ตอนที่ 6 อาหารสวรรค์

สองย่าหลานช่วยกันถือห่อธัญพืชและเนื้อเลวเดินเข้าไปในครัว นางหูคิดไม่ตกว่าเนื้อที่อุดมไปด้วยไขมันจะกลายมาเป็นเนื้อสวรรค์ได้อย่างไร เมื่อมาถึงที่หมาย จางอี้หมิงจึงบอกให้ท่านย่าทำตาม ด้วยขนาดตัวที่เล็กเท่าเด็กห้าขวบ จะให้มาทำอาหารก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แค่จะจับหม้อหรือกระทะ ก็ยกไม่ขึ้นแล้ว เขายังไม่อยากตายซ้ำสองเร็ว ๆ นี้หรอกนะ

“ท่านย่า เตานี้สำหรับต้มโจ๊กธัญพืช ส่วนเตานี้ทำน้ำมันนะขอรับ ท่านย่าตัดเอาส่วนเนื้อออกไว้ก่อนนะขอรับ ส่วนวิธีทำง่ายมาก ขั้นแรกคือตั้งกระทะให้ร้อน ใช้ไฟแรง ๆ ในตอนแรก แล้วใส่ไขมันทั้งหมดลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย เสียดายที่ไม่มีเกลือ แต่ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไรขอรับ แล้วค่อย ๆ คนให้ทั่ว ถ้าน้ำมันเริ่มออก เราจะเปลี่ยนไปใช้ไฟกลาง ต้องค่อย ๆ คน ป้องกันไม่ให้มันแตก ความร้อนจะทำให้ไขมันละลายออกมา เราจะเอาน้ำมันที่ออกมาจากไขมันนี้ไปทำอาหารขอรับ”

“ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือหมิงเอ๋อร์”

“ง่ายขนาดนั้นเลยขอรับท่านย่า แต่ว่าต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเจียวน้ำมันออกมาจนหมด ท่านย่าอาจจะต้องเมื่อยมือหน่อยนะขอรับ ส่วนกากไขมันที่ได้ เราจะเอาไปใส่ในผัดผักบุ้งขอรับ” 

ได้ยินดังนั้น นางหูก็เริ่มทำการเจียวน้ำมันตามที่หลานชายบอก ถึงแม้จะเงอะงะในตอนแรก แต่จางอี้หมิงที่เป็นนักทำอาหารมาก่อนก็คอยประกบไม่ห่าง การเจียวเอาน้ำมันมาใช้จึงสำเร็จไปได้ด้วยดี

“ท่านย่าขอรับ ตักน้ำมันที่ได้ออกมาพักไว้ให้เย็นก่อน เราสามารถเก็บน้ำมันไว้ทำอาหารได้หลายอย่างเลยขอรับ”

“ได้ ๆ แล้วกากอันนี้ละหมิงเอ๋อร์ ต้องเอาไปทำอะไร”

“ท่านย่า กากนี้เรียกว่ากากเนื้อหมู เราจะเอามาใส่ในผัดผักบุ้ง ท่านย่าแยกเอาไว้ต่างหากก่อนนะขอรับ บ้านเราพอจะมีกระเทียมกับขิงไหมขอรับ”

“กระเทียมหรือ มีนะ อันนี้เราหาได้ตามป่า”

“โอ้ ดียิ่งขอรับ ท่านย่าทุบกระเทียมให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อน้ำมันร้อนแล้ว เอากระเทียมลงไปเจียว พอกระเทียมเริ่มเหลือง ใส่ผักบุ้งลงไป ตามด้วยเครื่องเทศสักเล็กน้อยแล้วก็คนเร็ว ๆ” หมิงเอ๋อร์อธิบาย “ท่านย่าสุมไฟแรง ๆ เลยนะขอรับ ผัดไม่ต้องนาน”

“หมิงเอ๋อร์ ผัดแค่นี้พอไหม” นางหูเงยหน้าขึ้นจากเตาเพื่อเอ่ยถามหลานชาย

การปรุงอาหารมาถึงขั้นตอนใส่ผักบุ้งและเครื่องเทศลงไปแล้ว เด็กน้อยชะเง้อคอมอง ท่าทีราวกับพ่อครัวจากร้านอาหารชื่อดัง

“ท่านย่า พอแล้วขอรับ ผัดนานผักบุ้งจะเหนียวและไม่อร่อย ท่านย่าอย่าลืมโรยด้วยกากเนื้อหมูนะขอรับ” พ่อครัวตัวน้อยเอ่ยสำทับท่านย่าอีกครั้ง

“กลิ่นอันใดถึงได้หอมออกไปถึงข้างนอก” จางอี้เทาที่เสร็จจากอาบน้ำเดินเข้ามาในส่วนครัวเพราะได้กลิ่นหอมจากอาหาร มันเป็นกลิ่นที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

“ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือขอรับ นี่คือผัดผักบุ้งไฟแดงใส่เครื่องเทศขอรับ รับรองท่านพ่อต้องเติมข้าวสองถ้วยแน่นอน”

“เช่นนั้นหรือ โอ้อวดไปหรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ รู้สึกทั้งขบขันและเอ็นดูบุตรชายที่ยืดอกเล็ก ๆ ตอบบิดาด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องเหลือเกิน

“ท่านพี่ ท่านแม่ หมิงเอ๋อร์”

หลี่อ้ายเดินตามมา นางตื่นได้สักพักแล้ว อาการไข้เริ่มดีขึ้นหลังจากที่ได้นอนพักตลอดทั้งบ่าย ทำเอาสองพ่อลูกและท่านย่าพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“น้องหญิงตื่นแล้ว!”

“ท่านแม่ตื่นแล้ว!”

“สะใภ้ เจ้าตื่นแล้ว!”

“เจ้าค่ะ กลิ่นหอมปลุกให้ข้าตื่น...”

“สะใภ้ เจ้าไปนั่งที่แคร่ก่อน เพิ่งตื่นขึ้นมาอาจจะยังวิงเวียน แม่ทำอาหารจานเนื้อไว้ หมิงเอ๋อร์เป็นคนสอนแม่ให้ทำ มีอะไรไว้ไปเล่าตอนกินข้าว อาเทา มาช่วยแม่ยกกับข้าวออกไปด้วย”

“ขอรับ”

นางหูตักโจ๊กธัญพืชใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ ตามจำนวนคน และตักผัดผักบุ้งไฟแดงยื่นส่งให้ลูกชายเพื่อนำออกไปวางที่สำรับ เมื่อทุกคนนั่งล้อมวงกันแล้ว จางอี้เทาจึงเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

“กลิ่นหอม หน้าตาใช้ได้ แต่ไม่รู้รสชาติจะอร่อยหรือไม่”

“ท่านพ่อ ข้ารับรองว่ามันต้องอร่อยขอรับ ผัดผักบุ้งจานนี้จะอร่อยมากกว่านี้ถ้าเรามีเกลือ พริกสด และเครื่องปรุงอย่างอื่น แต่แค่เครื่องเทศที่นำมาใช้แทนเครื่องปรุงก็พอได้ขอรับ เครื่องเทศให้ความหอมและรสเผ็ดร้อน ถึงแม้จะไม่มีเกลือ แต่ก็ดีกว่านำมาต้มกินขอรับ ท่านพ่อลองดูหน่อยนะขอรับ” 

จางอี้หมิงอธิบายให้บิดาฟังพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบผัดผักบุ้งใส่ลงไปในถ้วยโจ๊กของบิดา ดวงตาใสซื่อมองด้วยความคาดหวัง จางอี้เทาจึงปฏิเสธไม่ลง ต้องหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบผักบุ้งชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาลองแตะที่ริมฝีปาก เมื่อได้สัมผัสกับรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน ประกอบกับบุตรชายที่กำลังมองมาด้วยสายตาลุ้นระทึก จางอี้เทาถึงกับกลั้นหายใจ พุ้ยผัดผักเข้าปากไป 

“ท่านพ่อ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“อร่อย มันอร่อยมาก พ่อไม่เคยได้กินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย น้องหญิงเจ้าลองดู อร่อยมากเชียวล่ะ” จางอี้เทาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะคีบผัดผักบุ้งวางลงไปบนถ้วยโจ๊กของภรรยา

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

“ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เด็กน้อยถามเมื่อเห็นมารดากินเข้าไปเต็มคำ

“อร่อยมาก หมิงเอ๋อร์ มันเรียกว่าอะไรนะ”

“ผัดผักบุ้งเครื่องเทศขอรับ ที่มันอร่อยเพราะเราปรุงอาหารด้วยการใช้น้ำมันมาผัด”

“น้ำมันเช่นนั้นเหรอ มันคืออะไร แม่พลาดสิ่งใดไปหรือไม่” 

ลืมไปว่าท่านพ่อกับท่านย่ารู้เรื่องแล้ว แต่ท่านแม่ยังไม่รู้เพราะท่านแม่นอนป่วยอยู่นี่นา

“สะใภ้ไม่ต้องตกใจไป หมิงเอ๋อร์เล่าให้แม่ฟังว่าตอนที่ไม่สบาย ท่านเทพมาพาไปสวรรค์ และสอนความรู้ต่าง ๆ ให้มากมาย และยังรักษาโรคให้หมิงเอ๋อร์ด้วย การผัดและอาหารในวันนี้ ก็เป็นอาหารสวรรค์เช่นกัน”

“อะไรนะเจ้าคะ หมิงเอ๋อร์ เป็นความจริงหรือลูก โอ้! ขอบคุณสวรรค์ที่คืนหมิงเอ๋อร์ให้กับข้า” หลี่อ้ายถึงกับตาโตด้วยความตกใจ ในขณะเดียวกันนางก็ดีใจจนน้ำตาคลอที่ได้บุตรชายคืนกลับมา

“น้องหญิง เหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้หมิงเอ๋อร์สบายดี อย่าได้เป็นกังวลอีกเลย ห่วงแต่น้องหญิงเถอะ ไม่สบายแบบนี้ต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ครอบครัวเราคงจะไม่ไหวถ้าน้องหญิงล้มป่วย”

“เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะพยายามรักษาตัวดี ๆ นอนพักสักไม่กี่วันคงจะหายดีเจ้าค่ะ ไม่ต้องไปเรียกท่านหมอผิงนะเจ้าคะ”

“หมิงเอ๋อร์ อาหารวันนี้อร่อยมากจริง ๆ เรามีน้ำมันที่เจียวไว้อีกมาก คงกินไปได้อีกหลายมื้อ ผักบุ้งเราก็ไปเก็บเอาที่ริมบึง ใช่แล้ว มันยังมีผักอีกอย่างหนึ่งนี่ หมิงเอ๋อร์ทำเป็นใช่หรือไม่” นางหูเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น หลังจากที่ได้ลองชิมอาหารสวรรค์อย่างผัดผักบุ้งเครื่องเทศแล้วก็อยากลองผักอีกชนิดที่ว่า

“ทำเป็นขอรับท่านย่า แต่ว่าคงยังเอามาทำไม่ได้ ไข่น้ำถ้ามีเครื่องปรุงไม่ครบ มันจะมีกลิ่นคาว ข้าขอหาวิธีกลบกินคาวก่อนนะขอรับ” จางอี้หมิงตอบท่านย่าก่อนจะเอ่ยสำทับ

“อย่าลืมกินกากหมูด้วยนะขอรับ มันกรุบ ๆ อร่อยใช่ไหมขอรับ” 

“อือ อือ อือ” 

ทว่าเสียงที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงอือในลำคอเท่านั้น เพราะตอนนี้ทั้งนางหู ลูกชายและลูกสะใภ้ ต่างกำลังตั้งหน้าตั้งตาคีบผัดผักบุ้งเครื่องเทศเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ครอบครัวจางเพลิดเพลินกับรสชาติอาหารสวรรค์ ปล่อยให้จางอี้หมิงแอบยกยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ

ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่า

ต่อไปข้าจะทำให้ครอบครัวของเราดีขึ้นแน่นอนขอรับ

ข้าสัญญา

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ