ตอนที่ 33 เพียงสบตาแต่ใจสื่อถึงกัน [สายฟ้า x สายชล]

เช้าวันใหม่ที่สายชลรู้สึกมีความสุขเปี่ยมล้นภายใต้ผ้านวมหนานุ่มอบอุ่น ขณะที่เสียงนาฬิกาปลุกที่ยังไม่ทันได้ทำงานตามหน้าที่ของมัน หนุ่มน้อยที่นอนขี้เซาตัวคุดคู้อยู่ในผ้าห่มราวกับแมวน้อยที่พริ้มหลับ ถูกรบกวนการนอนด้วยเสียงรูดเปิดผ้าม่าน แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาปะทะใบหน้าคมคายได้รูป จนคนที่กำลังนอนหลับฝันหวานใช้หลังมือขยี้ตานิ่วหน้าอย่างงัวเงีย

“พี่สายฟ้า… รีบปลุกผมทำไมแต่เช้าครับเนี่ย” สายชลพูดงึมงำทั้งที่ยังไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ

“เจ้าเด็กขี้เซานี่มันเกือบจะ 8 โมงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” สายฟ้ายืนกอดอกมองคนที่หน้าตาคล้ายกันราวส่องกระจก หากแต่เมื่อสังเกตดี ๆ แล้วทั้งสองเพียงแค่คล้ายกันเท่านั้น

สายชลผิวคล้ำกว่าเล็กน้อยและค่อนข้างเจ้าเนื้อออกแก้มมากกว่าคนผู้พี่ ส่วนสูงที่น้อยกว่าไม่มากแต่ก็ดูดีลงตัวเมื่อเทียบกับแววตาที่สดใสแต่แฝงความลึกลับในนั้น ผิดกับสายฟ้าที่แม้เขาจะไม่เคยบำรุงสักนิด แต่ด้วยผิวพรรณขาวอมเหลืองเนียนละเอียด รูปร่างที่ได้รูปสมส่วน ลอนซิกซ์แพ็กชัดอย่างคนที่ชอบออกกำลังกาย กล้ามเนื้อแน่นแผ่นอกแกร่งที่พี่ชายฝาแฝดพยายามออกกำลังกายและฟูมฟักมาด้วยความภาคภูมิ รวมถึงส่วนสูง 178 เซนติเมตร แม้จะมากกว่าสายชลผู้เป็นน้องเพียงแค่ 3 เซนติเมตรเท่านั้น ทว่ามองโดยรวมจากรูปร่างสูงโปร่งทำให้สายฟ้าดูดีแข็งแรงมากกว่าคนเป็นน้อง ทว่าสีหน้าและแววตากลับดูนิ่งเรียบราวกับแม้โลกจะแตกเป็นเถ้าธุลีก็ไม่อาจดึงสีหน้า ความรู้สึก และอารมณ์ร่วมของสายฟ้าออกมาได้เลย

สายฟ้าเป็นผู้ชายประเภทเงียบขรึมเย็นชา ออกจะติดยียวน ต่างจากสายชลที่สดใสร่าเริง พูดคุยเก่ง ยิ้มง่าย เป็นมิตรกับรอบตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องของบริวารหรือบุคคลที่ตนรักแล้วละก็ สายฟ้าจะไม่ปล่อยให้ผู้นั้นเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ซึ่งข้อหลังนี้ทั้งสองพี่น้องเหมือนกันราวกับจิตวิญญาณผูกพันรับรู้สื่อถึงกัน ไม่ว่าคนที่ตนรักจะประสบพบเจอกับภยันตรายรูปแบบใด พวกเขาก็พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ก้าวผ่านไปได้ด้วยดี

“ไหนบอกว่าวันนี้ไม่ไปไหนไงครับ” สายชลนั่งมึนเบลอไม่นานก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้กับผู้เป็นพี่

“ดรีมบอกมึงสัญญาว่าจะออกกำลังกาย นี่สายมากแล้วอย่ามัวแต่นอน” สายฟ้าพูดด้วยเสียงเรียบ แล้วเดินตรงมายังเตียงนอนของเด็กขี้เซา ปรายตามองคนที่นอนสบายอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกถึงภัยที่อาจมาเยือนยังที่นอน

“พี่ฟ้าพูดอย่างกับผมต้องรีบฟิตหุ่นไปรบ” สายชลพูดติดตลก ขณะที่สายฟ้าทำหน้านิ่ง คนเด็กกว่าจึงลงจากที่นอนแล้วเดินไปกอดแขนผู้เป็นพี่ก่อนจะเขย่าเบา ๆ

“รู้แล้วน่า แต่พรุ่งนี้ได้ไหมอะ ?”

“นี่มาอยู่ 3 วันแล้ว จะกลับวันไหน ?” สายฟ้าพูดเข้าเรื่องที่เขาอยากจะพูดกับน้องชายฝาแฝด

สายฟ้าให้ดรีมไปจัดการเร่งผลตรวจจากแล็บเป็นกรณีพิเศษอย่างลับ ๆ ผลที่ออกมาก็ไม่ผิดกับที่เขาคาดการณ์ไว้แม้แต่น้อย ทั้งเขาและเด็กหนุ่มขี้เซาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเรื่องที่สายชลเล่ามา แต่การที่มีเอกสารยืนยันผลการพิสูจน์ DNA ก็ดีกว่าพูดปากเปล่าเป็นไหน ๆ

“พี่สายฟ้าจะไล่ผมแล้วเหรอครับ ไม่เอาอะ ไม่… ยังไม่อยากกลับ” สายชลเริ่มงอแงใส่พี่ชายราวกับตัวเองเป็นเด็กตัวน้อย ๆ

สายชลก็ไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไร ปกติเขาไม่ทำตัวอ้อนพร่ำเพรื่อขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับสายฟ้าและดรีม เขารู้สึกอบอุ่นใจเหมือนมีคนคอยปกป้องไม่ว่าจะต้องพบกับเรื่องเลวร้ายถาโถมเพียงใด อ้อมแขนแกร่งและมืออบอุ่นที่กอบกุมเขา สายชลรู้ว่าตัวเองจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

เมื่อคิดเช่นนั้นก็อดที่จะรู้สึกคิดถึงไทม์ไม่ได้ ไทม์ก็เป็นอีกคนที่เขารู้สึกดีและอบอุ่นใจ

ติ๊ง ติ๊ง ครืด ครืด เสียงไลน์แจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของสายชล

สายฟ้าหยุดยืนตรงโต๊ะข้างหัวเตียงพอดีจึงได้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่ล็อกอยู่ปรากฏแสงสว่างขึ้น จนเห็นข้อความจากไลน์ที่แจ้งเตือนเจ้าของเครื่อง

Rattikan : เช้าแล้ว ตื่นยัง

Rattikan: สติกเกอร์หน้าไทม์ หน้าขรึมกอดอก

ครืด ครืด สมาร์ทโฟนเครื่องบางยังคงสั่นไม่หยุด ขณะที่สายชลเอื้อมมือกำเจ้าตัวปัญหาไว้ในมือแน่น แล้วหันไปยิ้มบางยิ่งกว่ากระดาษไขที่พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ สายตาของเจ้าของห้องที่หน้าเหมือนกันราวถ่ายเอกสารออกมานั้น แววตาดุดันเฉียบคมแทบจะเชือดเฉือนให้ขาดสะบั้น

“พี่สายฟ้าฮะ ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นล่ะ”

“ไม่ชอบ”

“หึ…” สายชลขมวดคิ้วแน่นแสร้งทำไม่เข้าใจในคำพูดของพี่ชาย ทว่าเขาพอจะเข้าใจที่สายฟ้าไม่ชอบไทม์สักเท่าไร แต่สายชลก็ไม่เข้าใจทั้งที่ไทม์กับสายฟ้ายังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะอะไรถึงไม่ชอบหน้าคนโตกว่าได้ขนาดนั้น

“ผู้ชายคนนั้น ทำไมยังติดต่อกัน” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงสั้นห้วนเจือความไม่พอใจ

“พี่ฟ้ายังไม่รู้จักพี่ไทม์ ทำไมไม่ชอบหน้าเขาล่ะ” สายชลพูดด้วยสีหน้าสงสัย และเขาก็ต้องตกใจจนก้มหน้างุดเมื่อสายฟ้าจ้องหน้าเขาด้วยสายตาดุดันราวกับสายฟ้าฟาด

นี่เขาทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรือ สายฟ้าถึงต้องมองหน้าด้วยท่าทางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั้น ‘เมื่อก่อนดูเหมือนว่าเข้ากันได้ยากแล้ว แต่มาตอนนี้ เฮ้อ ยากกว่าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า ไอ้สายชลเอ๊ย ท้อใจ…’

“โทร.ไปบอกที่บ้านหรือยัง มากรุงเทพฯ นานขนาดนี้”

“ไม่นานนี่ วันนี้วันที่ 3 เอง”

“ไหนบอกที่บ้านว่าจะมาแค่ 2-3 วัน เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วงเอานะ”

“ห่วงเหรอ” สายชลพูดพร้อมกับสายตาว่างเปล่าปนความเศร้าในแววตา

“อะ… เอ่อ กูหมายถึงแม่มึงน่ะ เขาจะเป็นห่วงมึงนะ” สายฟ้าเสียงอ่อน

“เหอะ ๆ เรื่องนั้นพี่สายฟ้าไม่ต้องกังวลหรอก คุณแม่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจผมขนาดนั้นหรอก” สายชลพูดพลางยิ้ม แต่รอยยิ้มครั้งนี้ดูแตกต่างกว่าทุกครั้งจนคนถามขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ยังไง ?”

“ขนาดตอนผมเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด คุณแม่บอกว่าจะไม่หายไปไหนนาน ๆ แต่เขาก็ยังไปทำงานอยู่ดี ก่อนผมจะมาหาพี่สายฟ้า คุณแม่ก็ไม่อยู่บ้านนะ จริงอยู่ที่คุณแม่เป็นห่วงผม แต่เขาก็ไม่ได้สนใจผมมากไปกว่างานของเขาหรอกครับ พี่สายฟ้ารู้ไหมตั้งแต่ผมจำความไปนะ ผมก็โตมาเองอยู่กับป้าแม่บ้านที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงผมมาตลอด แต่ป้านิดพูดเสมอว่าคุณแม่รักผมมาก ไม่อยากให้ผมคิดมาก แต่ก็นั่นละครับ เลิกสนใจไปนานละ ถึงจะอยาก…” สายชลพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจแต่ก็เข้าใจทุกอย่าง

แม่ของสายชลเป็นเสาหลักของครอบครัว หากแม่ไม่ทำงานหนักทั้งลูกชายและลูกน้องอาจจะลำบาก เธอเป็นผู้หญิงแกร่งทำทุกอย่างรวมถึงดูแลทุกคนให้อยู่อย่างสบายและมีความสุข หากแต่สิ่งที่เด็กน้อยอย่างสายชลต้องการหาใช่เงินทองและความสุขสบายทางกายไม่ เด็กน้อยต้องการเพียงผู้เป็นแม่ที่คอยกอดในวันที่ไม่สบายใจ รอยจูบที่บอกฝันดีก่อนนอนให้อบอุ่นหัวใจและรู้สึกปลอดภัย รวมถึงช่วงเวลาดี ๆ ในแต่ละช่วงของชีวิตที่มีแม่อยู่ด้วย

แต่ในความเป็นจริงนั้น มีเพียงป้านิดที่คอยเป็นผู้ปกครองในวันที่มีกิจกรรมที่โรงเรียน เป็นป้านิดที่คอยกอดปลอบทุกครั้งที่เขารู้สึกไม่สบายใจหรือสับสน และก็ยังคงเป็นป้านิดอีกเช่นกันที่เข้ามาห่มผ้าและประทับจูบอย่างอ่อนโยน บอกฝันดีในทุกคืนก่อนนอน

สายชลจึงรักป้านิดเสมือนแม่อีกคนเพราะทุกช่วงชีวิตจะมีป้านิดอยู่ในนั้นด้วยเสมอมา แต่ในใจของสายชลก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายังคงต้องการไออุ่นจากผู้เป็นแม่ ยังคงอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์เฉกเช่นครอบครัวอื่น ๆ แต่เขาทำได้เพียงเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ไม่สร้างภาระความหนักอกหนักใจให้แม่เท่านั้น เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อกลับจากโรงเรียนแล้วเจอแม่รออยู่ที่บ้าน แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่บ่อยมากนักแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษสำหรับเขา

เด็กน้อยมักจะหยิบผลงานต่าง ๆ อวดผู้เป็นแม่หวังจะให้ภูมิใจในตัวเขา ทุกคำชมที่แม่เอ่ยบอกยามเมื่อเจอกันราวกับน้ำทิพย์ชโลมหัวใจที่อ่อนแอบอบช้ำ ดั่งดอกไม้ที่กำลังจะเหี่ยวเฉายามไร้หยาดน้ำค้าง แค่เพียงรอยยิ้ม ฝ่ามืออบอุ่นที่โอบกอดและคำพูดดี ๆ เหล่านั้นความแห้งแล้งในจิตใจสายชลก็เลือนหายไปเสียหมดสิ้น

สายฟ้าได้ฟังความรู้สึกในใจที่โดดเดี่ยวของสายชลแล้วเขาก็อดที่จะนึกถึงตัวเองไม่ได้ เขาเองก็ไม่ต่างกัน เติบโตมาอย่างเหงา ๆ ถึงจะเห็นพ่ออยู่แทบตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสคุยกัน กระทั่งวันหนึ่งก็ค่อย ๆ ห่างกันไป สายฟ้ายังคิดติดในใจหากไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องช่วยธุรกิจของพ่อแล้ว พวกเขาจะยังได้คุยกันอยู่ไหม ? แต่เรื่องของสายฟ้าเขาไม่ได้เล่าให้น้องชายฟัง เพียงแต่สบตากันอย่างเข้าใจความรู้สึก น่าแปลกที่ทั้งสองคนมองหน้าสบตากัน แล้วเข้าใจและรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่บาดลึกในหัวใจ รอคอยใครสักคนที่มาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายของพวกเขาให้มันสมบูรณ์ ถึงที่ผ่านมาทั้งสองจะบอบช้ำเพียงใด แต่วันนี้ เวลานี้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแล้ว ทั้งสายฟ้าและสายชลต่างรับรู้ราวกับดวงจิตเชื่อมถึงกันว่า หลังจากนี้ต่อไปไม่ว่าจะเจอเรื่องราวรูปแบบไหน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่พวกเขาจะไม่โดดเดี่ยวและมีกันไปแบบนี้…

สายฟ้าดึงเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมแขนแกร่งที่แสนอบอุ่น ขณะที่สายชลใช้สองแขนกอดรั้งรอบเอวพี่ชายไว้แน่นราวกับกลัวอ้อมกอดนี้สูญสลายหายไป ความรู้สึกที่อบอวลด้วยความตื้นตัน ความอบอุ่นปลอดภัยที่โหยหามาเนิ่นนาน อ้อมกอดนี้ได้ตอกย้ำการมีอยู่ของพวกเขา นับจากนี้ไปทั้งสองจะไม่แยกจากกันอีก !!!

“มึงจะกลับบ้านวันไหน เดี๋ยวกูจะกลับไปด้วย”

“พรุ่งนี้ไหมครับ วันนี้จะเก็บของแล้วนอนพักเอาแรง”

“ได้ เดี๋ยวกูขับรถพาไป”

“ดีจังเลย ตอนมารถทัวร์ ขากลับรถเก๋ง เย่ ๆ” สายชลหัวเราะคิกคัก

“พูดเยอะ” สายฟ้าทำหน้าเหม็นเบื่อพลางผลักน้องชายออกจากเอวตัวเอง

“อย่าเพิ่งแกะสิ คิดถึงนะเนี่ย” สายชลใช้ข้างแก้มถูไถพี่ชายราวกับเป็นแมวตัวโต

“คิดถึงเหี้ยอะไร ขนลุก อาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพาไปไหว้พระ หมูปิ้งหน้าวัดอร่อยมาก”

เมื่อสายชลได้ยินคำว่าหมูปิ้งทำให้คนเด็กกว่ารู้สึกกระตือรือร้น รีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ขณะที่สายฟ้ากดโทรศัพท์โทร.หาพ่อบอกว่าช่วงนี้จะไปบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด และเป็นอย่างที่เขาเดาไม่ผิด นอกจากพ่อจะไม่สงสัยอะไรแล้วยังฝากให้ทำงานอีกตามเคย ทั้งที่สายฟ้าบอกไปแล้วว่าอยากสนใจเรื่องเรียนมากกว่า แต่พ่อก็ยังไม่วายที่จะให้เขาไปเจอกับเพื่อนในวงการของพ่อ แต่เอาเถอะ เขาชินแล้วละ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ