[สายชล]
‘บรรยากาศในช่วงฤดูร้อนท้องฟ้าโปร่งที่พอมีเมฆขาวเหมือนปุยนุ่นทำให้รู้สึกโล่งสบาย หรืออาจเป็นเพราะคนตัวเล็กกลับมายังอ้อมกอดของผมแล้ว หัวใจของผมที่เสมือนมีเมฆครึ้มฟ้าครึ้มฝนดำทะมึนเกาะกุมหัวใจ จู่ ๆ ก็สดใสราวกับท้องฟ้าในฤดูร้อน รอยยิ้มใสซื่อ พวงแก้มนวลเนียน ดวงตาคู่นี้ที่ชวนให้น่าหลงใหล ทำเอาผมอยากหยุดเวลาให้เหลือเพียงแค่เราสองคน ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกผูกพันความห่วงหาและความปรารถนาอันเหลือล้นขนาดนี้มันก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เป็นความรู้สึกที่ผมเฝ้าตามหาและรอคอยมาชั่วชีวิต’ รัตติกาลเอ่ยในห้วงความคิด
“เจ้าชายมารอนานแล้วหรือยังครับ” เด็กผู้ชายตัวเล็กตะโกนเรียก
“มาได้สักพักแล้วครับ ว่าแต่แมวดื้อถืออะไรมาเยอะแยะ” เด็กหนุ่มยิ้มด้วยสายตาอบอุ่นเมื่อมองไปยังเด็กน้อยตัวเล็ก ใบหน้าเมื่อต้องแสงแดดทำให้พวงแก้มแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศ สายลมที่พัดแรงยามคลื่นกระทบฝั่งทำให้ผมของเด็กน้อยทั้งสองคนดูยุ่งไม่เป็นทรง
“ขนมครับ ขนมลูกชุบ ผมกับพี่ช่วยกันปั้นกับคุณยาย” เด็กน้อยพูดพร้อมชูถุงขนม
ลูกชุบสีสดใสเคลือบวุ้นเงาวับสะท้อนแสงแดด เด็กน้อยยกมุมปากยิ้มด้วยใบหน้าภูมิใจ ต่างจากฝาแฝดคนพี่ แม้ว่าหน้าจะเหมือนกันราวกับรูปปั้น ทว่ากลับต่างกันเพียงแค่แฝดคนพี่มักจะมีสายตาดุ พูดจาแข็งกร้าว และนิ่งกว่ามาก
“จะให้ก็รีบให้ แล้วกลับบ้านกันเถอะ” พี่ชายหน้าดุของเด็กน้อยพูดเสียงนิ่ง มุ้ยหน้าปรายตามาทางเด็กน้อย
“คุยกันแล้วนี่ น้องขอเวลาก่อน” แฝดคนน้องหันไปทำเสียงแข็งใส่พี่ชาย แล้วเปลี่ยนมากอดแขน เอาหัวเล็ก ๆ ถูไถพลางช้อนตาออดอ้อน จนคนมองอย่างผมเห็นแล้วอดเอ็นดูความขี้อ้อนของคนน้องไม่ได้
“ไหนอร่อยไหม พี่ชิมได้ไหม”
“ได้สิครับ ของเจ้าชายทั้งหมดเลยนะ” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางเปิดกล่องขนมลูกชุบสีสดใสให้เด็กหนุ่มชื่นชม
“พี่ก็มีของให้แมวดื้อเหมือนกันครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางหยิบแหวนวงเล็ก ๆ ออกมาด้วยท่าทีขวยเขิน เด็กน้อยมองด้วยความประหลาดใจ
“วงนี้อาจจะใหญ่มากไปหน่อยสำหรับหนู แต่เป็นแหวนวงแรกที่พี่ซื้อเองเลยนะ” เด็กหนุ่มเอาแหวนมาร้อยเข้ากับสร้อยสีเงินแวววับพร้อมกับสวมไปที่คอคนตัวเล็ก
“พอถึงวันนึงที่แมวดื้อโตแล้ว พี่จะมาขอ” เด็กหนุ่มฉวยจังหวะที่พี่ชายคนตัวเล็กเผลอ จุมพิตเข้าที่กลางกระหม่อมพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างชื่นใจ
“เฮ้ย พี่ทำอะไรอะ” พี่ชายของแมวดื้อผลักผมอย่างแรง ด้วยกำลังของเด็กประถม
“พี่ฟ้า ทำไมผลักเจ้าชายแรงขนาดนั้น” เด็กน้อยหน้านิ่ว ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ก็มัน…” พี่ชายชะงักเมื่อเห็นน้องจ้องตาเขม็ง
“ก็เจ้าชายของน้อง มันหอมหัวน้องนี่” เด็กชายหน้านิ่งโวยวายใส่น้องตามประสาคนหวงน้อง
“ยังไงน้องก็รักพี่ที่สุดอยู่แล้วนะ…” แมวดื้อโผกอดแขนพี่ชาย แล้วกะพริบตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อนพร้อมกับยู่จมูก
“เออก็ได้ พี่อะอย่าให้มันมากเกิน ยังไงผมก็ไม่ยอมหรอกนะ ให้น้องผมรอมาหลายปีแล้ว เห็นแล้วน่าหงุดหงิดชะมัดเลย” พี่ชายเด็กน้อยกอดอกทำสีหน้าไม่พอใจ เผลอบ่นยาวด้วยท่าทีหัวเสีย
“ก็พี่จะได้มาหัวหินแค่ช่วงปิดเทอมกับวันหยุดช่วงเทศกาลเท่านั้น จริง ๆ อยากมาบ่อย ๆ อยากมาเจอแมวดื้อทุกวันเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยถ้อยคำหวานหู ปรายตาไปทางคนเด็กกว่าเหมือนมีแสงออร่าวิบวับ พร้อมกับรังสีออร่าจากทุ่งดอกไม้ออกมาจากทั้งสองคน
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อไก่ย่างก่อนนะ นั่งเล่นกันหน้ารีสอร์ต อย่าไปไหน เดี๋ยวพี่รีบมา…” พี่ชายแมวดื้อหันไปกำชับกับคนน้อง แล้วเดินไปยังริมฟุตพาทซื้อไก่ย่างเจ้าอร่อย
“ที่กรุงเทพฯ เรียนยากไหมครับ”
“เรียนไม่ยากนะครับ แต่มีเรียนพิเศษเยอะมากกว่า”
“น้องก็อยากไปเรียนที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน เผื่อจะได้เจอเจ้าชายบ่อย ๆ” เด็กน้อยพูดพลางทำหน้าหงอย
“แมวดื้อครับ”
“ครับ เจ้าชาย” เด็กน้อยมองเจ้าชายของเขาตาแป๋ว สบตาแล้วยิ้มหวาน
“พี่กำลังขอแม่มาเรียนที่หัวหินตอนเข้าม.ปลายนะ” เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าลังเล
“จริง ๆ นะครับเจ้าชาย น้องดีใจมาก ๆ เลย” เด็กน้อยเผลอเขย่ามือเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าดีใจ ยิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิ
“แต่พี่ก็ไม่แน่ใจว่าที่บ้านจะยอมหรือเปล่านะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลยครับ แค่นี้น้องก็ดีใจแล้ว”
ไทม์สบตาสายชลแล้ว จู่ ๆ ก็เผลอคิดถึงแมวอ้วนเด็กน้อยที่เป็นรักแรกในวัยเด็กของเขา เขาเจอเด็กน้อยฝาแฝดทุกครั้งที่มาบ้านของอาที่หัวหิน เหมือนแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทั้งเขาและเด็กน้อยชอบคุยและเล่นด้วยกันตั้งแต่แมวน้อยอยู่อนุบาล เขาเฝ้ารอคอยทุกวันหยุดเพื่อที่จะได้กลับไปหาเด็กน้อย แต่แผนที่จะมาเรียนที่ต่างจังหวัดก็ต้องพับเก็บไป เมื่อทางบ้านให้เขาไปเรียน ม.2 ต่อที่อินเดีย ต่อม.ปลายที่สิงคโปร์ นาน ๆ ทีเขาจะได้เขียนจดหมายกลับมา แต่ทว่าเขากลับเรียนหนักมากขึ้น เพราะต้องเรียนรู้งานกับคุณพ่อด้วย พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องมาเรียนบริหารที่สหรัฐอเมริกา
เนื่องด้วยบริษัทโลจิสติกของพ่อเปิดการลงทุนร่วมที่นี่ ครอบครัวของเขาจึงอยู่ที่อเมริกาเป็นหลัก ช่วงหลังมีจดหมายตอบกลับมาว่าแมวน้อยของเขาย้ายบ้านไปแล้ว เขาจึงหมดสิ้นหนทางที่จะติดต่อแมวน้อยได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาพลาดมากเพราะหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยขอชื่อนามสกุลจริงของอีกฝ่ายเลย
“เอ่อ พี่ไทม์ครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” สายชลมองไทม์ด้วยแววตาขัดเขิน
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ พี่เหนื่อยงานนิดหน่อย”
“ผมเห็นพี่ดูเหม่อ ๆ”
“เออ วันนี้ไปตี้บาร์บีคิวบ้านกูไหม” ราเชนทร์พูดแทรกขึ้นมาในจังหวะที่ดูน่าอึดอัด พร้อมกับส่งสัญญาณทางสายตาไปยังเพื่อนสนิท
“อื้ม…” ไทม์พยักหน้ารับ แล้วหันมามองคนตัวเล็ก
“วันนี้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะสายชล” รัตติกาลชวนคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายชลหันไปมองหน้าพี่ดรีมเป็นเชิงขอคำตอบ
ขณะเดียวกันดรีมเดินมาดึงมือสายชลให้ออกห่างจากชายร่างสูงทั้งสองคน ก่อนจะส่งสายตาไม่ไว้วางใจไปยังราเชนทร์
“ยังไงคุณก็ไปกับผมอยู่แล้วจริงไหม” เชนมองดรีมด้วยสายตามีเลศนัย
“อะไรกัน เจ้าบ้านเขายังไม่ชวนจะไปได้ยังไง” ดรีมพูดทีเล่นทีจริง
“โอเค ๆ ไปกันทั้งหมดนี่แหละ” ดรีมพูดแล้วพลางเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดลิ้นชักหยิบกุญแจรถญี่ปุ่นขึ้นมาควง
“เอ้าไปกันยัง…” ดรีมพูดด้วยเสียงสดใส
“ชลไปรถพี่นะ…” ไทม์หันไปหาสายชลทำสายตาอ่อนโยน จนทำให้คนตัวเล็กหน้าร้อนเสียอาการก่อนที่จะหลุดขำเมื่อเชนทักท้วงขึ้นมา
“รถพี่ไทม์นี่อยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอครับ นี่มันรถกูครับเพื่อน” เชนพูดขัดบรรยากาศหวาน
โป๊ก !!! “โอ๊ย” เชนร้องลั่น
ดรีมพูดพลางเขกกะโหลกคนตัวสูง “มึงอะ... ไปกับกู”
“ดะ เดี๋ยวพี่ดรีมกับคุณเชนไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” สายชลมองด้วยสีหน้างุนงง
“ไอ้ไทม์ เอานี่กุญแจรถ” เชนโยนกุญแจให้เพื่อนรักพร้อมกับยกแขนหนาโอบรอบคอดรีม แล้วลากนำออกไปนอกห้อง
“เดี๋ยวเราสองคนไปซื้อของที่ท็อปก่อนนะ เย็น ๆ ตามไปที่บ้านกูเลยนะ” สิ้นเสียงเชนประตูห้องทำงานของดรีมก็ปิดลง
ภายในห้องทำงานที่เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ทำให้สายชลทำตัวไม่ถูก ทั้งที่ไทม์คิดถึงคนตัวเล็กสุดหัวใจ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรจนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนจะต่อกันไม่ติด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีแท้ ๆ
“พี่ไทม์ดูผอมลงหรือเปล่าครับ”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“…”
ความเงียบงันเข้ามาเยือนทั้งสองคนอีกครั้ง จนไทม์เริ่มรู้สึกว่าถ้าไม่บอกน้องไปว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน คงต้องอกแตกตายแน่ ๆ
“พี่คิดถึงชลนะ”
“ชลคิดถึงพี่นะ”
ทั้งสองสบตากันด้วยท่าทีเขินอาย ไทม์คว้าจับข้อมือของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“ไปร้านขนมกัน พี่เจอร้านนึง พี่ว่าชลต้องชอบแน่ ๆ”
ชลยิ้มตาหยี พยักหน้าแทนคำตอบพลางรวบของลงกระเป๋าเป้ที่ดรีมเอาของใส่ไว้ให้ ไทม์ช่วยคนน้องเก็บของจนชิ้นสุดท้ายทำให้มือชนกัน ทั้งสองต่างขัดเขินต่อกันอีกครั้งจนเหมือนมีออร่าแห่งความเขินพวยพุ่งออกมาจากคนทั้งสอง
รัตติกาลพาคนตัวเล็กมายัง Co-Working space แถวสามย่าน แบบที่วัยรุ่นชอบมานั่งกินขนมอ่านหนังสือ ดูเน็ตฟลิกซ์กัน คนตัวเล็กดูท่าทางตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
“ไหนว่าจะพามากินขนมไงฮะ”
“ก็ที่นี่ เขาว่ากันว่าขนมอร่อยนะ และบรรยากาศก็ดีด้วย”
“สาวไหนแนะนำพี่เหรอฮะ” สายชลทำสายตาอ้อนก่อนจะลงไปนั่งในที่ที่เหมือนแคปซูลนั่งได้ 2 คน มีหมอนพร้อมกับปลั๊กไฟสำหรับนั่งนอนได้ยาว ๆ
“เอ่อ...” เขาทำหน้าเลิ่กลั่กพลางวางเค้กกับนมปั่นไว้บนโต๊ะแล้วนั่งข้าง ๆ สายชล
“ผมก็แค่แซวเฉย ๆ เองไม่เห็นต้องทำหน้าเหงื่อตกเลยนี่ครับ”
“อันที่จริง…” ไทม์พูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงไม่มั่นใจ
“พี่เซิร์ชกูเกิล ที่ที่วัยรุ่นชอบไป”
“ฮ่า…” สายชลหลุดขำออกมา จนทำให้ไทม์รู้สึกประหม่า
สายชลกลั้นขำและเขยิบเข้าใกล้แล้วเริ่มอ้อน “ผมแค่แปลกใจเฉย ๆ ที่พี่มีมุมอะไรแบบนี้ด้วยปกติเห็นพี่ทำแต่งาน”
“จริง ๆ ช่วงที่ชลหายไป… พี่อยากพาชลไปหลายที่เลยนะ อยากพูด อยากคุย อยากดูแล” ไทม์ทำสายตาเศร้า
“ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ” สายชลวางช้อนตักขนม มือบางกอบกุมนิ้วก้อยใหญ่ของไทม์เบา ๆ
“อ้อนพี่เหรอ”
“แล้วอ้อนได้ไหมครับ”
“…” ไทม์เก๊กหน้านิ่งจนคนตัวเล็กทำตัวไม่ถูกงัดไม้ตายแบบที่ผู้ชายแข็งแกร่งเป็นเหล็กกล้าต้องละลายเพราะสายตาและท่าทางออดอ้อนแบบนี้
“พี่เป็นอะไรไปอีกอะ เค้าว่ากันว่าคนแก่แล้วขี้น้อยใจสงสัยท่าจะจริง” สายชลเอาหน้าถูแขนหนา ๆ ของไทม์แล้วมองตาปริบ ๆ พร้อมกับเม้มปากคว่ำ
“ยอมแล้วคร้าบบบ” ไทม์พูดด้วยท่าทางเสียอาการ นั่งมองคนตัวเล็กกินขนมอย่างเพลิดเพลิน
“ชล… พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงลังเล คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมแล้วเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง
“วันนั้นที่หัวหิน ชลหาย…”
แล้วสายชลก็พุ่งหน้าเข้ามาจูบคนตัวโตกว่า ทำเอาไทม์ตั้งตัวไม่ทัน กลีบปากนุ่มฟูที่รัตติกาลโหยหา ลมหายใจอบอุ่นที่แผ่วเบาของคนตัวเล็กหลอมจนเขาละลายอีกครั้งแล้ว หัวสมองของเขาขาวโพลน ที่น้องหายไปวันนั้นอาจจะมีเหตุผลอะไรก็เป็นได้ เมื่อคนตัวเล็กไม่อยากพูดเขาก็จะรอจนกว่าคนตัวเล็กจะเชื่อใจเขากว่านี้
วินาทีที่ประตูห้องทำงานของดรีมเปิดออก สายชลตกใจจนเหมือนหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม คนร่างสูงราว 185 เซนติเมตร เดินตรงเข้ามาตรงหน้าเขา ช็อกโกแลตปั่นในมือของเขาแทบจะหลุดมือ เมื่อเผลอคิดถึงความอ่อนโยนในวันก่อนที่ไทม์มอบให้ วันนั้นไทม์มองเขาด้วยสายตาอบอุ่นมาก
‘เอ๊ะ สายตาของพี่ไทม์วันนี้ทำไมดูแปลกไปหรือเปล่านะ’ สายชลได้แต่คิดในใจจนไทม์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม
“สบายดีไหม พี่เป็นห่วงชลมากเลย” ไทม์เอ่ยด้วยใบหน้าเฉยชา
คนตัวเล็กไม่เข้าใจท่าทีของไทม์เลยแม้แต่น้อย ไหนพี่ดรีมบอกว่าเขาคิดถึงเรามากยังไงล่ะ !? แต่ทำไมไม่ทันไรกลับกลายเป็นคนนิ่งที่ดูห่างเหินกันไปได้ ถึงคนทางนี้จะบอกว่าเขาหายไปครึ่งปีกว่าแล้ว แต่สำหรับเขา… มันก็แค่วันสองวันเองนะ ไม่จริงใช่ไหม หัวใจดวงน้อย ๆ ของสายชลสั่นระรั่ว ผมทำตัวไม่ถูกแต่รู้สึกเพียงว่าคิดถึง… คิดถึงร่างสูงตรงหน้านี้เหลือเกิน
รัตติกาลเดินเข้ามาตรงหน้าเขายังไม่ทันจะนั่ง สายชลที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็เหยียดแขนบาง ๆ ทั้งสองข้าง กอดรั้งเอวหนาดึงเข้ามาราวกับคิดถึงไออุ่นจากคนคนนี้
‘คิดถึงจัง นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว’ ความคิดของสายชลตีกันสับสนยุ่งเหยิงอยู่ในหัว มันจุกอยู่ข้างในเกินกว่าจะกล่าวคำอะไรออกไป ทั้งสองจึงเงียบกันสักพักใหญ่ เขาก็ลูบหัวของคนตัวเล็กอยู่เนิ่นนาน ห้องที่มีแต่ความเงียบงันนอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศ ก็มีเสียงพี่ดรีมกับคุณเชนที่คุยกันแต่ออกจะเป็นเชิงทะเลาะกันมากกว่า สายชลผละออกจากไทม์ออกแล้วสบนัยน์ตาสีเทาอมน้ำเงินเข้มคู่นั้น
“เอ่อ พี่ไทม์ครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมทักพี่ไทม์ด้วยความเก้อเขิน
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับพี่เหนื่อยงานนิดหน่อย” ไทม์ลูบท้ายทอยแก้เก้อ พร้อมลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ สายชล
“ผมเห็นพี่ดูเหม่อ ๆ” คนตัวเล็กพูดพลางมองหน้าไทม์ สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหมือนว่าไทม์จะผอมลงไปหน่อยหรือเปล่านะ เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ
พี่ดรีมกับคุณเชนคุยกันเรื่องจะไปปาร์ตี้บาบิคิวที่บ้านของคุณเชน เห็นพี่ดรีมเล่าให้ฟังว่ามีสไลด์เดอร์และสระน้ำยาวมาก ยังมีลำโพงกับไมค์ให้ร้องคาราโอเกะได้ด้วย น่าสนุกจริง ๆ ว่าแต่ไม่รู้ว่าสองคนนี้เขาไปสนิทกันแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าพี่ดรีมไปเขาก็ไม่มีปัญหา ไม่ใช่เป็นเด็กติดผู้ปกครองหรอกนะ แต่ถ้าพี่ดรีมไปด้วยน่าอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ เมื่อพี่ดรีมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าไป เขาก็ไม่มีปัญหา
ทั้งพี่ดรีมและคุณราเชนทร์ออกไปซื้อของทำอาหารเย็นนี้ เหลือแค่เขากับพี่ไทม์ที่นั่งจ้องหน้ากันทำตัวไม่ถูก
“พี่ไทม์ดูผอมลงหรือเปล่าครับ” เป็นสายชลเอ่ยถามออกไปเพราะทนบรรยากาศเงียบแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
“ก็นิดหน่อยครับ” พี่ไทม์พูดสั้นห้วน ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่
แล้วความเงียบงันเข้ามาเยือนอีกครั้งจนเขาอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว คิดถึงพี่ไทม์คนเดิมจังเลย กว่าจะมาถึงช่วงเวลานี้ได้ใช้แต้มบุญทั้งหมดที่มีแล้วมั้งเนี่ย คนอย่างสายชลจะนกอีกจริง ๆ เหรอ ไม่นะ
“พี่คิดถึงชลนะ”
“ชลคิดถึงพี่นะ”
เมื่อทั้งสองคนต่างหัวใจตรงกัน เสียงที่เอ่ยออกมาประสานกัน ส่งให้ความร้อนผ่าวลามไล้ขึ้นพวงแก้ม พร้อมกับเสียงใจที่เต้นดังโครมคราม
“ไปร้านขนมกันพี่เจอร้านนึง พี่ว่าชลต้องชอบแน่ ๆ” ไทม์พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหยิบกุญแจรถของคุณเชนแกว่งไปมาด้วยท่าทีกวน ๆ
สายชลพยักหน้าแทนคำตอบพลางเก็บข้าวของบนโต๊ะรวบใส่กระเป๋าลวก ๆ จนชิ้นสุดท้ายคว้าหมับเข้ากับมือของพี่ไทม์ เราทั้งสองสบตากันเนิ่นนานความเขินแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนขึ้นมาที่พวงแก้มนิ่ม ๆ ลามไปยันใบหู ‘รถดับเพลิงช่วยด้วย ตอนนี้ผมจะไหม้แล้ว ไฟรักในใจผมมันระอุมาก ใครไหวไปก่อนเลย ผมไม่ไหว’
สายชลไม่แน่ใจว่าการที่เขาทำหน้านิ่ง ๆ แบบนี้จะพอเก็บอาการมิดหรือเปล่านะ แต่ก็นะ ‘แต่ผมก็คือผม ถึงภายนอกจะดูเรียบร้อยไปบ้าง แต่ในใจก็แซ่บซู่ซ่านะ พอผมเผลอคิดแล้วก็อดเขินไม่ได้ ผมนี่มันเพ้อเจ้อจริง ๆ เลย’ ยิ่งสายชลคิดพวงแก้มใสของเขาก็ยิ่งแดงระเรื่อ
พี่ไทม์พาผมมาที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ ย่านมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ผมตื่นเต้นกับบรรยากาศมาก นักศึกษาหอบหิ้วหนังสือมาติวกันหลายโต๊ะ แวบนึงผมก็เผลอคิดว่าผมจะเป็นเด็กปี 1 แบบไหน เพื่อนจะเป็นยังไง เรียนหนักไหม ระหว่างมองโต๊ะโน้นโต๊ะนี้เพลิน ๆ ผมก็เลือกนั่งในที่กล่องที่มีรูปร่างเหมือนแคปซูลปีนขึ้นไปชั้นบนเลย วิวดีชะมัด
“ไหนว่าจะพามากินขนมไงฮะ” ผมพูดพลางหยิบโทรศัพท์เลื่อนเลือกเพลงที่ชอบ
“ก็ที่นี่ เขาว่ากันว่าขนมอร่อยนะ และบรรยากาศก็ดีด้วย” พี่ไทม์พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม ขัดกับบรรยากาศน่ารักของร้าน
“สาวไหนแนะนำพี่เหรอฮะ” ผมแกล้งพูดหยอกเย้าคนโตกว่า ด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“เอ่อ...” ไทม์ทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วถือเค้กกับนมปั่นวางบนโต๊ะ
“ผมก็แค่แซวเฉย ๆ เอง ไม่เห็นต้องทำหน้าเหงื่อตกเลยนี่ครับ” สายชลเฉลยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น พร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ไปหนึ่งที เค้กกับนมปั่นมาแล้ว เขาไม่ได้เห็นแก่กินเลยนะ เอ๊ะ ยอมรับก็ได้ก็แค่ชอบกิน คิดแล้วก็ยิ้มตาหยีให้กับบลูเบอร์รี่ชีสเค้กตรงหน้า
“อันที่จริง…” ไทม์พูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงไม่มั่นใจ
“พี่เซิร์ชกูเกิล ที่ที่วัยรุ่นชอบไป” ไทม์พูดอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า…” สายชลหลุดขำออกมา จนทำให้ไทม์รู้สึกประหม่า
“ผมแค่แปลกใจเฉย ๆ ที่พี่มีมุมอะไรแบบนี้ด้วย ปกติเห็นพี่ทำแต่งาน”
ผมกลัวว่าคนขรึมจะอึดอัดใจไปมากกว่านี้ อุตส่าห์เอาใจพามาเปิดหูเปิดตาพากินขนมอร่อย ๆ ผมจึงกระเถิบเข้าไปใกล้ ๆ เรียกว่ากระแซะก็ได้ ก็คนมันเหงาอยากได้ความอบอุ่น แขนพี่ไทม์หนาจากกล้ามเนื้อที่บ่งบอกว่าต้องดูแลตัวเองอย่างดีถึงได้แน่นเช่นนี้ ผมเอาแก้มถูไถแขนล่ำเบา ๆ ราวกับเจ้าจีโน่ที่ชอบมาอ้อนผมเวลาหนีความผิด อ้อ จีโน่เป็นแมวขี้เกียจของผมเองนะครับ
จู่ ๆ พี่ไทม์พูดด้วยเสียงออกจะดราม่า “จริง ๆ ช่วงที่ชลหายไป… พี่อยากพาชลไปหลายที่เลยนะ อยากพูด อยากคุย อยากดูแล”
“ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ” สายชลวางช้อนตักขนม มือบางกอบกุมนิ้วก้อยใหญ่ของไทม์เบา ๆ
“อ้อนพี่เหรอ” ไทม์ก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่ทำตัวเหมือนแมวอ้วนไม่มีผิด
“แล้วอ้อนได้ไหมครับ” ผมทำเสียงอ้อน ทำจมูกยู่เหมือนจีโน่เวลาอ้อนผม หรือผมจะอยู่กับแมวมากจนเกินไป
รัตติกาลเก๊กหน้านิ่งจนคนตัวเล็กทำตัวไม่ถูก สุดท้ายจึงงัดไม้ตายแบบที่ผู้ชายแข็งแกร่งเป็นเหล็กกล้ายังต้องละลายด้วยสายตา และท่าทางออดอ้อนแบบนี้
“พี่เป็นอะไรไปอีกอะ เค้าว่ากันว่าคนแก่แล้วขี้น้อยใจสงสัยท่าจะจริง” สายชลเอาหน้าถูแขนหนา ๆ ของไทม์ แล้วมองด้วยตาปริบ ๆ พร้อมกับเม้มปากคว่ำอย่างเอาแต่ใจ แต่กลายเป็นน่าเอ็นดูในสายตาคนตัวโต
“ยอมแล้วคร้าบบบ” ไทม์พูดด้วยท่าทางเสียอาการ นั่งมองคนตัวเล็กกินขนมอย่างเพลิดเพลิน
“ชล… พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่ทว่าเขารู้สึกถึงไอกดดันที่แผ่ซ่านออกมา ผมเผลอเม้มปากเป็นเส้นตรง เหงื่อผุดบาง ๆ ที่ไรผม กลัวเหลือเกินว่าพี่ไทม์จะถามว่าผมหายไปไหน โอ๊ยตอบไม่ได้โว้ย ตัวผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจเลย หายไปไม่ถึง 3 วัน ไหงมาบอกว่าครึ่งปี
“วันนั้นที่หัวหิน ชลหาย…”
‘โอ๊ยไม่เอาสิ ทำไงดี’ ร่างกายไวกว่าความคิด มือบางยืนไปจับแก้มคนตรงหน้าแล้วดึงเข้ามาประกบปากรุกจูบอย่างจู่โจม เอาวะ ไหน ๆ ก็เคยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แค่จูบเอง ดีกว่าต้องมาตอบอะไรมากมาย ความตื่นเต้นทำให้ผมหายใจไม่เป็นจังหวะ พี่ไทม์โอบเอวบางของผมพร้อมกับจูบตอบ ลมหายใจอุ่นร้อนทำให้ผมหัวใจเต้นระรัววูบวาบ เหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ที่ท้องน้อย สมองขาวโพลน คิดถึงสัมผัสอบอุ่นที่เติมเต็มหัวใจเหมือนรอคอยมาเนิ่นนาน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?