ตอนที่ 4รอยจูบประทับหัวใจที่คุ้นเคย... ที่ไม่คุ้นเคย

@หัวหิน

เสียงอึกทึกจากบรรดาทีมสตาฟ ช่างหน้า ช่างผม จะว่าไปแล้วสายชลก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงเป็นคอลเลคชั่นชุดธรรมดาแต่คนที่จะถ่ายด้วยกลับไม่ธรรมดาเลย

รัตติกาลยังคงนั่งหน้าเคร่งขรึม คิ้วเข้มได้รูปตัดกับสีผิวขาวเหลือง เสื้อทรงฮาวายลายสดใสคอลเลคชั่นใหม่ที่เจ้าตัวปล่อยชายเสื้อให้พลิ้วตามลม ยามที่ลมทะเลพัดกระทบตัวเสื้อที่กลัดกระดุมเพียงไม่กี่เม็ดจึงเผยให้เห็นมัดกล้ามเป็นลอนได้รูปสวย บ่งบอกว่าเจ้าของหุ่นนี้ต้องทุ่มเทฟิตหุ่นอย่างมากแน่นอน สายชลเผลอมองเจ้าของรูปร่างงามตรงหน้าอย่างลืมตัว

“อ๊ะ ทำไรน่ะ” รัตติกาลรวบเอวบางของสายชลเข้าไปแนบประชิดตัว ทำให้คนเด็กกว่าต้องผลักอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัวเอง หากมองจากมุมไกล ๆ แล้วราวกับทั้งคู่กำลังโอบกอดและสบตากัน

“แบบนั้นแหละ ขอสายตาหวาน ๆ อีกหน่อยน้องสายชล คุณไทม์ดีแล้วสายตาสตรองแบบนั้นแหละ” ช่างภาพเอ่ยชมไม่ขาดปากพร้อมลั่นชัตเตอร์ระรัว

รัตติกาลคร่ำหวอดอยู่ในวงการถ่ายแบบมานาน และยังเป็นถึงประธานนิตยสาร Memo magazine ชื่อดัง แทนผู้เป็นพ่อที่ผันตัวเองมาเป็นที่ปรึกษาอาวุโส เพราะหันไปเอาดีทางท่องเที่ยวรอบโลกตั้งแต่แม่ของเขาเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารหน้าใหม่ที่หนุ่มน้อยสาวใหญ่ต่างก็จับตามอง

“น้องสายชลเป็นอะไรลูก ทำไมทำหน้าไม่มั่นใจแบบนั้น” พี่แพมถามเมื่อเห็นถึงความไม่มั่นใจของสายชล

“เอ่อ... ผมขอลองใหม่อีกครั้งนะครับ”

รัตติกาลดึงฝ่ามือของสายชลมาวางทาบบนแผงหน้าอกของตน ในขณะที่เขารวบคนตัวเล็กให้อยู่ในวงแขน ยิ่งเจ้าเด็กดื้อทำตัวยุกยิกมากเท่าไรเขาก็ยิ่งอยากแกล้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น

“มืออาชีพหน่อยสิคุณ” สายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจ้องมองคนในวงแขน เมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่กของสายชลที่ราวกับกระต่ายน้อยกำลังตาเหลือกหูตั้ง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ‘เด็กคนนี้ก็น่าแกล้งดีจัง’ รัตติกาลกระตุกยิ้มนิด ๆ เมื่อเขาคิดในใจ

สายชลใจเต้นไม่เป็นระส่ำกับการโพสแต่ละท่า คุณไทม์ทำให้หัวใจของเขาแทบแตกกระเจิง ยิ่งใกล้ชิดยิ่งหวั่นไหว ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้กลับยิ่งต้องใกล้ชิด หลังจากที่ทีมงานให้พักสิบห้านาทีสายชลก็แวะมานั่งในห้องแต่งตัว ก่อนจะยกแก้วน้ำที่ทีมงานเตรียมเอาไว้ให้ดื่มดับกระหาย แต่แล้วเสียงนุ่มทุ้มของใครบางคนก็ร้องท้วงขึ้นมา

“แก้วใบนั้นของผมนะ แต่ไม่เป็นไรคุณใช้ของผม... ก็เท่ากับว่าเราจูบกันทางอ้อมนี่เนอะ” คนเจ้าเล่ห์ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังสายชลโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู ลมหายใจอบอุ่นกระทบหลังกกหู การกระทำของรัตติกาลส่งให้คนตัวเล็กหวามไหว

เขายังย้ำคำนั้น “เราจะได้สนิทกันมากขึ้นอีก” ฝ่ามือหนาคว้าแก้วเจ้าปัญหาแล้วเอาไปดื่มต่อหน้าตา

“อ้าวกระต่ายแคระ เหม่ออะไรครับ หึ” ไทม์ยังคงตั้งใจแกล้งเขาอย่างต่อเนื่อง

“กระต่ายแคระ คุณไทม์หมายถึงใครน่ะครับ”

รัตติกาลทำเพียงกระตุกยิ้มอย่างยียวนก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดแล้วหันมายิ้มให้คนที่เด็กกว่า ก่อนจะเดินออกไปรอยังด้านนอกทิ้งให้สายชลนั่งกุมอกด้านซ้ายเพียงลำพังในห้องแต่งตัว

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“เดี๋ยวก็ต้องไปทำงานที่หัวหินแล้ว ไม่รอไปเที่ยวหลังถ่ายงานเสร็จทีเดียวล่ะ”

“พี่ดรีมไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ถึงดรีมจะนึกเป็นห่วงสายชลมากเพียงไร ทว่าเขาก็ไม่สามารถทัดทานความต้องการของคนตรงหน้าได้ จึงทำได้เพียงซื้อโทรศัพท์ให้อีกเครื่อง พร้อมกับลงโปรแกรมสำคัญและสอนการใช้งาน

“ถึงร่างกายมึงจะเหมือนคนอายุ 27 ก็จริง แต่รู้ตัวเองใช่ไหมว่า...”

“ครับ เพราะแบบนี้ไงชลถึงรักพี่ดรีมที่สุดเลย” สายชลระบายรอยยิ้มกว้างแล้วกอดคนตรงหน้า “ขอบคุณมากนะพี่ดรีมที่เชื่อผม”

“คือมันก็เชื่อยากอยู่นะ มันจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอวะ ข้ามเวลามา 8 ปีเนี่ย !!! แต่ไม่ว่าจะยังไง กูขอบคุณมึงมากนะ งานถ่ายแบบครั้งนี้สำคัญต่อบริษัทพวกกูมาก ถึงหัวหินแล้วโทร.หาด้วยนะ อันนี้โทรศัพท์ของมึง ส่วนเงินกูใส่ไว้ในบัญชีให้แล้ว”

จริง ๆ แล้วสายชลพอเข้าใจความเป็นห่วงของดรีมอยู่บ้าง ระหว่างที่สายชลย้อนคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลายวันที่ผ่านมา เครื่องบินก็เกือบจะถึงที่หมายแล้ว ช่วงนี้สายชลเองก็รู้สึกสนุกมากที่ได้ช่วยงานที่บริษัทของดรีม ในเวลาเพียง 8 ปีหากนับจากที่เขาข้ามเวลามาหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก ก่อนหน้านี้เขายังเป็นว่าที่เฟรชชี่อยู่เลย เฮ้อกว่าจะสอบติดได้ แต่อยู่ ๆ ก็โผล่มาในโลกอนาคตใครจะไปเชื่อ ขนาดตัวเขาเองยังแทบจะไม่อยากเชื่อเลย

...คิดถึงทะเลหัวหินจัง สายชลเลือกที่จะไปยังรีสอร์ตที่เป็นธุรกิจของบ้านตัวเอง แต่สิ่งที่เจอคือทุกอย่างก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก เพียงแต่ว่าเปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น สายชลไปนั่งคุยกับเจ้าของคนใหม่เขาคนนั้นยังจำสายชลได้อยู่เลย ทั้งที่ความจริงสายชลไม่รู้จักคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เจ้าของคนใหม่รู้เพียงเบอร์ติดต่อของเจ้าของคนก่อนเท่านั้น

สายชลที่ได้ฟังก็ตกตะลึง ตอนนี้สมองขาวโพลน เขาเกิดและอยู่ที่นี่ตั้งแต่จำความได้ ไม่มีทางจะย้ายบ้านไปที่อื่นหรอก หรือว่าคุณแม่มีปัญหาอะไรที่ไม่ได้บอก จำได้ว่าคืนก่อนที่เขาจะมาโผล่ที่นี่... เขาได้ยินอะไรบางอย่าง แต่กลับนึกไม่ออกเหมือนมันผ่านมานาน ทั้งที่ไม่กี่วันเองนะ ปวดหัวชะมัด

สายชลคิดพร้อมกับจัดของกระจุกกระจิกภายในห้องพัก ‘อ้าวหยิบกล่องดนตรีติดมาด้วยหรือนี่’ เขานั่งมองกล่องดนตรีที่เสมือนเป็นเพื่อนคนเดียว ตั้งแต่ข้ามเวลามาที่นี่ก็มีเพียงกล่องดนตรีกับสร้อยข้อมือเส้นนี้ที่คุ้นตามากที่สุดแล้ว แม้ว่าจะเป็นคนละชิ้นกับที่ได้มาจากร้านกาลเวลา ทว่าเขากลับรู้สึกสบายใจเมื่อได้ฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งใสกังวานของมันที่ทำให้คนฟังอย่างสายชลเคลิบเคลิ้มจนอยากจะปิดโสตประสาททั้งหมดลง ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงดังโครมครามจากริมชายหาดที่ดังแว่วมาตามลม...

“พวกแกต้องการอะไร กลางวันแสก ๆ ไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยหรือไงวะ”

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ทว่านอนร้องโอดโอยคุดคู้กำลังถูกนักเลงสามคนรุมกระทืบบริเวณริมชายหาด ด้วยความที่วันนี้เป็นวันธรรมดาช่วงโลว์ซีซั่นจึงไม่มีผู้คนผ่านไปมา สายชลรีบวิ่งออกไป ขณะที่มือก็กดโทรศัพท์หมายจะแจ้งความ

“ทำอะไรกันน่ะ หยุดนะ ช่วยด้วย มีคนถูกทำร้าย ผมโทร.เรียกตำรวจแล้วนะ” สายชลรีบตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความหวาดกลัว แต่กลัวคนตรงหน้าจะตายคาตีนพวกนั้นมากกว่า

“ไปกันเหอะลูกพี่” ลูกพี่หน้าเถื่อน รอยสักเลอะเทอะเต็มตัวชี้หน้าคาดโทษ ก่อนจะสบถคำด่ากราดแล้วรีบพากันวิ่งจากไป ทิ้งให้ผู้ชายโชคร้ายนอนตัวเปรอะเปื้อนทรายอยู่ข้างเก้าอี้ชายหาด

“นี่คุณ คุณเป็นอะไรไหม” ชายผู้เคราะห์ร้ายนอนคุดคู้ตัวงอ มือหนากุมบริเวณท้อง สงสัยว่าน่าจะเจ็บบริเวณท้องเป็นพิเศษ

“มาลุกขึ้นไปที่รีสอร์ตใกล้ ๆ ก่อน คุณครับพอจะลุกไหวไหม” สายชลเอาหัวมุดเข้าไปที่วงแขนหนาพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นโดยมีชายร่างใหญ่เกาะพยุงตัวอยู่

“ตัวเท่าลูกหมา ไม่ไหวหรอกมั้ง” คนเจ็บพึมพำทว่าก็ยังกอดสายชลไว้แน่น

“คุณนี่ก็นะ ผมช่วยแล้วยังปากเสียอีก” สายชลดุไปทีแต่ดูแล้วชายตรงหน้าไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน กลับเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วส่งยิ้มกวนอารมณ์

“เอ่อ เอ่อ คะ คุณไทม์” สายชลสบตามองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย มุมปาก และคิ้วแตกเล็กน้อย

“เราจะยืนตรงนี้ให้มันมาอีกรอบไหมคุณ”

“อะ ครับ ๆ ไปตรงนั้นนะ” สายชลรีบพยุงไทม์ไปพักที่จุดเช็กอินรีสอร์ต แล้วรีบไปหาที่ทำแผล ทว่ากลับลืมว่าที่นี่ไม่ใช่ของเขาแล้ว เลยสอบถามพนักงานว่าพอจะมีกล่องปฐมพยาบาลไหม เอาจริง ๆ ของทุกอย่างแทบจะอยู่ที่เดิมเลยก็ว่าได้

“เจ็บหน่อยนะคุณ ผมพาไปหาหมอไหม คุณเจ็บที่ท้องมากใช่ไหม ผมเห็นคุณเอามือกุมท้องตลอด”

สายชลทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างมองไทม์อย่างเป็นห่วง มีคำถามในใจมากมายว่าทำไมคนตรงหน้าจึงถูกไอ้พวกนั้นมันทำร้ายได้ มันจะบังเอิญเกินไปไหม !?

“จะถามอะไรหรือเปล่า น้องตัวเล็ก”

“ปละ... เปล่าครับ” ยังไม่ทันที่สายชลจะเอ่ยถามออกไป คนตรงหน้าก็ตอบในสิ่งที่เขาสงสัยออกมาเสียก่อน

“พอดีวันนี้แวะมาเที่ยวน่ะ ผมชอบทะเลมาที่นี่ แล้วบ้านอาก็อยู่ในตัวเมือง ส่วนไอ้พวกนั้นมันคงเป็นพวกนักเลงประจำถิ่น มันคงจะจี้ปล้นนักท่องเที่ยวมั้ง พอกวนตีน... บอกไม่มีเงิน มันก็หาเรื่อง โดนกระทืบฟรีแบบนี้เนี่ยแหละ”

สายชลมองรัตติกาลด้วยสายตาเป็นห่วง แล้วค่อย ๆ ย้ายตัวเองไปนั่งด้านข้างของเขา พร้อมกับนำสำลีชุบเบตาดีน ทาแผลบริเวณหางคิ้วที่แตกเป็นแผล เขาบรรจงใส่ยาด้วยความห่วงใย แล้วแปะพลาสเตอร์ยาให้อย่างเบามือ

“เพี้ยง ไม่เจ็บแล้วน้า เคยมีคนคนนึงบอกผมว่าเป่าเพี้ยงแล้วจะหายไวไม่เจ็บ ถึงมันจะไม่หายเจ็บแผล แต่มันทำให้ใจผมเข้มแข็งได้มากเลย” สายชลระบายยิ้มสดใส ประคบน้ำแข็งอย่างเบามือ

[รัตติกาล - ไทม์]

รัตติกาลที่นั่งมองสายชลปรนนิบัติทุกการกระทำด้วยความห่วงใย ใบหน้าเรียวที่จดจ้องบาดแผล ด้วยสายตาที่วาววับราวกับมีหยาดน้ำตาคลอที่หน่วยตา ริมฝีปากกัดเม้มจนแดงระเรื่อ

“คุณร้องไห้ทำไม” รัตติกาลถามเสียงนุ่มทุ้ม

สายชลป้ายน้ำตาปริ่มรื้นอย่างลวก ๆ แสร้งยิ้มทั้งที่หัวคิ้วยังขมวดเข้าหากันแน่น จากแววตาที่ปกติดูสดใสกลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความเหงาเจือเศร้า ‘เห็นเจ้ากระต่ายน้อยเป็นแบบนี้แล้วเขาก็อดที่จะกังวลไม่ได้เหมือนกันแฮะ’

“นี่คุณ ไปนั่งรถเล่นกันไหม” รัตติกาลเอ่ยชวนเด็กตัวน้อยตรงหน้าเผื่อว่าไปกินลมชมวิวจะอารมณ์ดีขึ้น

“ไม่ดีกว่าครับ คุณยังเจ็บอยู่นี่ พักเถอะ” สายชลพูดขณะเก็บยาใส่กล่อง ก่อนจะเดินไปเทน้ำใส่แก้ว และเอากล่องปฐมพยาบาลไปไว้ที่เดิมด้วยความคุ้นเคย

“เอาน่าคุณ... ผมไหว ขอนั่งริมหาดพักแป๊บนึงเดี๋ยวก็ดีขึ้นละ” คนแก่กว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแตกต่างจากครั้งก่อนที่คอยแต่จะแกล้งสายชล เมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีท่าทางไม่สนใจเขาจึงถือวิสาสะจับข้อมือน้อย ๆ แล้วออกแรงกึ่งลากไปที่ริมชายหาด คนตัวเล็กรีบสะบัดมือออกในทันที แม้ปากจะบ่นอุบอิบว่าไม่อยากไป ทว่าสายชลกลับเดินตามรัตติกาลอย่างว่าง่าย

ครืน ครืน เสียงน้ำทะเลกระทบหาดทำให้เผลอที่จะอดนึกถึงเด็กน้อยฝาแฝดสองคนนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้าแมวแคระเด็กชายตัวเล็กแววตาสดใส ยามใดที่เขาอยู่ใกล้ทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะเป็นโลกทั้งใบ อยากจะดูแลและปกป้อง ตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศก็มาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบแม้กระทั่งเงาของน้องเลย ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มน้อยน่ารักแล้ว ระหว่างคิดถึงไออุ่นในวัยเยาว์ รัตติกาลก็เผลอหันไปมองหน้าสายชล ผิวขาวอมชมพูยามต้องแสงแดด สายลมพัดเอื่อย ๆ พร้อมกับคลื่น อยู่ ๆ มองสายชลแล้วทำให้ยิ่งคิดถึงเด็กน้อยที่เขาเฝ้าคิดถึง ในตอนนั้นเด็กน้อยตื่นเต้นดีใจทุกครั้งที่เขาแวะมาหา

“ไปกันเถอะ” ไทม์ลุกขึ้นพรวดพราด

“โวะ อะไรของคุณ ผมกำลังนั่งเพลิน ๆ จะไปไหนก็ไปก่อนเลย ผมมาพักผ่อน มะไม่ เอ่อ…” ไทม์ก้มลงมาลูบผมสายชลอย่างอ่อนโยน เขาโน้มตัวลงมายิ้มอ่อน แววตาที่ไม่เหมือนครั้งแรกที่สายชลเห็น สายตาคนตรงหน้านี่อ่อนโยนจนแทบจะทำให้คนตัวเล็กละลายผสมกับเม็ดทรายบนหาดขาว

“เล่นบ้าอะไรของคุณ เอ้าไปก็ไป จะไปไหนล่ะ”

“โธ่คุณ ผมก็คิดว่าคุณขับรถหรูเปิดประทุนมา” สายชลปาดเหงื่อ พร้อมกับสะบัดเสื้อเผื่อจะเย็นขึ้นแต่ก็เปล่าเลย คนขับไม่ได้พูดอะไรมีแต่เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอ

“อย่ายืนสิคุณเดี๋ยวตก” คนแก่กว่าดุเสียงดัง

สายชลยืนเกาะไหล่กว้างของไทม์ ผมพลิ้วสยายเมื่อลมปะทะหน้า สายชลยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

“แวะกินบิงซูกัน” สายชลพูดเสียงเจื้อยแจ้วตลอดทางทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ทั้งสองเผยตัวตนของตัวเองออกมาอย่างไม่มีอะไรกั้นขวาง ไทม์เผลอเอามือจับที่ท้องหลายครั้งจนสายชลเริ่มทัก

“ผมว่าเรากลับกันดีกว่า คุณพักที่ไหนล่ะ”

“กะว่าจะพักรีสอร์ตเดียวกับคุณ” ไทม์กล่าวเสียงราบเรียบ

“อ้าว ไหนบอกว่ามีบ้านในตัวเมือง”

รัตติกาลไม่ตอบ เขาทำเพียงคว้าสองล้อคู่ใจที่พิงอยู่ข้างกำแพงร้านกาแฟตรงข้ามริมชายหาด พร้อมกับเอามือตบเบาะจักรยานปุ ๆ

“ไม่แปลกใจเลยที่ช้า เพราะขาสั้นนี่เอง” ไทม์รู้สึกสนุกเวลาแกล้งให้คนตัวเล็กหัวเสีย แต่ก็แปลกที่ไม่ชอบเห็นคนตัวเล็กเศร้า ก็เลยแกล้งไม่ตอบอะไร จริง ๆ ก็รู้สึกแปลกใจเพราะอะไรเขาถึงอยากอยู่ใกล้ อยากแกล้ง อยากดูแล เขามันเป็นพวกไม่คิดอะไรซับซ้อนกับเรื่องความสัมพันธ์ ถือคติว่าอยากทำอะไรก็ทำ หากสิ่งนั้นมันไม่ได้ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน และทำอะไรก็ตามที่ไม่ทรยศจิตใจตัวเอง

“ไม่นอนพักล่ะ เจ็บอยู่นี่” สายชลเอ่ยทักทิ้งตัวนั่งข้างเขาที่นั่งมองทะเลสีดำยามค่ำคืน

“นี่คุณรู้ไหม เวลาคนเหงา ๆ เขามักจะชอบนั่งทอดสายตามองทะเลนะ คุณก็ชอบเหมือนกันใช่ไหม ผมมาที่นี่เพราะผมคิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน และก็คิดถึงคนคนนึงน่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไรเลย ผมมาที่นี่คนเดียว คุณรู้ไหมมันเหงาแค่ไหน กลัวก็กลัว ที่ที่เหมือนรู้จักแต่มันไม่ใช่ที่ของเราอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้”

สายชลพูดไปหยาดน้ำตาใสก็เริ่มเอ่อรื้น สายตาเต็มไปด้วยความสับสน แล้วใช้มือบางปาดน้ำตา ก่อนจะเอามือปิดหน้าปล่อยโฮ “ผมไม่รู้ผมจะทำยังไง ผมไม่เหลือใครเลย”

คราบน้ำตา เสียงสะอื้น และท่าทางที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารของคนตรงหน้า ทำให้ไทม์รู้สึกถูกบีบที่หัวใจ เขากระดกเบียร์จนหมดขวดรวบรวมความกล้าแล้วคว้าเด็กน้อยที่ร้องไห้งอแงที่เข้ามากอดอย่างแผ่วเบา มือพลางลูบหัวคนตัวเล็กแทนคำปลอบโยน เนิ่นนานที่รัตติกาลนั่งฟังเสียงคลื่นผสมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น บรรยากาศช่างน่าเศร้าและเหงาเกินทน ทว่าเขายิ่งปลอบคนตัวเล็กก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้น ไทม์เลื่อนมือฉวยเชยคางคนตัวเล็กพร้อมกับก้มประทับจูบไปที่หางตา ประหนึ่งว่าอยากจะซับรอยน้ำตานี้ให้หมดไป

“เรียกพี่ไทม์สิ” รัตติกาลเอ่ยบอกคนตัวเล็กไปแบบนั้นด้วยเสียงจริงจังแฝงด้วยความอบอุ่น สายตาจ้องมองคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอมปนเอ็นดูราวกับเด็ก ๆ

“เอ่อ พะ พี่ไทม์”

จุ๊บ !!! ไทม์ก้มลงมาประทับริมฝีปากสายชลแบบไม่ทันตั้งตัว เสียงสะอื้นถูกกลืนหายไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ หัวใจทั้งสองคนเต้นแรงราวกับเกลียวคลื่นยักษ์ สายชลผลักชายฉวยโอกาสออกเบา ๆ

“ก็คุณเป็นเด็กดีไง ผมเลยให้รางวัล” ที่จริงไทม์ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทสายชล แต่คำพูดกวนใจของเขามันทำเอาเด็กน่ารักตรงหน้าเขินแล้วหันมาบ่นเขา ค่ำคืนนี้คงเป็นคืนที่พิเศษมากจริง ๆ แม้เขาจะไม่เจอไออุ่นที่ตามหา แต่เด็กตรงหน้าคนนี้มีอะไรบางอย่างที่มาช่วยเติมเต็มหัวใจที่แห้งแล้งของเขาให้ชุ่มฉ่ำอีกครั้ง

“ไม่รู้ว่าเราไปเจออะไรมา แต่ขอให้คืนนี้ฝันดีนะ” รัตติกาลจุมพิตอบอุ่นลงบนหน้าผากเด็กขี้แย เขามองคนตัวเล็กยามหลับใหล ริมฝีปากสวยได้รูป ทั้งนุ่มละมุนจนอยากจะสัมผัสอีกสักครั้ง ไทม์สะบัดหัวแรง ๆ รีบเดินไปปิดไฟแล้วกลับห้องพักของตัวเอง ก่อนที่จะเผลอปล่อยใจไปมากกว่านี้...

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ