนที่ปรับมุมคิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้กินไปแล้วตั้งแท่งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะได้เจอเรื่องราวบ้าบออย่างการเดินทางข้ามเวลามานี่ ผมก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่ชอบบ่นโทษดินฟ้าอากาศบางทีโทษแม้กระทั่งเวรกรรม แต่หลายเรื่องราวที่ผมได้เผชิญมีทั้งสุขทุกข์ ผิดหวัง สมหวัง การรอคอย และเรื่องลุ้นระทึกอย่างสุดท้ายแล้วผมจะต้องตายหรือไม่นั้น มันทำให้มุมมองความคิดและการใช้ชีวิตของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปจนกลายเป็นสายชลคนใหม่ คนที่อยากทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น เป็นสายชลคนใหม่ที่เห็นคุณค่าของเวลาและมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ รอบตัว’

‘จริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วคำจำกัดความของความสุขมันคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งก็คือ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า มีความสุขกับทุกวัน และเผื่อแผ่ให้คนรอบข้าง ตั้งแต่ผมข้ามห้วงเวลามายังอนาคตนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้ว ชีวิตของผมเรียกได้ว่ายิ่งกว่าชีวิตในฝัน ที่ตอนเช้าลืมตาตื่นมาในอ้อมกอดของคนที่ผมรักแล้วเขาก็รักผมมาก ตอนนี้ผมก็ได้กลับเข้าไปทำงานกับที่บริษัทนิตยสารของพี่ไทม์แต่เป็นตำแหน่งเลขาฯ จำเป็นของคุณรัตติกาลเขานั่นละ คนในออฟฟิศต่างก็รู้กันว่าผมเป็นคนรักของท่านประธาน ซึ่งทำให้การกลับมาของผมครั้งนี้ต้องรับมือกับการวางตัวและงานที่เรียกว่าเกินตัวผมไปมาก’

‘คุณยังคงจำพีทเพื่อนซี้ผมได้ใช่ไหม นั่นละครับพีทเมาท์ให้ผมฟังว่าคนในออฟฟิศจับกลุ่มแซวกันว่าช่วงนี้ท่านประธานตัวติดกับแฟนยิ่งกว่าเด็กวัยรุ่น ก็แน่สิครับ ก่อนหน้านี้ที่เราต้องห่างกันไปไกลมันทำให้พวกเราได้เรียนรู้คุณค่าของเวลาและการรอคอย ยังถือว่าผมโชคดีที่มีโอกาสได้กลับมาปรับความเข้าใจกับพี่ไทม์และได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกัน หากเลือกได้ผมก็อยากใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ที่นี่ตลอดไป แต่ผมรู้ดีว่าเลือกไม่ได้ ทุกอย่างมันคือโชคชะตาที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ ได้ลองรัก และอาจได้กลับไปแก้ไขให้ทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยอย่างที่มันควรจะเป็น’

“น้องชล นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่หรือครับ… คิดถึงพี่อยู่หรือเปล่า”

เสียงนุ่มทุ้มของท่านประธานหนุ่มเอ่ยทักแฟนเด็กพร้อมกับตรงเข้ามาหอมแก้มสายชลดังฟอด จึงทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วสนใจกับความสุขที่พุ่งมาชนแก้มตรงหน้า ราเชนทร์เพื่อนรักของไทม์กับดรีมต่างก็สบตากันเป็นนัยพร้อมกับหัวเราะคิกคักกันสองคน แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านประธานหนุ่มที่มีความสุขเช่นนี้มาหลายปีแล้วตั้งแต่วันที่สายชลจากไป…

“คุณไทม์ หวานกันเกรงใจผมหน่อยสิครับ นี่น้องรักของผมนะครับ” ดรีมยักคิ้วอย่างยียวนเอ่ยแซวด้วยท่าทางสบาย ๆ

“พี่ดรีมไม่ต้องเลย บอกรักน้องเป็นห่วงน้อง แต่ก็ชอบทิ้งผมแล้วหนีไปกับคุณเชน” สายชลตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ไอ้ชลแกนี่ ทิ้งอะไรกัน ไม่ดีหรือไงพี่อุตส่าห์ปล่อยให้เราได้ใช้เวลากับคุณไทม์เลย มึงน่ะต้องขอบคุณพี่ถึงจะถูกสิ”

“แหม พี่ดรีมไม่รู้ละ เลี้ยงไอติมหน่อยสิ” สายชลหน้าร้อนผ่าวจึงหาเรื่องบ่ายเบี่ยงให้ดรีมเลิกแซวเขาและนั่นก็ไม่พ้นเรื่องกิน !!! เรื่องเดียวที่สายชลถนัด

“อะไรกัน วกเข้ามาเรื่องกินได้ยังไง”

“ชลเห็นมีร้านเปิดใหม่อยากไปลองกิน พี่ไทม์ก็ไม่ว่างติดประชุม นะพี่ดรีม พาน้องไปหน่อยสิ”

“งั้นเดี๋ยววันนี้หนูไปกินขนมกับคุณดรีมก่อนไหม แล้ววันเสาร์พี่พาไปอีกครั้ง” ไทม์พูดด้วยเสียงอ่อน แม้ว่าเขาอยากให้เวลาทั้งวันทั้งคืนตัวติดกับแฟนเด็ก กระนั้นเขาก็ยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำ ประธานหนุ่มรู้แก่ใจดีว่าสายชลเข้าใจว่าเขาต้องทำงานหนัก แต่กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ติดน้องจนไม่อยากละสายตาไปจากคนตัวเล็ก เพราะลึก ๆ แล้วไทม์รู้ดีว่าวันใดวันหนึ่งสายชลต้องจากเขาไปอีก เขาทำได้เพียงหวังให้เมื่อสายชลกลับไปยังเวลาที่จากมาแล้วตัวเขาในอดีตจะสนใจน้อง ทำดีกับน้อง และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า

“แบบนั้นก็ได้ครับ” สายชลยิ้มรับพร้อมกับเดินเกาะแขนดรีมไปยังร้านขนมเปิดใหม่อย่างที่ต้องการ

“พี่ดรีมผมมาที่นี่ก็ 2 เดือนกว่าแล้วนะ พี่ยังไม่เจอพี่สายฟ้าเลยหรือครับ”

“นั่นสิ มันหายไปเหมือนกับว่า มันหายตัวได้อย่างไงอย่างนั้น”

สายชลได้ฟังพี่ดรีมพูดว่าพี่สายฟ้าหายตัวได้ ทำให้เขานึกถึงท่าทางแปลก ๆ ของสายฟ้าที่เคยพูดถึงกล่องดนตรีเมื่อครั้งที่นอนคุยกันที่บังกะโลก่อนจะข้ามห้วงเวลามา

‘ทุกครั้งที่มึงข้ามเวลาไปอนาคต ตัวตนของมึงหายไปด้วยไหม ?’ สายฟ้าเอ่ยถามขณะที่พลิกกล่องดนตรีของตนไปมาในมือ สายตาเลื่อนลอยราวกับตกอยู่ในห้วงความคิดบางอย่างที่สายชลพยายามเอ่ยถามแต่แฝดผู้พี่ก็ไม่ยอมปริปากตอบ

‘ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน… พี่สายฟ้าเคยข้ามห้วงเวลาเหมือนกับผมหรือเปล่า ?’ สายชลขยับกายตะแคงข้างสบตาแฝดผู้พี่ที่ใบหน้าคล้ายคลึงกันอย่างนึกแปลกใจ

‘หากพี่สายฟ้ารู้จักกับคุณรุจเจ้าของร้านกาลเวลาก็มีความเป็นไปได้ที่พี่สายฟ้าอาจจะเคยข้ามเวลาเหมือนกับผม แต่… พี่สายฟ้าจะข้ามเวลาไปที่ไหนกันล่ะ ? ครั้งแรกที่ผมข้ามเวลามาพี่สายฟ้าก็หายไปแบบนี้ ? หรือคนที่ข้ามเวลาได้ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียว ?’

คำถามมากมายติดค้างอยู่ในใจของสายชล ถึงเขาจะมีความสุขกับชีวิตตอนนี้แต่เด็กหนุ่มก็อดที่จะคิดถึงพี่ชายฝาแฝดที่เป็นเหมือนครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาไม่ได้

“สายชล เป็นอะไรหรือเปล่าพี่เรียกตั้งนาน” ดรีมถามพร้อมกับจิ้มฮันนี่โทสต์เข้าปาก

“คิดถึงพี่สายฟ้าครับ”

“นั่นสิ นี่ก็ติดต่อไม่ได้เลย มันไม่เคยหายไปโดยที่ไม่บอกเลยนะ”

“ผมกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอพี่สายฟ้าก่อนที่ผมจะจากไป”

“เฮ้ย… ไอ้ชลอย่าพูดเรื่องที่ทำให้กูใจหายแบบนี้ เชื่อสิเดี๋ยวไอ้ฟ้ามันก็กลับมา มันอาจไปต่างจังหวัดปลีกวิเวกมั้ง”

“แต่ทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย หรือจะมีใครลักพาตัวพี่สายฟ้าไปหรือเปล่าฮะ ?”

“ไม่น่าเป็นแบบนั้นหรอก ตอนนี้พี่ให้นักสืบตามอยู่นะ แต่สายฟ้ามันเคยสั่งพี่ไว้นะ ถ้าวันหนึ่งจู่ ๆ มันหายไปไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง… ไม่ว่าพี่จะถามมันยังไงไอ้ฟ้ามันก็ไม่ยอมตอบ”

“แล้วเขาเคยเป็นแบบนี้ไหมพี่ดรีม ?”

“หายไปแบบนี้เหรอ กูคิดก่อนนะ”

สายชลตั้งใจฟังแม้ดรีมจะบอกว่าสายฟ้าสั่งไว้ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่าสายฟ้ายังคงสบายดี ทว่าสายชลก็ยังรู้สึกกังวลและภาวนาให้สายฟ้ารีบกลับมาหาน้องในเร็ววัน

“เอาจริง ๆ ก็เคยมีนะสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และก็ตอนที่สายชลมาที่นี่ครั้งแรก ตอนนั้นไอ้สายฟ้าก็หายไปดื้อ ๆ แบบนี้ 2-3 เดือน”

ดรีมทำท่าใช้ความคิด จากใบหน้าที่สดใสในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลไม่ต่างกับสายชล

“หลังจากพี่สายฟ้ากลับมาแต่ละครั้งพี่เขาไม่เคยเล่าอะไรให้พี่ดรีมฟังเลยหรือครับ”

“ไม่มีนะ มึงก็รู้คนอย่างไอ้สายฟ้ามันแทบไม่เคยเล่าอะไรให้ใครฟังเลย มันน่ะเข้มแข็งมาก”

“ก็จริงของพี่ดรีมนะครับ”

“พี่เชื่อว่าเดี๋ยวมันก็กลับมา ระหว่างนี้พี่จ้างคนไปสืบหาแล้วละ เผื่อมันจะซุกเมียไว้ที่ไหนสักที่”

ดรีมพยายามพูดทีเล่นทีจริงเพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป แต่สายตาก็ยังคงเป็นหน้าต่างของหัวใจ แม้คำพูดการกระทำของเขาจะดูเหมือนเป็นคนสบาย ๆ ไม่คิดมาก แต่สายตากลับปกปิดความกังวลภายในใจไม่มิด สำหรับดรีมแล้วสายฟ้าเป็นเหมือนเพื่อนและผู้มีพระคุณ เขายังคงไม่ลืมว่าทั้งตัวเขาและครอบครัวลืมตาอ้าปากอยู่อย่างสุขสบายได้ทุกวันนี้เป็นเพราะสายฟ้า แม้สายฟ้าจะไม่ถือสาและมองเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งแต่บุญคุณนี้ยังคงสลักฝังลึกในหัวใจดรีม

“ผมรู้ว่าจริง ๆ พี่ดรีมก็เป็นห่วงพี่สายฟ้าใช่ไหม ? ชลมั่นใจว่าคนอย่างพี่สายฟ้าเอาตัวรอดได้สบาย” สายชลเอื้อมมือไปกุมมือพี่ชายคนสนิทพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจว่าคนอย่างสายฟ้าไม่มีทางเป็นอันตรายได้หรอก นอกเสียจากว่าจะเดินทางข้ามเวลาแบบเขา และเด็กหนุ่มมั่นใจว่าสายฟ้ามีความลับบางอย่างที่ปิดบังพวกเขาอยู่

คอนโดมิเนียมสุดหรูของรัตติกาลเป็นห้องชุดขนาดใหญ่หรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ผนังโดยรอบเป็นกระจกเสียส่วนใหญ่เพื่อเพิ่มความโปร่งสบายให้แก่ผู้อาศัย ทำให้เห็นวิวตึกและสีสันยามค่ำคืนได้อย่างเต็มสายตา ขณะที่สายชลกำลังยืนชมวิวจากฝั่งหนึ่งของห้องนั่งเล่น สายชลใช้ผ้าขนหนูที่พาดคอหยิบขึ้นมาเช็ดผมพร้อมกับทอดใจคิดถึงเรื่องราวระหว่างสองเดือนกว่าที่ผ่านมาที่เขาได้ใช้ชีวิตคู่กับไทม์ กลิ่นหอมแชมพูอ่อน ๆ จากคนที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่โชยดึงดูดใจให้ไทม์เข้าไปคลอเคลีย

ชายหนุ่มเดินเข้าไปโอบกอดจากด้านหลัง แล้วดึงผ้าขนหนูมาเช็ดเรือนผมนุ่มของสายชลอย่างแผ่วเบา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด พวกเขาต่างเป็นส่วนหนึ่งที่คอยเติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่ต้องมีคำพูดใด แค่เพียงสบตากันก็ทำให้หัวใจอบอุ่น แค่รู้ว่าวันนี้พวกเขายังมีกันก็ทำให้ทั้งสองสบายใจ ทว่าความหอมหวานของช่วงเวลาดี ๆ เช่นนี้มันจะอยู่กับทั้งคู่ไปนานสักเพียงใดกัน !?

“ไปกินขนมร้านเปิดใหม่กับคุณดรีมมาเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยววันเสาร์นี้เราได้ด้วยกันอีกนะ” ไทม์ชวนแฟนเด็กของเขาพูดคุย แม้เขาจะรู้สึกผิดที่ไม่ได้พาสายชลไปกินขนมวันนี้ เพราะมีงานด่วนที่ต้องอยู่เคลียร์ แต่การที่ให้สายชลได้ไปพูดคุยกับคนคุ้นเคยอย่างดรีม ก็อาจทำให้ความกังวลใจของสายชลคลายลงได้บ้าง ถึงไทม์จะไม่ได้เอ่ยทวงถามแต่เขาสังเกตว่าสายชลมักนั่งคิดบางอย่างด้วยสีหน้ากังวล บางครั้งก็เหม่ออยู่นานสองนาน เขาโน้มหน้าลงไปยังซอกคอขาว พลางสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของคนที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่แล้วดึงสายชลให้เอนซบแนบอกแกร่ง ขณะที่เด็กหนุ่มก็ทำตามอย่างว่าง่าย

“พี่ไทม์ครับ วันเสาร์นี้…”

“หนูอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ?”

ทันใดนั้นสายชลเกิดอยากกลับบ้านเกิดที่หัวหินมากเป็นพิเศษ ความรู้สึกที่แปลกประหลาดเพียงแค่เขาคิดถึงบ้านเกิด นึกถึงกลิ่นอายทะเล และเกลียวคลื่น ก็ยิ่งทำให้หัวใจของสายชลเต้นระรัว ทว่าสิ่งที่เขารู้สึกเป็นกังวลมันมีมากกว่านั้น

“ทำไมน้องชลทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ไทม์เชยคางเด็กหนุ่มพร้อมกับจูบอ่อนโยนที่หน้าผากมนเพื่อคลายความกังวลให้คนรัก

“คือ… ชลแค่อยากไปทะเลน่ะครับ”

“ได้สิ เดี๋ยวเราไปเย็นวันศุกร์แล้วไปเดินเล่นที่ตลาดโต้รุ่ง ทบทวนความทรงจำวัยรุ่นกันด้วยนะ” ไทม์ไม่พูดเปล่า มือซุกซนพลางลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง วูบหนึ่งเขากระตุกยิ้มอย่างคนที่มีแผนร้ายกาจอยู่ในใจ

“แหม พี่ไทม์พูดอย่างกับว่าตอนนี้แก่”

“ถ้าน้องชลว่าพี่แก่อีกแค่ครึ่งคำ… คืนนี้หนูไม่ได้นอนแน่ ๆ เพราะตาแก่คนนี้จะทำให้หนูชลครางทั้งคืน” ไทม์พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับซุกไซ้ซอกคอขาว เรียวลิ้นร้ายลากไล้ไปยังติ่งหูพลางขบเม้มอย่างมันเขี้ยว

“พี่ไทม์ทะลึ่ง… เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

รัตติกาลไม่สนคำพูดแฟนเด็ก ในทางกลับกันเขากลับทำลอยหน้าลอยตา พร้อมช้อนตัวสายชลอุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าสาวจนตัวลอยเคว้งจากพื้น เด็กหนุ่มใช้แขนคล้องคอไทม์อย่างลืมตัว “ไหน ๆ หนูก็คิดว่าพี่ทะลึ่งแล้ว… งั้นคืนนี้”

“มะ… ไม่ต้องเลย” สายชลใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเคอะเขิน เขาละมือลงจากที่โอบรอบคอไทม์ ก่อนจะกำมือหลวม ๆ แล้วทุบอกแกร่งด้วยความอาย ถึงสายชลจะมีอะไรต่อมิอะไรกับไทม์มาหลายครั้ง แต่เรื่องแบบนี้มันทำใจให้ชินกันง่าย ๆ เสียที่ไหนกัน !

ขณะไทม์อุ้มเด็กหนุ่มเดินตรงไปยังห้องนอน สาบเสื้อคลุมอาบน้ำของสายชลเปิดออก ผิวขาวเนียนเผยมัดกล้ามเนื้อบาง ๆ ส่งให้คนที่มองอยู่รู้สึกคอแห้งผาก จุกเล็กน่ารักสีชมพู ยิ่งทำให้ส่วนที่ควรจะสงบของไทม์กลับกู่ร้องขึ้นมาอย่างดุดัน…

“พี่ไทม์… ไหนว่าเหนื่อยอยากนอนพักไงครับ” แมวน้อยพูดงึมงำด้วยเสียงยั่วยวน

“เห็นงานเป็นลม… เห็นสายชลเสื้อหลุด พี่ไทม์สู้ตาย !”

รัตติกาลวางคนตัวเล็กบนที่นอนอย่างเบามือก่อนจะทาบทับตัวลงมาสูดดมความหอมละมุนจากแมวน้อยตรงหน้า ทว่าสายชลกลับทำสีหน้าเป็นกังวล กระทั่งไทม์ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้อีก อย่างไรคืนนี้ต้องเปิดใจกับแฟนเด็กให้รู้เรื่อง ไทม์ขยับตัวลงมานอนด้านข้างสายชลแล้วดึงเด็กหนุ่มเข้ามาซบอกพลางปลอบขวัญ

“พี่รู้นะ เวลาหนูทำหน้าแบบนี้ หมายถึงสายชลกำลังเครียดอะไรอยู่ใช่ไหม ? ไหนเราเคยสัญญากันแล้วไง ต่อจากนี้ถ้าน้องชลมีเรื่องที่ไม่สบายใจ พี่ไทม์คนนี้พร้อมจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้หนูเสมอ”

“ชลอยากกลับบ้าน” สายชลบ่นพึมพำ

“ที่หัวหินใช่ไหม ?”

สายชลพยักหน้ารับ ขมวดคิ้วยุ่ง ปากเม้มแน่นจนเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว พลางถอนหายใจยาวอย่างคนคิดไม่ตก ในขณะที่ไทม์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก กระทั่งสายชลรู้สึกอึดอัดใบหน้าเหยเกด้วยความรำคาญ

“พี่ไทม์กอดแน่นเกินไปแล้ว น้องอึดอัดนะ” สายชลโวยวายพลางผลักไทม์ออก แต่ยิ่งผลักไทม์ก็ยิ่งรัดเขาแน่นขึ้นไปอีก

“เห็นไหมถ้าแน่นเกินไปเราก็รู้อึดอัด แต่ถ้าไม่กอดกันเลยแบบนี้… ก็รู้สึกเคว้งคว้างใช่ไหมล่ะ” ไทม์พูดจบก็ปล่อยสายชลพร้อมกับพลิกตัวหนี สื่อให้สายชลได้เข้าใจว่าหากการที่สายชลเก็บงำทุกอย่างไว้คนเดียวมันมีแต่ความอึดอัด คนอยู่ด้วยก็ลำบากใจ แต่หากต่างคนต่างใช้ชีวิตโดยทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว เคว้งคว้างว่างเปล่า

“แต่ถ้าเรานอนแบบนี้…” เขาเหยียดแขนออกให้เด็กหนุ่มได้หนุนแผ่นอกแกร่งก่อนจะโอบสายชลอย่างหลวม ๆ

“พี่จะได้กอดหนู ส่วนหนูก็ยังมีอิสระจะขยับไปไหนก็ได้ แต่เรายังนอนอยู่ใกล้กันไง”

“พี่ไทม์จะหมายถึงอะไรครับ”

“สิ่งที่พี่เปรียบเทียบก็คือ เวลาหนูไม่สบายใจก็สามารถปรึกษาพี่ได้เสมอ พี่พร้อมสนับสนุนและคอยอยู่เคียงข้าง โดยที่หนูก็ยังมีอิสระ พี่จะไม่เข้าไปก้าวก่าย แค่เพียงรู้ว่าในนี้เรามีกันและกันก็พอ” ไทม์พูดพลางใช้มือข้างหนึ่งแตะไปที่หน้าอกซ้ายของสายชล พร้อมกับคลี่ยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

“เอ่อ… น้องกลัวว่า หากกลับไปที่หัวหินแล้วตื่นขึ้นมาจะไม่เจอพี่ไทม์คนนี้อีก สายชลจะอยู่ยังไง ? พี่ไทม์ล่ะจะเป็นยังไง ?” สายชลพูดพลางเม้มปากแน่น

“เรื่องนี้นี่เอง…”

“พี่ไทม์รู้อยู่แล้วเหรอครับ”

“อื้ม… พี่รู้อยู่แล้วว่าสักวันเราก็ต้องไปที่นั่น แล้วสักวันหนูก็ต้องกลับไปยังที่ที่หนูจากมา และพี่มั่นใจว่าสายชลของพี่จะทำให้อนาคตของเรามีกันและกันอย่างในตอนนี้ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วละก็… การจากไปของหนูมันไม่ได้ทำให้พี่ลำบากใจเลย”

สายชลสะอื้นไห้กระชับกอดไทม์ด้วยความสบายใจ เขาคิดมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ หลายต่อหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่สายชลจากไปครั้งก่อน ไทม์ก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งทำงานหนัก เก็บตัว ไม่มีความสุขเช่นแต่ก่อน และที่ไทม์ทำไปทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ไม่เคยชัดเจนกับความสัมพันธ์ของพวกเขา กระทั่งคำบอกลาดี ๆ ก็ไม่มี มิหนำซ้ำยังมีจดหมายนั่นที่ทำให้ไทม์หัวใจแตกสลายอีก

‘ผมรู้สึกผิดที่ตอนนั้นทำตัวงี่เง่า และในครั้งนี้ผมก็กลัวว่าหากผมหายไปแล้วพี่ไทม์จะอยู่อย่างไร จนผมลืมนึกไปว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องให้ความสำคัญ การผกผันของเวลา หากเรื่องราวในอดีตถูกแก้ไขแล้วละก็…’

“ยิ้มออกแล้วสินะ แมวน้อยของพี่ไทม์”

“ขอบคุณมากนะครับที่เข้าใจผม”

“พี่ไทม์คนนั้นอาจดื้อหน่อยนะ หนูสายชลของพี่ก็พยายามเข้าล่ะ พี่เชื่อว่าไม่ว่าพี่จะเจอกับหนูอีกกี่ครั้ง ความรักของพี่ก็ยังเป็นของสายชลเสมอ”

“ชลรักพี่ไทม์ที่สุดเลย”

สายชลขยับตัวขึ้นมาพร้อมกับจูบไทม์เบา ๆ ทว่าชายหนุ่มกลับกระชับเอวบางของเขาไว้ได้ทัน ไทม์ขยับตัวเล็กน้อยช้อนตัวพลิกสายชลให้อยู่ด้านบนในท่าที่ทาบทับโดยที่ไทม์ชันขาข้างหนึ่งของเขาระนาบกับที่นอน พร้อมกับดึงเรียวขาของเด็กน้อยให้คร่อมเขาอย่างกับจับวาง ทำให้สายชลรับรู้ได้ถึงส่วนแก่นกลางกายที่แข็งขืนดันสะโพกเขาอยู่

“แอบจุ๊บพี่แบบนี้… ต้องรับผิดชอบนะ”

“อะ… อะไรกันครับ ?”

ไทม์กระซิบเสียงแหบพร่า “คืนนี้เอากันนะ… พี่แข็งแล้ว”

“พี่ไทม์บ้า ขอกันตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ ?” สายชลแก้มร้อนผ่าว ใบหน้าแดงจัดราวผลตำลึงสุก

“ขอตรง ๆ แบบนี้ละครับไม่ต้องอ้อม พี่ปวดไปหมดแล้วละ จับดูสิ” คนแก่กว่าไม่พูดเปล่า ยังดึงมือของสายชลไปจับที่ไทม์น้อยด้วย…

หลังจากคำอ้อนขอสิ้นสุดลงสายชลก็อยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสียวซ่านสุขสม ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตจะเป็นเช่นไร แต่วันนี้เขาทั้งสองคนขอเก็บเกี่ยวทุกช่วงเวลาเอาไว้จนกว่าจะถึงวันนั้น…

บรรยากาศคุ้นเคยกับคนคุ้นใจ

“พี่ไทม์ขับรถเหนื่อยไหม เดี๋ยวเราแวะร้านกาแฟกันสักหน่อยดีไหมครับ” ไทม์ขับรถพลางชำเลืองตามองคนเด็กกว่าด้วยความเอ็นดู

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่หนูอยากกินขนมแล้วใช่ไหมล่ะ พี่รู้นะ” คนแก่กว่าหันไปพูดกับแฟนเด็กพร้อมกับหรี่ตาราวกับจับผิดเด็กน้อยตัวโต เขาตั้งใจขับรถพาสายชลมาเที่ยวหัวหินตามสัญญา ช่วงหลังเขาทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้น้องเลย การพาสายชลมาเที่ยวครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการง้อกลาย ๆ เขารู้ดีว่านอกจากขนมและของกินอร่อย ๆ ทะเลหัวหินนี่ละ คือสิ่งที่ทำให้สายชลมีความสุขมากที่สุด

“พี่ไทม์เนี่ยรู้ทันชลตลอดเลย” สายชลระบายยิ้มกว้าง ฝ่ามือบางลูบท้ายทอยแก้เขิน

‘วันนี้เราสองคนไปเที่ยวกันที่หัวหิน เพราะผมมัวแต่ตื่นเต้นจนเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ก็เลยตื่นสายเป็นพิเศษ ก็พี่ไทม์น่ะสิไม่ยอมปลุกผม เอาแต่บอกว่าเห็นผมนอนแล้วดูน่ารักเลยปล่อยให้นอนไปก่อน กว่าผมจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงแล้วละ’

“หนูดูตื่นเต้นนะ หายกังวลแล้วหรือยัง”

“อื้ม” สายชลระบายยิ้มบาง พยักหน้าแทนคำตอบ “ผมขอโทษนะครับ ที่เมื่อคืนเอาแต่กังวลเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น แทนที่ผมจะใช้เวลาที่อยู่กับพี่ไทม์ให้คุ้มค่าที่สุด”

“อย่าคิดมากไปเลย แค่หนูสบายใจ... พี่ก็ดีใจแล้ว”

รัตติกาลแวะร้านกาแฟที่วัยรุ่นยุคนี้นิยมเช็กอินกัน เขารู้ดีว่าแม้ภายนอกสายชลจะเป็นชายหนุ่มหน้าใสแต่แท้จริงภายในก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้นเอง สายชลต้องชอบร้านน่ารักแบบนี้แน่นอน

“ร้านนี้สวยจังเลยพี่ไทม์ เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า”

‘ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษ ก็ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ที่เป็นแหล่งเช็กอินของวัยรุ่นน่ะสิ ร้านนี้ตกแต่งด้วยสีสันสดใส การตกแต่งราวกับหลุดมาในยุค ’80 ทุกอย่างดูมีมนตร์เสน่ห์ไปหมดเลย แต่การเข้ามาร้านนี้แวบหนึ่งก็หวนคิดถึง ‘ร้านกาลเวลา’ ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่สายฟ้าจะเป็นยังไงบ้าง เจอร้านที่อยากเจอ พบคนที่อยากจะพบแล้วหรือยังก็ไม่รู้’

‘ผมอยู่ที่นี่สามเดือนกว่าแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของพี่สายฟ้าเลย ทั้งที่พี่ดรีมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงแต่ก็อดนึกถึงพี่ชายคนเดียวไม่ได้จริง ๆ’

“หนูสายชลมาหัวหินครั้งนี้จะพักที่รีสอร์ตคุณสายฟ้าเลยใช่ไหม ?”

คำถามของไทม์ทำให้สายชลหลุดออกจากห้วงความคิด เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ‘รีสอร์ตพี่สายฟ้า’ อย่างนั้นเหรอ ? ที่ไหนกันนะ !?

“ม่านฟ้า ทะเลดาว รีสอร์ต ยังไงล่ะ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเรา” ไทม์พูดพลางเอื้อมมือหยิกแก้มสายชลอย่างมันเขี้ยว

“ครับ” ทันทีที่ไทม์บอก สายชลก็นึกออกทันที ก่อนจากกันครั้งก่อนสายฟ้าเคยบอกเขาว่าตั้งใจซื้อกิจการม่านฟ้า ทะเลดาว รีสอร์ตกลับมาบริหารเอง

‘ถึงผมจะตกลงกับพี่ไทม์แล้วจะใช้ทุกช่วงเวลาของเราให้คุ้มค่า แต่ท้ายที่สุดผมกลับรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ หลังจากที่เราพักกินขนมกับเครื่องดื่มแล้วถ่ายรูปเล่นอีกนิดหน่อย ตอนนี้เวลาล่วงเลยเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว พี่ไทม์ขับรถพาผมมายังม่านฟ้า ทะเลดาว รีสอร์ต ภายนอกที่นี่ดูเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ ภายนอกถูกทาสีใหม่เป็นโทนขาวฟ้า ประดับด้วยผ้าพลิ้วสีขาวสลับน้ำเงิน ตกแต่งด้วยโมบายเปลือกหอยห้อยระย้า’

สายชลทอดสายตามองบรรยากาศที่คุ้นเคยด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยคุ้นชิน แม้จะเป็นชายหาดเดิม หน้ารีสอร์ตที่เดิม แต่คนที่อยู่เคียงข้างเขาตอนนี้ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรง ความรู้สึกหวั่นไหวนี้ทำให้สายชลหน้าแดงเอาเสียดื้อ ๆ

‘ผมกับพี่ไทม์เดินตรงเข้าไปยังหน้าล็อบบี้เพื่อจองห้องพัก พบกับพี่ซูซี่ แต่ที่ตกใจกว่าการเจอพี่ซูซี่คือการที่เขาจำผมไม่ได้ พี่ซูซี่คิดว่าผมเป็นพี่สายฟ้า’

“สวัสดีค่ะ คุณสายฟ้าพักห้องเดิมเลยใช่ไหมคะ เดี๋ยวพี่ซูซี่หยิบกุญแจห้องให้นะคะ”

พนักงานสาวเอ่ยทักสายชลเป็นสายฟ้า ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่คิดแก้ต่าง เขาระบายยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับรับกุญแจห้อง C1 มาไว้ในมือ วูบหนึ่งสายชลย้อนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะข้ามเวลามาที่นี่ ครั้งสุดท้ายเด็กหนุ่มก็พักยังสถานที่แห่งนี้ ลึก ๆ ภายในใจสายชลก็อยากอยู่กับไทม์ที่นี่ไปตลอด แต่สายชลต้องยอมรับความจริงและพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง รวมถึงไปสู้กับชะตากรรมที่เขาไม่อยากให้เกิดนั่นด้วย

รัตติกาลลอบมองหน้าแฟนเด็กด้วยความเป็นห่วง เขาใช้เพียงฝ่ามืออบอุ่นโอบไหล่สายชลหลวม ๆ ทว่าภาษากายนั้นทำให้สายชลรู้สึกหัวใจอุ่นวาบอย่างน่าประหลาด สองสายตาประสานกัน ริมฝีปากหยักยิ้มขึ้น เลื่อนมือจับจูงเดินไปยังชายหาดนุ่มละมุน

‘ผมเดินตรงไปยังชิงช้าเก่าที่เคยเล่นกับเจ้าชายตอนเด็ก บรรยากาศเดิม ๆ ทำให้ผมย้อนนึกถึงตัวผมในสมัยเด็ก ความรู้สึกของผมที่มีต่อเจ้าชายยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน เผลอ ๆ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ พี่ไทม์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพก่อนจะลงสตอรี่ IG อย่างที่เขาชอบทำ ผมคลี่ยิ้มจนตาหยีใส่กล้อง’

“ถ้าวันหนึ่งผมไม่อยู่แล้วพี่ไทม์จะเศร้าเหมือนก่อนหน้านี้ไหมครับ”

“ไม่เศร้าหรอกครับ แต่ขอให้หนูรู้ไว้ว่าพี่จะอยู่ในนี้เสมอ” ไทม์พูดพลางใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่อกข้างซ้ายของเด็กหนุ่ม “และหนูก็จะอยู่ในใจพี่เช่นกัน” ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้ม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความอบอุ่น

“อย่าลืมนะ พี่เชื่อ... ไม่ว่าจะเป็นพี่ไทม์ตอนนี้หรือพี่ไทม์ตอนไหน หัวใจดวงนี้ก็ยังเป็นของหนูคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง”

“พี่ไทม์รู้ไหมเมื่อก่อนพี่ไทม์ออกจะ...”

“พี่สมัยก่อนเป็นยังไงครับ” ไทม์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

“เอ่อ... เจ้าเล่ห์ ขี้เก๊ก หลงตัวเองด้วย”

รัตติกาลเลิกคิ้วสูงแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นเช่นนั้น

“อื้ม... ขนาดนั้นเลยเหรอ”

สายชลยกยิ้มซุกซนก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มจรดแผ่นอกแกร่งตำแหน่งเดียวกับหัวใจ “แต่ไม่ว่าจะพี่ไทม์คนนี้ พี่ไทม์คนในอดีต หรือเจ้าชายของแมวน้อย พี่ก็เป็นคนเดียวที่น้อง ‘รัก’ เป็นคนเดียวที่สายชลอยากใช้ชีวิตด้วย ขอบคุณนะครับที่ดีกับผมมาตลอด”

แล้วไทม์พูดเสียงดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศแสนโรแมนติกที่อบอวลก่อนหน้า

“พี่คิดออกแล้ว” เขาเขย่าแขนคนน้องจนตัวสั่นคลอน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมทำหน้าตื่นเต้นขนาดนั้นล่ะ”

“หนูสายชลจำที่พี่เคยบอกได้ไหม... ตอนนั้นพี่กลับมาจากต่างประเทศใหม่ ๆ แล้วตั้งใจจะเอาแหวนมาจีบหนูที่นี่น่ะ” ไทม์เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“ที่พี่ไทม์เล่าว่าตอนนั้นมาหาน้องที่นี่... แต่รีสอร์ตกลายเป็นกิจการของคนอื่นไปแล้วใช่ไหมครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” สายชลเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

“พี่หาทางออกให้หนูกลับไปจีบพี่แทนได้แล้วล่ะ”

“ดะ… เดี๋ยวก่อนนะครับ จะ... จีบใครนะพี่ไทม์”

ไทม์ส่งสายตาพราวระยับ ฝ่ามือหนาประคองแก้มกลมพลางเกลี่ยเบา ๆ อย่างออดอ้อน

“อย่าบอกนะว่า...”

ไทม์อมยิ้ม สายตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง แล้วพยักหน้ารัว ๆ

“ถ้าพี่ไทม์ในเวลาของหนู... ไม่รู้ว่าหนูสายชลคือแมวน้อยสุดที่รักของมัน หนูก็ต้องเป็นคนทำให้พี่ในอดีตรู้...” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง นัยน์ตาแฝงด้วยความหวัง

“แล้วจู่ ๆ จะให้ผมไปบอกพี่ยังไงล่ะครับ ไม่เอาอะ... พี่ไทม์” สายชลทำเสียงอ้อน

‘ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของผมกับพี่ไทม์คนนั้นมันไม่มีอะไรเกินไปกว่าคนรู้จัก ถึงผมจะพอรับรู้ได้ว่าพี่ไทม์คนนั้นจะรู้สึกดีกับผมก็ตาม’

“รู้แล้วยังไงครับ... สุดท้ายพี่ก็ไม่สามารถจำเรื่องราวทั้งหมดตอนนี้ได้อยู่ดี เพราะเรื่องทุกอย่างระหว่างเรา มันยังไม่เกิดขึ้นยังไงล่ะครับ”

“น้องสายชล ใจเย็นก่อน... ฟังพี่นะ จริงอยู่เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออนาคต แต่พี่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า พี่ไทม์อยากมีอนาคตร่วมกับหนูนะ พี่อยากอยู่เคียงข้างหนู ไม่อยากให้หนูเจอชะตากรรมเลวร้ายนั่นลำพัง” ไทม์เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับกุมมือสายชลขึ้นมาแนบไว้ที่อกแกร่ง

“ถือว่าเป็นคำขอจากพี่...”

“เฮ้อ... ถ้าพี่พูดขนาดนี้ผมก็แพ้สิครับ”

ไทม์ประคองหน้าสายชลเข้ามาก่อนจะจุมพิตที่พวงแก้มนุ่มจนเกิดเสียงดังฟอด

“หนูต้องเป็นคนบอกกับไทม์คนนั้นว่า หนูนี่ละคือแมวน้อยของพี่ และเล่าเรื่องระหว่างเราทุกอย่างให้พี่ฟังด้วยนะ”

“แล้วพี่จะไม่คิดว่าชลเป็นบ้าเหรอ เล่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้”

“ถ้าหนูคิดว่าพี่จะไม่เชื่อ งั้นหนูเล่าเรื่องแหวนหูแมวสิ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้”

“แหวนหูแมวคืออะไรเหรอครับ”

“เป็นแหวนที่พี่ตั้งใจเอาไปจีบหนู เป็นแหวนทองคำขาวหูแมว ตอนนั้นพี่ซื้อด้วยเงินเดือนก้อนแรก แต่กลับมาที่ไทยแล้วงานยุ่งมากสุดท้ายก็ไปหาหนูไม่ทัน พี่เก็บแหวนวงนั้นไว้ในกล่องกำมะหยี่สีดำ กุญแจที่ล็อกกล่องใส่รหัส 2549 ใส่ไว้ในกล่องไม้โบราณของคุณย่าที่ช่องลับใต้หัวเตียงอีกที หนูจำข้อมูลตรงนี้ไว้ให้ดีนะครับ”

“ใส่กุญแจไม่พอมีรหัสด้วยเหรอครับ ลึกลับดีจังเลย”

“แค่เตือนความจำว่าผมเป็นแมวน้อยของพี่เฉย ๆ ได้ไหมครับ ผมไม่อยากเล่าเรื่องที่ผมข้ามเวลามาอนาคตให้ใครฟังเลย”

“งั้นก็แล้วแต่หนูครับ พี่ขอแค่สายชลช่วยนำทางให้พี่ได้เจอกับหนูไว ๆ ก็พอ”

“เราพักเรื่องเครียด ๆ กันไว้ก่อนแล้วไปทบทวนความหลังกันดีไหมครับ”

‘ผมตั้งใจชวนพี่ไทม์ไปทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งที่เจอกันตอนที่ผมข้ามเวลามาครั้งแรกที่เราทั้งสองคนนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน แล้วจะยืมจักรยานที่รีสอร์ตขี่ท่องตลาดโต้รุ่งยามราตรี’

“พี่ไทม์รักสายชลนะครับ” ไทม์ดึงแมวน้อยมากอด นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน

ทุกคำพูด ทุกความรู้สึก ตราตรึงใจทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน วงแขนแสนอบอุ่นของไทม์โอบกอดสายชลด้วยความรักสุดหัวใจ เขาก้มลงจูบกลางกระหม่อมเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบาแล้วค้างไว้อยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเขาอยากเก็บเกี่ยวซึมซับความรู้สึกนี้ให้ฝังหยั่งลึกลงจิตวิญญาณ การเริ่มต้นของทั้งคู่อาจจะเกิดขึ้นจากคำมั่นสัญญาในวัยเด็ก จนค่อย ๆ ก่อตัวเป็นความผูกพันจนยากจะแยกจากกัน แต่ทั้งสองคนต่างดีใจ อย่างน้อย ๆ กาลเวลาก็ได้นำพาให้พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรก็คงได้แต่ปล่อยให้โชคชะตานำพาไป...

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ