“คุณหนูคะ วันนี้คุณผู้หญิงเข้าออฟฟิศไปเซ็นเช็คด่วนค่ะ รอคุณแม่ก่อนไหมคะ”
“ไม่ดีกว่าครับป้านิด ผมอยากไปแต่เช้ากว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ จะได้ไม่เย็น”
“งั้นเดี๋ยวคุณหนูทานอาหารเช้าก่อนไปนะคะ ป้าเตรียมขนมเอาไว้ด้วย เผื่อคุณหนูหิวระหว่างทาง” ป้านิดพูดพร้อมกับหยิบขนมปังอบกรอบทาเนยบาง ๆ จัดใส่กล่องปิดฝาวางลงในถุงอย่างเบามือ
สายชลรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยจึงตระเตรียมเช็กความเรียบร้อยแล้วลาป้านิด เขาเลือกที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถทัวร์ ระหว่างทางสายชลอดนึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ได้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ โดยปกติเด็กหนุ่มไม่ใช่คนที่จะกล้าเผชิญกับเรื่องที่อาจทำให้ตัวเองลำบากใจโดยลำพัง แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา สายชลเชื่อมั่นเต็มหัวใจว่าพี่ชายฝาแฝดของเขาจะเติมเต็มส่วนที่ขาดหายภายในจิตใจเขาได้อย่างแน่นอน
ราว ๆ 4 ชั่วโมงกว่าสายชลขอลงรถที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะตรงนี้เดินทางสะดวกและยังมีรถไฟฟ้าที่อยากลองขึ้นสักครั้ง
สายชลเป็นคนหัวหินตั้งแต่กำเนิด นาน ๆ ครั้งจะเข้ากรุงเทพฯ กับคุณแม่ ทว่าทุกครั้งคุณแม่ก็เป็นคนขับรถพาเขาไปไหนมาไหน ครั้งนี้จึงแตกต่างออกไป
‘เฮฟเพอร์ทิค คอนโดมิเนียม เอ๊ะ แถว ๆ ศาลาแดงไม่ผิดแน่ ๆ ตื่นเต้นเหมือนกันแฮะจะได้เจอพี่สายฟ้าอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นเรื่องจริงเราจะได้มีครอบครัว มีพี่น้องแบบคนอื่นเขาซะที ว่าแต่พี่สายฟ้าเขาจะรับเราได้จริงเหรอ พี่ฟ้าคงไม่ใจจืดใจดำกับน้องได้หรอกเนอะ พี่ฟ้าของผมใจดีที่สุด’ สายชลใช้เวลาอยู่นานก็ได้มาถึงยัง เฮฟเพอร์ทิค คอนโดมิเนียม เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้าสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับเรียกสติ แล้วก้าวขาฉับอย่างมั่นใจเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์
‘เราทำได้อยู่แล้วเรื่องแค่นี้เอง ก็แค่เดินไปถามที่เคาน์เตอร์ว่าห้อง คุณทิวกาล เศวตฐิวัตร อยู่ห้องไหนพี่เขาคงไม่ด่าแล้วโยนเราออกมาหรอกมั้ง’ สายชลเดินผ่านการ์ดรักษาความปลอดภัยที่จับจ้องอย่างกับว่าเขาไปทำความผิดอะไรร้ายแรงมา หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเดินตามเด็กหนุ่มมาติด ๆ
‘โอ๊ย พวกพี่จะตามผมมาทำไมกันวะ ก็แค่จะมาหาพี่ชาย กลัวนะโว้ย’ คนตัวเล็กไม่กล้าพูดออกไปหรอก ทำได้เพียงแต่คิดในใจ ตอนนี้เหงื่อกาฬผุดเต็มกรอบหน้า รวมไปถึงใต้วงแขนก็เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาไม่น่าขนของมาซะเยอะเลย
สายชลเดินไปที่เคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่มั่นใจ ฉีกยิ้มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“สวัสดีค่ะ คุณสายฟ้าลืมคีย์การ์ดอีกแล้วใช่ไหมคะ แล้วนี่ไปไหนมาคะของเต็มเลย อะนี่ค่ะ คีย์การ์ดสำรองที่ฝากไว้”
สายชลฉีกยิ้มรับมาแบบงง ๆ ‘เอ๊ะ หรือพี่ประชาสัมพันธ์เขาคิดว่าเราเป็นพี่ฟ้ากัน’
“ขอบคุณมากครับ เอ่อ นี่ของฝากนะครับแบ่งกันกินนะครับ”
“น้องสายฟ้าทั้งใจดี ทั้งหล่อ สนใจสาวใหญ่แบบพวกพี่ไหมคะ ?” บรรดาสาว ๆ หน้าเคาน์เตอร์ต่างหัวเราะชอบใจและแซวเด็กหนุ่มกันอย่างสนิทสนม
สายชลชูคีย์การ์ดพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ “ขอโทษนะครับ ห้องไหนครับ”
“อ้าวอะไรกัน แฮงก์หรือคะน้องสายฟ้า ชั้น 12 ห้อง 188 ไงคะ”
“ขอบคุณครับ” ร่างเล็กรีบหมุนตัวแล้วเดินออกจากบรรดาสาว ๆ ให้ไวที่สุด กระทั่งชนเข้ากลับพี่ ๆ การ์ดร่างใหญ่เบิ้ม
โอ๊ย…
“เจ็บนะครับ พี่ ๆ ตามประชิดตัวผมทำไมกัน”
“เอ่อ เห็นคุณสายฟ้าเดินถือของมาเยอะแยะ ผมก็แค่จะช่วยถือให้เท่านั้นครับ แต่วันนี้เห็นคุณสายฟ้าหน้านิ่ง ๆ เอาแต่จะเดินไปที่เคาน์เตอร์ พวกผมก็เลยเดินตามมาก่อน”
สายชลเผลอขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะมองไปที่สัมภาระของตัวเองแล้วส่ายหน้าหวือ
“ไม่เป็นไรครับ ๆ ผมถือขึ้นไปเองได้พี่ ๆ ไปทำงานของพี่เถอะ ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ แบ่งขนมนี่ไปทานนะครับ”
สายชลก้มลงหยิบขนมที่จะเอามาฝากพี่สายฟ้า ‘แย่ละสิ เหลือถุงสุดท้ายแล้ว ไม่เป็นไรหรอกมั้งปกติพี่สายฟ้าไม่ค่อยกินขนมอยู่แล้ว’
“อะนี่ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
หลังจากที่สายชลหยิบขนมส่งมาให้พี่การ์ดของคอนโดมิเนียมที่ขนาดตัวราวกับยักษ์ เขารีบสาวเท้าแตะคีย์การ์ดกดลิฟต์ไปยังชั้น 12 ด้วยความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นและประหม่า
ติ๊ง…
เสี้ยวนาทีประตูลิฟต์เปิดออกมายังชั้นที่ 12 สายชลไล่หาหมายเลขห้อง 188 ห้องของพี่สายฟ้าเป็นซ้ายสุดและยังเป็นห้องสุดท้าย หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับจังหวะ EDM เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเขาปอดแรง ๆ อีกทีก่อนที่จะกดกริ่งที่เป็นจอเล็กด้านหน้าประตู ฝ่ามือบางกดย้ำอีกครั้ง ทว่าไม่มีเสียงตอบรับและด้วยความเหนื่อยเพลียจากการเดินทางมาตลอดทั้งวัน สายชลจึงถือวิสาสะแตะคีย์การ์ดสำรองเข้ามายังห้องของพี่ชายฝาแฝด
ภายในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ถึงจะไม่ใหญ่โตเท่ากับเกสท์เฮาส์พี่สายฟ้า แต่ถ้านับกันดี ๆ แล้ว ห้องใหญ่และหรูขนาดนี้สำหรับวัยรุ่นอายุ 19 นี่มันคือสวรรค์ชัด ๆ สายชลอดไม่ได้ที่จะเดินสำรวจรอบห้อง ทุกอย่างจัดวางอย่างเป็นระเบียบถึงแม้จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มากมายนัก ออกจะโล่งด้วยซ้ำ แต่นี่ก็ถือว่าสมกับเป็นพี่สายฟ้ามากจริง ๆ
สายชลพยายามมองหารูปภาพพี่ชาย แต่เดินไปจนเกือบทั่วห้องก็ไม่พบ จนเด็กหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนเข้าห้องถูกหรือไม่ เด็กหนุ่มเดินไปชมวิวริมหน้าต่าง ตึกสูงเสียดฟ้าและภาพการจราจรแลดูวุ่นวายซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสายชลเวลานี้ เด็กหนุ่มเผลอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“หรือว่าเข้าห้องผิดวะ นี่ก็ห้อง 188 เราดูไม่ผิดแน่ ๆ”
“นี่มึงเป็นใคร เข้าห้องกูมาได้ยังไง” เสียงคนมาใหม่แผดเสียงด้วยความขุ่นเคือง
สายชลรีบหันขวับตามเสียง ทั้ง 2 คนสบสายตากัน ราวกับเวลารอบตัวหยุดหมุน สีหน้า แววตา และทุกอย่างของทั้งคู่คล้ายคลึงกันราวกับกระจกเงา
ตุ๊บ…
สายฟ้าเผลอทำกระเป๋าหลุดมือ จนทั้งหมดหลุดออกจากภวังค์
“พี่สายฟ้า” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจพร้อมกับโผเข้ากอดพี่ชาย
“เดี๋ยว ๆ มึง ใครพี่มึง กูลูกคนเดียวโว้ย แล้วนี่มึงเป็นใครเข้าห้องกูมาได้ยังไง...”
“ฮ่าาาาา… พี่สายฟ้าอย่ามองผมอย่างกับเจอผีสิครับ”
“มึงไม่ใช่ผะ ผี ใช่ไหม ?”
“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นคน เห็นไหมผมยังตัวอุ่น ๆ อยู่เลย” สายชลเอื้อมมือไปจับแขนคนเป็นพี่แล้วเขย่าเบา ๆ
“แล้วทำไมมึงเข้าห้องกูได้” สายฟ้าพูดด้วยเสียงงุนงงปนหงุดหงิด
“พี่สายฟ้าอย่าเพิ่งหงุดหงิด ผมกดกริ่งเรียกพี่นานแล้วแต่ไม่มีคนออกมาผมก็เลย…” สายชลทำหน้าหงอยก่อนจะยื่นคีย์การ์ดสำรองให้กับเจ้าของห้อง
“นี่มึงมีคีย์การ์ดสำรองกูได้ไง” สายฟ้าตวาดเด็กหนุ่มเสียงดัง
“ก็พี่ข้างล่างให้ผมมา”
“เออ เขาคงคิดว่ามึงเป็นกูละสิ ไอ้สัตว์หน้าเหมือนกันฉิบหาย” สายฟ้าตะคอกพร้อมกับใช้มือบีบปลายคางสายชลจนเด็กน้อยตัวสั่น เจ้าของห้องจึงปล่อยมือแล้วกระชากคีย์การ์ดสำรองกลับไป
สายชลก้มหน้างุดกำมือแน่นจิตใจเริ่มระส่ำระสาย ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความกลัว
‘หรือว่าเราจะเข้าใจผิดไป เราคิดไปเองใช่ไหมว่าพี่สายฟ้าจะใจดี แต่นี่มันอะไร นี่มันคนเถื่อนชัด ๆ น่ากลัวเป็นบ้าเลย’
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?