ตอนที่ 36 ปัญหาใหญ่ของบ้านสกุลจาง

“ขอเถ้าแก่หวังโปรดแจ้งแก่ได้เลยขอรับ พวกข้าจะได้รับมือกับสถานการณ์ได้ถูก” เป็นจางอี้เทาที่มีสติดีกว่าใคร เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความสุขุม สมแล้วที่เป็นถึงอาจารย์จากเมืองหลวง

“ใช่ขอรับ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเป็นเหตุอันใดกันแน่” จางอี้หมิงเอ่ยสนับสนุนคำกล่าวของบิดา

“เรื่องมันเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าคงรู้ดีว่าในอาณาจักรบริเวณนี้มีสามแคว้นใหญ่และแคว้นเล็ก ๆ อีกมากมาย ซึ่งประกอบไปด้วยแคว้นฉินของพวกเรา แคว้นจ้าวและแคว้นเหลียง”

“แคว้นจ้าวเป็นพวกป่าเถื่อน บ้านเมืองของพวกเขาอยู่ในเขตร้อน มีพื้นที่โดยส่วนมากเป็นทะเลทรายและทุ่งหญ้า ทำให้แห้งแล้งหนัก  ทว่าพวกเขาก็มีกองกำลังที่แข็งแกร่ง อาจจะเป็นเพราะต้องต่อสู้กับสภาพอากาศและการหาอาหารมาตลอด”

“ในขณะที่แคว้นเหลียงเป็นพวกรักความสงบ บ้านเมืองอยู่ในเขตหนาว มีหิมะและน้ำแข็งค้างเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ทั้งสองแคว้นนี้ขาดแคลนซึ่งอาหารเพราะสภาพอากาศทำให้เพาะปลูกพืชผักไม่ได้”

“และพวกเจ้าก็คงรู้ว่าแคว้นฉินของเรานั้นตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นจ้าวมาตั้งแต่แพ้สงคราม ดังนั้นในทุก ๆ ปี แคว้นฉินจำเป็นต้องส่งอาหารเป็นเครื่องบรรณาการไปให้แคว้นจ้าว แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการหรอก ที่ข้ามาวันนี้เกี่ยวข้องกับแคว้นเหลียงต่างหาก” เถ้าแก่หวังเล่าอย่างละเอียด

เขาก็อายุจนปูนนี้แล้ว พอได้เอ่ยเล่าสิ่งใดไปก็มักจะเท้าความเสียยาวยืด รู้ตัวอีกทีก็หยุดไม่ได้ ยิ่งได้เห็นท่าทางสนอกสนใจจากผู้รับฟัง ชายชรายิ่งร่ายยาวเพิ่มขึ้นอีก

“แคว้นเหลียงถึงแม้จะปลูกพืชผักอันใดไม่ได้แต่เป็นแคว้นที่ร่ำรวยยิ่งนัก เพราะมีสมุนไพรที่ชื่อว่าเหมันต์จันทรา มันเป็นส่วนประกอบหลักของยายื้อชีวิตที่มีแต่เพียงในแคว้นเหลียงเท่านั้น ด้วยสาเหตุนี้แหละที่ทำให้แคว้นเหลียงอยู่รอดจากการรุกรานของแคว้นจ้าว หากแคว้นไหนกล้ารุกรานท้ารบกับแคว้นเหลียง แคว้นเหลียงจะทำลายสมุนไพรทั้งหมดทิ้งและยอมตายไปพร้อมกับเมืองที่ถูกรุกราน”

“ทว่าแคว้นจ้าวเองก็มีสมุนไพรอัคนีผลาญ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของยายื้อชีวิตเช่นกัน ด้วยเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อน ทำให้พวกมันเจริญได้ดีและมีแค่ที่แคว้นจ้าวเท่านั้น ส่งผลให้แคว้นจ้าวยิ่งกว่าเสือติดปีก”

“ยายื้อชีวิตที่พูดมานั้น เรียกกันว่าหนึ่งลมหายใจ มีสมุนไพรหลักคืออัคนีผลาญกับเหมันต์จันทรา ขอเพียงแค่ผู้ป่วยยังมีลมหายใจ เพียงให้กินยานี้ก็สามารถยื้อชีวิตมาจากประตูผีได้ ใคร ๆ ต่างก็อยากมีชีวิตรอดกันทั้งนั้นมิใช่หรือ”

“ข้าเพิ่งรู้ว่ามียาวิเศษเช่นนี้ด้วย สามารถยื้อชีวิตได้ทุกคนและทุกโรคเลยหรือขอรับ” จางอี้หมิงอึ้งกับความวิเศษนี้ 

“หมิงเอ๋อร์ พ่อเดาว่าสมุนไพรอัคนีผลาญกับเหมันต์จันทราเป็นตัวแทนของหยินหยาง เย็นกับร้อน สุริยันกับจันทรา เมื่อได้ทำเป็นยาอาจจะช่วยในเรื่องของการปรับธาตุในร่างกายก็เป็นได้” จางอี้เทาออกความเห็น

“คงเป็นเช่นอาเทาว่า ข้าก็มิใช่หมอจึงตอบไม่ได้ แต่ว่าหนึ่งลมหายใจมีราคาที่สูงมาก และคนทั่วไปหาซื้อได้ที่หอยาอัคนีจันทรา ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ระหว่างชายแดนแคว้นเหลียงกับแคว้นจ้าว ขอเพียงมีเงินซื้อ ใครก็เป็นเจ้าของได้ มันเป็นกิจการของหนิงอ๋อง” เถ้าแก่หวังตอบ

“หนิงอ๋องหรือขอรับ แล้วหนิงอ๋องมีความสำคัญเช่นไรขอรับ” จางอี้หมิงถาม

“เดิมทีแล้วแคว้นจ้าวช่างฉลาดยิ่งนักที่ส่งองค์หญิงผู้เป็นที่รักของฮ่องเต้ไปแต่งงานกับฮ่องเต้แคว้นเหลียงเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และได้ให้กำเนิดทายาทคือองค์ชายเหลียงหนิงหลง ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งอ๋อง ที่ผู้คนมักเรียกว่าหนิงอ๋องกันเป็นส่วนมาก หนิงอ๋องควบคุมกองกำลังเหลียงอัน เป็นกองกำลังทหารออกเดินทางไปทั่วดินแดนเพื่อซื้ออาหารส่งกลับไปยังแคว้นเหลียง”

“หนิงอ๋องได้สร้างหอยาอัคนีจันทราเพื่อจัดทำหนึ่งลมหายใจขึ้นจากสมุนไพรที่สำคัญของทั้งสองแคว้น ดังนั้นแคว้นจ้าวกับแคว้นเหลียงจึงเป็นพันธมิตรกัน รายได้จากหนึ่งลมหายใจจึงนำมาซื้ออาหารส่งกลับไปทั้งสองแคว้น”

“หนิงอ๋องถึงแม้จะเป็นองค์ชายของแคว้นเหลียงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหลานชายของฮ่องเต้แคว้นจ้าวด้วย ยิ่งเป็นหลานที่เกิดจากธิดาคนโปรด หนิงอ๋องจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ไม่มีสงครามระหว่างแคว้น อย่างน้อยก็จนกว่าหนิงอ๋องยังมีชีวิตอยู่”

“เมื่อเช้านี้ข้าได้รับการติดต่อจากคนของกองกำลังเหลียงอันเพื่อขอซื้อน้ำตาลผักเป็นจำนวนมาก ข้าตัดสินใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าบ้านจางของพวกเจ้าจะสามารถผลิตน้ำตาลผักได้มากน้อยเพียงใด นี่จึงเป็นเหตุให้ข้าต้องมาหาเจ้าในวันนี้” เถ้าแก่หวังเมื่อพูดจนจบก็ถึงกับต้องยกชาขึ้นจิบเสียงดังอึก

“เถ้าแก่หมายความว่า กองกำลังเหลียงอันของแคว้น เหลียงต้องการซื้อน้ำตาลผักของบ้านจางจำนวนมาก ข้าขอถามว่ามากแค่ไหนขอรับ” อี้เทาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด

“ครั้งนี้หนึ่งแสนไห กำหนดส่งสินค้าก่อนเข้าฤดูหนาวในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าจึงต้องเร่งมาปรึกษาบ้านจางเช่นไรเล่า” เถ้าแก่หวังตอบด้วยสีหน้าหนักใจ

ในฐานะพ่อค้านั้น แน่นอนว่าเขาอยากทำการค้ากับกองกำลังเหลียงอัน เหตุเพราะทุกคนทั่วหล้าต่างรับรู้ถึงความร่ำรวยของกองกำลังแคว้นเหลียงนี้ ขอแค่มีสินค้าที่หนิงอ๋องพึงพอใจ อนาคตของคนนั้นก็โรยด้วยเงินทองแล้ว

“หนึ่งแสนไห!” สมาชิกบ้านจางอุทานออกมาพร้อมกัน 

 “เหตุใดถึงมากมายเช่นนั้นเล่าขอรับ” เป็นจางอี้เทาที่สติครบถ้วนสุด เอ่ยถามออกไปอย่างสุภาพ

“หนึ่งแสนไหเจ้าว่าจะพอเพียงให้คนแคว้นเหลียงทั้งแคว้นได้ใช้ดื่มกินหรือไม่” เถ้าแก่เหลียงถามกลับ

“ข้าไม่รู้ขอรับ” จางอี้หมิงตอบพร้อมส่ายหน้ารัว ๆ

“แคว้นเหลียงใหญ่กว่าแคว้นฉินของเราเกือบหนึ่งเท่าตัว เพียงแค่หนึ่งแสนไหคาดว่าแม้แต่ในเมืองหลวงของแคว้นเหลียงก็คงยังไม่พอ ใช่หรือไม่ขอรับ” อี้เทาตอบและถามเถ้าแก่หวังไปพร้อมกัน

“ถูกต้องแล้วอาเทา หนึ่งแสนไหสำหรับคนทั้งแคว้น เหลียงคงไม่เพียงพอ ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าฮ่องเต้แคว้นเหลียงกำลังทำการทดสอบองค์ชายต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติจะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท อย่างที่รู้ แคว้นเหลียงรักสงบ ร่ำรวย แต่ขาดแคลนเสบียงอาหารที่จะเลี้ยงคนทั้งแคว้น คุณสมบัติของรัชทายาทที่สำคัญคือต้องสามารถหาอาหารจากแคว้นต่าง ๆ ให้เพียงพอกับคนในแคว้นได้” 

“องค์ชายมีจำนวนกี่พระองค์หรือขอรับ ที่มีสิทธิ์ในการเข้ารับการทดสอบและคัดเลือกจากองค์ฮ่องเต้” จางอี้หมิงเอ่ยถามด้วยความกังวล

ถ้าหากว่าบ้านจางต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงค์ ถึงแม้จะเป็นต่างแคว้นแต่ความเสี่ยงจะมากขึ้น ในนิยายที่เขาเคยอ่านสมัยที่เป็นอานนท์ ทำให้รู้ว่าการเกี่ยวข้องกับราชวงค์มักไม่มีเรื่องดีใด ๆ เลย ตัวเขาในชาตินี้ก็ไม่ได้อยากเกี่ยวข้องกับเชื้อสายมังกรทั้งหลาย ไม่ว่าจะแคว้นไหนก็ตาม 

“ข้าได้ยินมาว่ามีทั้งหมดสามพระองค์ องค์ชายทั้งสามพระองค์ต่างนำกองกำลังออกเดินทางเพื่อติดต่อทำการค้า หาซื้ออาหารเพื่อนำกลับไปที่แคว้นก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงในปีนี้ นี่อีกเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น แคว้นเหลียงอยู่เมืองหนาว เมื่อถึงฤดูหนาวยิ่งลำบากกว่าปกติมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง อาหาร น้ำ หรือเชื้อเพลิง” เถ้าแก่หวังตอบตามที่ตนเองได้ยินข่าวลือมา ในการทำการค้า เครือข่ายข่าวสารของเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน

“เถ้าแก่ขอรับ น้ำตาลผักไม่ใช่อาหารที่กินให้อิ่มท้อง เป็นเครื่องปรุงรสหรือชามากกว่า เหตุใดแคว้นเหลียงถึงต้องการจำนวนมากมายเช่นนั้นขอรับ” จางอี้หมิงถามเสียงใส ตอนนี้เขาทราบแก่ใจดีแล้วว่าครอบครัวตนเองได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกราชวงค์เสียแล้ว

ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องสอบถามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งตามคำโบราณว่าไว้

“น้ำตาลผักเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อาหารแต่เมื่อเป็นสิ่งแปลกใหม่ คาดว่าฮ่องเต้แคว้น เหลียงคงพึงพอใจไม่น้อย ใครบ้างจะไม่ชอบของใหม่ จริงหรือไม่” 

“ก็จริงนะขอรับ” อี้หมิงเห็นด้วย

“หมิงเอ๋อร์ พ่อคิดว่าที่น้ำตาลผักเป็นที่สนใจของหนิงอ๋องเช่นนี้ คาดว่าในฤดูหนาวต้องการความอบอุ่นจากการดื่มชาร้อนๆ และมีรสหวานโดยที่ไม่ต้องเติมน้ำตาลเพิ่มลงไปให้ยุ่งยาก ลดขั้นตอนการชงชา เพียงเติมน้ำร้อนเท่านั้น และยังลดการใช้เชื้อเพลิงอีกด้วย” จางอี้เทาออกความเห็นต่อ

“จริงด้วยขอรับท่านพ่อ น้ำตาลผักทำเป็นชาผักได้ด้วย ข้าลืมคิดไปเลยขอรับ อีกอย่าง น้ำตาลผักให้ความหวานโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงโรคเบาหวานเหมือนน้ำตาลทั่วไป ยามฤดูหนาวมาเยือน หากได้ดื่มชาดี ๆ สักถ้วย คงยิ่งทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ไม่ได้แย่อันใดเลยขอรับ”

จางอี้หมิงถึงกับตบไปบนหน้าผากตนเองที่เพิ่งคิดได้ถึงประโยชน์แฝงของน้ำตาลผัก

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าว่าอันใดนะ” จางอี้เทาขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินบุตรชายเอ่ยก็มีทั้งส่วนที่เขาเข้าใจและไม่เข้าใจในคราวเดียว

“ท่านพ่อ ชาผักทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ดังที่ท่านพ่อว่าขอรับ เพียงแต่ว่าชาผักของเราสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องของโรคภัยต่าง ๆ จากน้ำตาล หากกินเยอะ ๆ อาจมีบ้างที่ทำให้วิงเวียน คลื่นไส้อาเจียนและธาตุไม่สมดุล แต่ว่าพวกเรามิได้ดื่มกันมากมายถึงเพียงนั้น ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันมีผลดีมากกว่าขอรับ”

จางอี้เทารู้สึกว่าหัวของเขามันว่างเปล่ากว่าครั้งไหน เขาฟังบุตรชายไม่รู้ความเลยสักนิด แต่ก็ยิ้มตามน้ำไป

“หมิงหมิงน้อย ได้ฟังเช่นนี้แล้วเจ้ามีความเห็นเช่นไรเล่า” เถ้าแก่หวังเอ่ยถาม นี่คือสิ่งที่เขาต้องการอยากรู้มากที่สุด เขานั่งฟังสองพ่อลูกเจรจากันแล้วก็ได้แต่สับสน

บ้านสกุลจางนี่มีอะไรให้น่าประหลาดใจมากมายนักเชียว

“เถ้าแก่ขอรับ บ้านข้าจะทำการสร้างบ้านในอีกไม่ถึงห้า วันข้างหน้านี้ ระหว่างนี้ พวกข้าคงยุ่งเกี่ยวกับการสร้างบ้านไม่น้อย เมื่อท่านมีใบสั่งซื้อจำนวนมากเช่นนี้ เฉพาะบ้านสกุลจางคงไม่สามารถรับปากได้ว่าจะทำน้ำตาลผักส่งให้ท่านได้ทันเวลา” 

“อืม ข้าเห็นด้วยนะที่พวกเจ้ากำลังจะสร้างบ้านใหม่ หากว่าพวกเจ้าอยากสร้างบ้านก็เพียงจ้างช่างในเมืองก็ไม่มีปัญหาอันใดแล้วมิใช่หรือ หากพวกเจ้ายังไม่มีเงิน ข้าให้พวกเจ้าหยิบยืมจากข้าก่อนได้ เพียงเท่านี้พวกเจ้าก็มิต้องพะวงเรื่องการสร้างบ้านแล้ว”

“สู้เอาเวลาที่จะไปสร้างบ้านนั้นมาทำน้ำตาลผักส่งให้กองกำลังเหลียงอันมิดีกว่าหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากใครได้ทำการค้ากับกองกำลังเหลียงอัน คนนั้นจะร่ำรวยมีเงินมีทองใช้ไปตลอดชาติเลยนะ” 

เถ้าแก่หวังมองไปรอบ ๆ บริเวณบ้านที่เขามองเห็นอยู่ตอนนี้ เขาเห็นสมควรอย่างยิ่งที่สกุลจางจะสร้างบ้านใหม่ ดูจากสภาพนี้แล้ว หากเจอหิมะตกหนัก ๆ คาดว่าบ้านน่าจะพังลงมาเสียก่อน

“คงทำเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ เพราะพวกข้าได้ตกลงกับชาวบ้านไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะขอแลกแรงงานชาวบ้านกับการสอนหนังสือให้บุตรหลานหลังเสร็จสิ้นฤดูหนาว” อี้เทาอธิบายให้เถ้าแก่หวังฟัง

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ท่านพี่ ข้าว่าพวกเราขอเวลาคิดสักหน่อยดีหรือไม่” หลี่อ้ายออกความเห็นหลังจากที่นั่งฟังมานานแล้ว

“พี่เห็นด้วยกับน้องหญิงนะ พวกข้าขอเวลาคิดสักสองสามวันได้หรือไม่ท่านเถ้าแก่หวัง ท่านค่อยมาฟังคำตอบในอีกสองวันข้างหน้าที่มารับน้ำตาลผักรอบล่าสุดนี้ดีหรือไม่ขอรับ” จางอี้เทาเห็นด้วยกับภรรยา เขาหันไปถามความเห็นจากเถ้าแก่หวัง

“เช่นนั้นก็ย่อมได้ มันเป็นเรื่องใหญ่ตามที่ฮูหยินเจ้ากล่าวมานั่นแหละ แล้วหมิงหมิงน้อยเล่า มีความเห็นเช่นไร” เถ้าแก่หวังยอมรับคำขอและหันไปถามเด็กน้อยเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกัน ทว่าชายชรากลับต้องเอ่ยถามอยู่สองสามครั้งเพราะเด็กชายเสมือนตกอยู่ในภวังค์ไปเรียบร้อยแล้ว

“หะ หา เถ้าแก่กล่าวอันใดนะขอรับ ขออภัยข้าคิดอะไรในใจมากไปหน่อยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตะกุกตะกัก เขารีบโค้งศีรษะขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ข้าถามว่าเจ้ามีความเห็นเช่นไร”

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ตามที่ท่านแม่ว่า ข้าเห็นด้วยกับการขอเวลาคิดสักสองวันขอรับ” 

“ข้าจะมาเอาคำตอบอีกสองวันในวันที่มารับน้ำตาลผักก็แล้วกัน เช่นนั้นวันนี้ข้าขอตัวกลับก่อนนะ” เถ้าแก่หวังเอ่ยสรุป เขายิ้มบางแล้วลุกขึ้นเดินออกจากประตูบ้านเพื่อกลับร้านของตนเอง

“ช้าก่อนขอรับเถ้าแก่หวัง” จางอี้หมิงรีบเอ่ย ส่งผลให้ชายชราหยุดชะงัก

“มีอันใดอีกหรือหมิงหมิงน้อย”

“ข้าเคยฝากคำพี่อาคุนไปบอกเถ้าแก่ว่าจะมีสินค้าชนิดใหม่ฝากไปให้เถ้าแก่ได้พิจารณา ไม่ทราบว่าพี่อาคุนได้บอกเถ้าแก่หรือไม่ขอรับ” 

“อ้อ ข้านึกว่าเรื่องอันใด อาคุนได้บอกข้าแล้ว ว่าแต่เจ้ามีสินค้าตัวใหม่มานำเสนอให้ข้าดูเช่นนั้นหรือเด็กน้อย”

เถ้าแก่หวังถึงกับเดินกลับมานั่งลงที่เดิมและยิ้มร่าด้วยความดีใจ หากสินค้ามีความแปลกใหม่และเป็นอาหาร มิเท่ากับเขามาวันนี้ได้รับโชคสองชั้นเช่นนั้นหรือ

“ถูกแล้วขอรับ ท่านย่า ข้าขอเกลือผักหน่อยขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปบอกให้นางหูหยิบเกลือผักมาเป็นตัวอย่างให้เถ้าแก่หวังได้ดู

“โอ้ เจ้าว่าอันใดนะ เกลือผักเช่นนั้นหรือ ก่อนหน้านี้เจ้าก็ทำน้ำตาลผัก รอบนี้เจ้ายังสามารถทำเกลือผักได้อีก บ้านสกุลจางช่างมีความรู้กว้างขวางเสียจริง” เถ้าแก่หวังถึงกับเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงจริงใจในความสามารถของตระกูลจาง สมแล้วที่อาเทาเคยเป็นบัณฑิตและเป็นอาจารย์สอนหนังสือมาก่อน ความรู้คงมีมากกว่าคนทั่วไป

นางหูเมื่อได้ยินหลานชายบอกเช่นนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาเกลือผักที่ตนเองและหลานชายทำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนมายื่นให้จางอี้หมิง

“หมิงเอ๋อร์ เกลือผักที่เจ้าต้องการอยู่นี้แล้ว” 

“ขอบคุณขอรับท่านย่า” จางอี้หมิงยิ้มขอบคุณนางหู แล้วจึงยื่นไหเกลือผักส่งไปให้เถ้าแก่หวังพิจารณาและได้ทดลองชิมสินค้าด้วยตนเอง

เถ้าแก่ยื่นมือออกไปรับไหใบเล็กที่บรรจุเกลือผักไว้ข้างใน ชายชราเปิดฝาไห เทสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาบนฝ่ามือตนเอง เสร็จแล้วจึงใช้มืออีกข้างหยิบขึ้นมาชิม

“อืม มีรสชาติเค็มจริง ๆ ด้วย แต่ว่าไม่เค็มมาก สีสันและลักษณะคล้ายกับสมุนไพร ข้าอายุปูนนี้แล้วไม่เคยได้ยินว่ามีเกลือที่ทำมาจากผักเลย เจ้าแน่ใจได้เช่นไรว่านี่กินได้ไม่มีพิษ” เถ้าแก่หวังเอ่ยถามหลังจากที่ได้ชิมเกลือผักไปแล้ว

“บ้านข้ากินมาแล้วขอรับ รับรองว่าไม่มีพิษแน่นอน อีกอย่าง เกลือเป็นสิ่งของต้องห้าม มีเพียงราชสำนักเท่านั้นที่ขายได้ บ้านข้ายังคิดไม่ออกว่าหากทำเกลือผักออกมาขาย จะขัดกับราชสำนักหรือไม่” จางอี้เทาอธิบายด้วยสีหน้าติดกังวล

“หืม ก็จริงของเจ้านะอาเทา แต่ว่าเกลือในมือข้าตอนนี้มันไม่ใช่เกลือจริง ๆ สักหน่อย เกลือที่ทำมาจากผักยังไม่ได้ระบุในข้อกฎหมาย หากเราต้องการเลี่ยง ทำไมเราไม่บอกว่ามันคือสมุนไพรเล่า สมุนไพรที่ให้รสเค็ม สมุนไพรเกลือผัก เรียกสั้น ๆ ว่าเกลือผัก เพียงเท่านั้นทหารก็ทำอันใดพวกเราไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อมาตรวจสอบมันคือผัก และดูสีสิ หาได้เป็นสีขาวไม่” 

เถ้าแก่หวังเสนอทางออกให้กับครอบครัวจาง อี้หมิงถึงกับอึ้งในความคิดของเถ้าแก่ร้านของชำ เหตุใดเขาจึงคิดไม่ถึงกันนะ นี่สินะโบราณถึงว่า ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด สมเป็นพ่อค้าที่สามารถหาทางเลี่ยงภาษีได้อย่างงดงาม

“แต่หากว่าเจ้าไม่สบายใจ ข้าจะนำเกลือผักนี้ไปลองปรึกษาท่านเจ้าเมืองดูว่ามันสามารถทำขายได้หรือไม่ แต่ข้ามั่นใจเก้าในสิบส่วนว่าสามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย ว่าแต่หากว่าเกลือผักสามารถขายได้ พวกเจ้าสามารถทำออกมาขายได้จำนวนเยอะหรือไม่ ข้าว่าหนิงอ๋องต้องสนใจทั้งเกลือผักและน้ำตาลผักนี้แน่” 

“อืม ข้าก็ยังตอบไม่ได้ขอรับคงต้องปรึกษากันก่อน เช่นนั้นวันที่เถ้าแก่มารับน้ำตาลผัก ก็รบกวนเถ้าแก่ให้คำตอบบ้านข้าด้วยว่าสามารถทำเกลือผักออกมาขายได้หรือไม่ ส่วนเราจะให้คำตอบเรื่องน้ำตาลผักเช่นกัน” จางอี้เทาออกความเห็นและสรุปทุกอย่างให้ทุกคนได้ฟัง

เถ้าแก่หวังตกลงตามนั้น ชายชราเดินทางกลับเข้าไปในเมือง ปล่อยความวิตกกังวลและปัญหาเรื่องแรงงานให้บ้านจางหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป

จางอี้หมิงถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ตัวเขาอยากจะได้ใบสั่งซื้อใจจะขาด เพราะหญ้าหวานก็ไปเก็บบนภูเขา หญ้าสายรุ้งก็ไปเก็บตรงชายทะเล ฟืนก็ไปตัดเอาในป่าซึ่งมีมากมาย ไหก็ไม่ต้องซื้อเพียงแต่ใช้แรงงานเท่านั้น ง่ายเช่นนี้เหตุใดเขาจะไม่อยากรับใบสั่งซื้อ แต่ไม่ว่าจะทำอันใด ครอบครัวเขาก็ติดปัญหาเรื่องแรงงานทุกครั้ง

เฮ้อ...หัวจะปวด บุญมีแต่กรรมบังจริง ๆ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ