ตอนที่ 28 ผ้าปักและถุงหอม

จางอี้เทาจูงมือบุตรชายเดินลัดเลาะไปตามถนนหลัก พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังร้านขายผ้าร้านเดิมซึ่งเคยแวะมาซื้อผ้าต่าง ๆ เมื่อครั้งก่อน โชคดีที่ระยะทางจากเหลาอาหารซิ่งฝูถึงร้านขายผ้าไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงครู่ สองพ่อลูกก็พบกับคนงานขายผ้าแสนคุ้นเคย

“สวัสดีพี่ชาย วันนี้อยากได้ผ้าอีกเช่นนั้นหรือขอรับ” คนงานขายผ้าทักทายและเอ่ยถามต่อ

“น้องชาย วันนี้ข้ากับบุตรชายมิได้มาซื้อผ้า แต่ข้ามีสินค้ามาเสนอขายให้กับเถ้าแก่ ข้าจึงอยากจะขอพบเถ้าแก่ของน้องชายจะได้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยตอบอย่างมีอัธยาศัย ทำให้คนขายผ้ารู้สึกดีด้วยไม่น้อย เขายกยิ้มและตอบว่า

“พวกท่านรอสักครู่ ข้าขอไปถามเถ้าแก่เนี้ยก่อน”

คนขายผ้าหายไปไม่ถึงห้าลมหายใจก็เดินออกมาบอกให้สองพ่อลูกบ้านจางเข้าไปพบกับเถ้าแก่เนี้ยซึ่งนั่งทำงานอยู่ในห้องบัญชีหลังร้าน จางอี้เทาจึงรีบจูงมือจางอี้หมิงเดินเข้าไปในร้านทันที

“พวกเจ้ามีสินค้ามาขายเช่นนั้นหรือ” เถ้าแก่เนี้ยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำบัญชีพูดขึ้น มองผ่าน ๆ คาดการณ์ได้ว่าอายุประมาณ สี่สิบปี ใบหน้าสวยงามตามอายุและยิ้มแย้มเสมอคล้ายคนมีอัธยาศัยดีสมกับเป็นคนค้าขาย นางเงยหน้าขึ้นถามสองพ่อลูกบ้านจาง

“ใช่แล้วเถ้าแก่เนี้ย นี่คือถุงหอมและผ้าปักที่ภรรยาของข้าปักขึ้นมาเอง ผ้าที่นำมาปักเป็นผ้าไหมมีราคาสูง ลวดลายบนผ้าปักล้วนเป็นภรรยาข้าออกแบบเองทั้งหมด ไม่ทราบว่าสินค้าพวกนี้พอจะขายได้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยตอบหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ก่อนจะล้วงเอาผ้าปักและถุงหอมออกมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเถ้าแก่เนี้ย

“ขอข้าดูสินค้าก่อนถึงจะตอบได้” เถ้าแก่เนี้ยแกะห่อผ้าออก พร้อมกับหยิบผ้าปักและถุงหอมมาพิจารณาทีละชิ้น

“ช่างงามยิ่งนัก” เถ้าแก่เนี้ยเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาไหวระริกราวกับเจอของที่ถูกใจ “เจ้าว่าภรรยาของเจ้าปัก และออกแบบลวดลายเองทั้งหมดเช่นนั้นหรือ”

“เป็นเช่นนั้นขอรับ” จางอี้เทาตอบ

“เจ้าต้องการขายทั้งหมดเลยหรือไม่”

“ขอรับ”

“เช่นนั้น เจ้าต้องการขายเท่าไร” 

“ข้าไม่แน่ใจในราคาที่จะขาย ขอเถ้าแก่เนี้ยโปรดเสนอราคามาให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ”

จางอี้เทาพอมีราคาในใจแล้ว เพียงแต่เขาอยากรู้ว่าหญิงวัยกลางคนตรงหน้าเหมาะแก่การทำการค้าด้วยหรือไม่

“ผ้าปักเจ้ามีสี่ผืนใหญ่ สามารถนำไปตัดชุดได้ผืนละหนึ่ง ชุด ส่วนถุงหอมมีจำนวนเก้าชิ้น ข้าสามารถให้ราคาเจ้าได้มากสุดคือชิ้นละห้าร้อยอีแปะ ส่วนผ้าปักนั้นข้าให้ได้ที่ผืนละสิบตำลึง เจ้าพอใจหรือไม่” 

“เถ้าแก่เนี้ย ข้าพอใจในราคาขอรับ” จางอี้เทาตอบรับเพราะราคาที่ได้ ถือเป็นสองเท่ากับราคาที่ภรรยาของเขาได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว เถ้าแก่เนี้ยร้านนี้เป็นคนซื่อสัตย์ สมควรทำการค้าด้วยได้

“เหตุใดเจ้าไม่ได้ตกใจในราคาผ้าปัก หรือเจ้ารู้อยู่แล้วเหตุผลหนึ่งที่ผ้าปักของเจ้ามีราคาแพงเป็นเพราะว่าลวดลายบนผ้าปักนั้น ผ้าที่นำมาปักเป็นเหตุผลที่สอง และส่วนสุดท้ายที่ทำให้ผ้าปักเหล่านี้มีราคาแพงเพราะไหมที่นำมาปัก ไหมอัคคีคือไหมพิเศษที่มีราคาสูง ผ้าที่ปักด้วยไหมอัคคีสามารถให้ความอบอุ่นแก่ผู้สวมใส่ได้ตามชื่อของไหมนั่นเอง” เถ้าแก่เนี้ยอธิบายแล้วถามย้ำ

“แต่ชาวบ้านธรรมดาเช่นเจ้า เหตุใดถึงมีของมีค่าเช่นนี้ได้กันเล่า” เถ้าแก่เนี้ยถึงกับเพิ่มความเข้มของเสียงที่ถามออกไป หวังเพียงกดดันไม่ให้สองพ่อลูกตรงหน้าโกหก ถ้าหากว่าของพวกนี้คือของโจร ร้านของนางจะมิแย่เอาหรือ

“พื้นเพข้ามาจากเมืองหลวง เพิ่งมาอาศัยอยู่ที่เมืองไห่ถังได้เพียงสองเดือนเท่านั้น ของพวกนี้เป็นสินเดิมของภรรยาข้า นางเป็นบุตรสาวของคหบดีค้าผ้าขอรับ” จางอี้เทาหาได้เกรงกลัวหญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่ เหตุเพราะเขามิได้ทำผิดอันใด 

“เป็นเช่นนี้เอง ฝีมือการปักผ้าของภรรยาเจ้าช่างดีเยี่ยมยิ่งนัก หากเจ้ามีผ้าปักดี ๆ เช่นนี้อีก เอามาขายให้ข้าได้นะ ข้ายินดีรับซื้อทั้งหมด” เถ้าแก่เนี้ยลดเสียงลงจนเป็นการสนทนาตามปกติ

“ข้าจะแจ้งให้ภรรยาทราบ ในเรื่องของการปักผ้า ข้าหาได้มีความรู้ไม่ เช่นนั้นวันหน้าข้าจะพาภรรยามาเลือกซื้อผ้าด้วยตนเองนะขอรับ”

“พวกเจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะไปเอาเงินค่าผ้าปักกับถุงหอมมาให้” หญิงวัยกลางคนบอกเช่นนั้นแล้วจึงเดินหายลับเข้าไปส่วนด้านในร้าน ปล่อยให้สองพ่อลูกบ้านจางยืนรออยู่ตรงโต๊ะทำงาน

“ท่านพ่อ ไม่น่าเชื่อนะขอรับว่าผ้าปักของท่านแม่จะขายได้ราคาดีเช่นนี้” จางอี้หมิงบอกบิดา

“พ่อก็ไม่เชื่อเช่นกัน มารดาเจ้าบอกราคามาเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น ไม่นึกว่าจะได้ราคาถึงสองเท่าจากที่นางบอก ถึงแม้ว่าท่านปู่จะค้าขายผ้า แต่พ่อมัวแต่ร่ำเรียนเป็นบัณฑิต การค้าขายต่าง ๆ จึงรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มารดาของเจ้าช่างเป็นคนดียิ่ง ของมีมูลค่าพวกนี้นางถึงกับยอมให้เอามาขายเพื่อช่วยครอบครัวเรา หมิงเอ๋อร์ต้องรักมารดาให้มาก ๆ รู้หรือไม่” จางอี้เทาถือโอกาสสอนบุตรชายไปในตัว

“ข้าทราบแล้วขอรับ ข้ารักท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่า ทุกคนดีกับข้ามาก ข้าสัญญาว่าจะหาเงินมาเยอะ ๆ วันนี้ท่านแม่ยอมให้ของมีค่าเช่นนี้เพื่อพวกเรา ในอนาคตข้าจะซื้อผ้าสวย ๆ เครื่องประดับแพง ๆ ให้ท่านแม่ ใช่แล้วท่านพ่อ เราซื้อปิ่นให้ท่านแม่กับท่านย่าคนละอันดีหรือไม่ขอรับ เราได้เงินจากการขายผ้าตั้งเยอะ ท่านย่ากับท่านแม่ต้องดีใจมากแน่ ๆ เลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามด้วยเสียงตื่นเต้น

“เป็นความคิดที่ดี เราเพียงแต่ซื้อปิ่นอันใหม่ เอาแบบที่ไม่ต้องราคาแพงมาก อย่างน้อยท่านย่ากับมารดาเจ้าคงมีความสุขขึ้นบ้าง หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างใส่ใจผู้อื่นนัก” 

สองพ่อลูกคุยกันเบา ๆ ระหว่างรอเถ้าแก่เนี้ยนำเงินมาให้ เพียงไม่นาน หญิงวัยกลางคนจึงเดินออกมาแล้วยื่นเงินจำนวนสี่สิบสี่ตำลึงกับห้าร้อยอีแปะให้เขา จางอี้เทารับเงินมาพิจารณา หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงได้เก็บเข้าไปไว้ในอกเสื้อของตนเอง

“จำนวนเงินถูกต้องหรือไม่”

“ถูกต้องขอรับ”

“อย่าลืมนะที่เจ้ารับปากข้าไว้ ว่าถ้ามีสินค้าดี ๆ เช่นนี้จะเอามาขายให้กับร้านข้าอีก”

“ข้าไม่ลืมขอรับ เช่นนั้นพวกข้าสองพ่อลูกขอตัวลาก่อนนะขอรับ” 

“ลาก่อนขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยลาเช่นกัน เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยทำความเคารพ

จางอี้เทาเดินจูงมือบุตรชายออกจากร้านขายผ้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส สองพ่อลูกเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับต่อ อี้เทาได้ปิ่นเงินอันใหม่มาให้นางหูกับหลี่อ้ายคนละหนึ่งชิ้นโดยมีจางอี้หมิงช่วยเลือก หลังจากนั้นพวกเขาจึงไปที่ร้านเถ้าแก่หวัง เพื่อซื้อข้าวสาร แป้ง เครื่องเทศต่าง ๆ ที่ขาดไม่ได้คือเครื่องปรุง

ครั้งนี้อี้หมิงซื้อน้ำตาลไปด้วย  เขายังไม่ลืมว่าที่บึงใกล้ลำธารมีไข่น้ำอยู่ น่าเสียดายที่ยังไม่ได้สอนให้ท่านย่าได้ลองทำเสียที ตอนนี้เครื่องเทศเครื่องปรุงมีครบแล้ว เขาจะได้กินอาหารชนิดใหม่บ้าง กินแต่ผัดผักบุ้งเครื่องเทศทุกวันเขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน

จางอี้เทาขอฝากของต่าง ๆ ที่ซื้อในวันนี้ไว้กับเถ้าแก่หวังและขอให้อาคุนนำไปส่งให้ในอีกสองวันข้างหน้า เพราะอย่างไรรถม้าก็ต้องเข้าไปรับน้ำตาลผักที่สั่งเอาไว้เมื่อวานอยู่ดี

“หมิงหมิงน้อย เจ้าช่างสมกับเป็นพ่อค้าเสียจริง รู้ใช่ไหมว่าเจ้านั้นงกยิ่งนัก เพียงเท่านี้ก็ไม่ยอมจ่ายค่าเกวียนขนของกลับไป” เถ้าแก่หวังเอ่ยบอกเสียงเข้ม แต่ดวงตากับยิ้มอย่างรู้ทันเด็กน้อยตรงหน้า

“โธ่ เถ้าแก่ขอรับ มันคือการพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างคู่ค้าต่างหากเล่า เถ้าแถ่เป็นคนใจดีและมีเมตตาต่อข้ายิ่งนัก ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่านที่สุด เช่นนั้นในวันที่พี่อาคุนไปรับน้ำตาลผักรอบถัดไป ข้าจะเอาสินค้าชนิดใหม่ฝากมากับพี่อาคุนนะขอรับ แต่จะเป็นอันใดนั้น ข้าคงต้องขอให้เถ้าแก่อดใจรอนะขอรับ”

“นอกจากขี้งกแล้วยังเจ้าเล่ห์อีกด้วย อี้เทา เจ้าสอนบุตรชายได้ดีจริง ๆ”

หวังหลีจุนได้แต่แสร้งขบเคี้ยวเขี้ยวฟันให้กับความขี้งกและความเจ้าเล่ห์จากเด็กน้อยตรงหน้า เห็นหน้าซื่อตาใสเช่นนั้นไม่เคยยอมถูกเอาเปรียบเลยแม้แต่น้อย เขาชอบใจยิ่งนัก

หลังจากเสร็จสิ้นการซื้อของที่ร้านเถ้าแก่หวัง สองพ่อลูกจึงเดินต่อไปยังร้านขายเนื้อ อี้หมิงไม่พลาดโอกาสที่จะซื้อเนื้อแดง สามชั้น คนขายเนื้อยังเก็บไส้อ่อนและมันหมูไว้ให้เขาเหมือนเดิม เด็กชายจึงให้บิดาจ่ายเงินเพิ่มไปอีกห้าอีแปะ เมื่อรับเนื้อทั้งหมดที่คนขายเนื้อห่อให้ใส่ลงไปในตะกร้าสานสะพายหลังเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกจึงเดินกลับไปเหลาอาหารซิ่งฝู คาดว่าเมื่อไปถึงเหลาซิ่งฝู พะโล้แห้งหญ้าหวานที่ตุ๋นไว้คงสุกพร้อมชิมพอดี

“วันนี้ข้ามีความสุขที่สุดเลยขอรับท่านพ่อ” จางอี้หมิงเอ่ยปากบอกบิดาด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าครั้งไหน เพราะวันนี้บ้านจางมีรายได้เป็นเงินจากการขายผ้าปักและถุงหอมของท่านแม่ตั้งสี่สิบหกตำลึงกับห้าร้อยอีแปะ ของที่ซื้อทั้งหมดในวันนี้จ่ายไปยังไม่ถึงหนึ่งตำลึงที่ได้รับมาจากท่านย่า มีเพียงปิ่นสองชิ้นที่สองพ่อลูกตั้งใจเลือกซื้อไปฝากให้กับผู้หญิงที่พวกเขารัก เพียงเท่านั้นที่เจียดเงินจากการขายผ้าปักในการซื้อ

“ท่านพ่อ ข้าจะให้ท่านย่าทำไส้อ่อนทอดหมาล่าไปให้บ้านซุนลองชิมด้วยขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ พ่อเห็นด้วย เมื่อมีของดีก็ควรเอาไปฝากบ้านซุน พวกเขาดีกับพวกเรามาก เจ้าว่าไส้อ่อนทอดหมาล่าจะขายที่เหลาอาหารซิ่งฝูได้หรือไม่” จางอี้เทาถามความเห็นบุตรชาย

“ท่านพ่อ ท่านหมายถึงว่า เราจะขายสูตรพะโล้แห้งกับไส้อ่อนทอดหมาล่าให้กับเหลาอาหารซิ่งฝูหรือขอรับ ข้าว่าเราลองเสนอให้ท่านปู่หลินฟังดีหรือไม่ขอรับ แต่คงต้องรอผลตอบรับจากพะโล้ก่อนนะขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ แล้วเจ้าได้คิดราคาค่าสูตรอาหารแล้วหรือไม่ ว่าเจ้าจะขายสูตรละเท่าไร”

“ท่านพ่อเล่าขอรับ ท่านพ่อได้คิดไว้หรือไม่ว่าเราจะขายสูตรอาหารเท่าไร” อี้หมิงถามบิดากลับไป

“พ่อก็ไม่เคยขายสูตรอาหารมาก่อน แต่จากที่ฟังท่านพี่อู๋เจ๋อพูดเกี่ยวกับสูตรอาหาร มันคงต้องแพงมากเป็นแน่ แต่จะแพงเท่าใดนั้นพ่อก็บอกไม่ได้ หมิงเอ๋อร์ว่าสักห้าสิบถึงหนึ่งร้อยตำลึงดีหรือไม่”

“ท่านพ่อเชื่อใจข้าหรือไม่ขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ เหตุใดจึงถามพ่อเช่นนั้น พ่อต้องเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว เพราะหมิงเอ๋อร์ของพ่อเก่งที่สุดเช่นไรเล่า”

“ฮิ ฮิ ขอบคุณท่านพ่อที่เชื่อใจข้า ข้ารู้ตัวขอรับว่าข้าเก่งที่สุด” อี้หมิงหัวเราะคิกคัก ถูกใจที่บิดาเอ่ยชมตนเองเช่นนั้น อี้เทาไม่ได้เอ่ยโต้แย้งอันใด เขาเอื้อมมือไปลูบผมบุตรชายเบา ๆ เพียงเท่านั้น

“ท่านพ่อ รีบเดินเถอะขอรับ ป่านนี้ท่านลุงอู๋กับท่านปู่หลินคงรอชิมพะโล้ไม่ไหวแล้วเป็นแน่ ข้ารับรองว่าการขายสูตรอาหารวันนี้ พวกเราจะต้องไม่ขาดทุนแน่นอนขอรับ ขอท่านพ่อไว้ใจข้าได้เลย”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ