ตอนที่ 12 เจรจาการค้าแรก

“เร่เข้ามาขอรับ เร่เข้ามา” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายตะโกนเรียกเหล่าชาวเมือง  

“วันนี้ ข้าจางอี้หมิง กำลังฝึกทำการค้ากับท่านเถ้าแก่หวัง มีสินค้าอยากนำเสนอให้แก่ทุกท่าน สินค้าใหม่ของร้านเถ้าแก่หวังวันนี้ได้แก่น้ำตาลผักขอรับ มันมีรสชาติหวานเช่นน้ำตาล แต่มีระดับความหวานกว่ามาก ที่สำคัญราคาไม่แพงขอรับ”

“เนื่องด้วยเป็นสินค้าใหม่ ทางเถ้าแก่จึงให้ทุกท่านได้ทดลองชิมกันดูก่อนโดยไม่คิดเงินขอรับ หากไม่ซื้อไม่เป็นไร” 

จางอี้หมิงแย้มยิ้มน่ารัก เขายืนบนลังไม้เก่าเพื่อให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้น 

“เพียงท่านนำไปปรุงอาหาร วิธีการง่ายมากขอรับ เหยาะลงไปในโจ๊กธัญพืชแบบที่ข้าแจกอยู่ตอนนี้ก็ได้เช่นกัน ท่านลุง ท่านป้า พี่สาว พี่ชาย ชอบหวานเท่าใดก็เลือกใส่ได้ตามสบายเลยขอรับ พี่สาวคนงาม ลองชิมดูไหมขอรับ”

“น้องชายท่านนี้ช่างปากหวานเสียจริง ไหนพี่สาวขอลองดูสิว่ามันจะอร่อยเหมือนกับที่เจ้าบอกหรือเปล่า”

หญิงสาวอายุประมาณสิบแปดปีคนหนึ่งถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อได้ยินเด็กน้อยเอ่ยชม นางเดินเข้าไปรับถ้วยโจ๊กมาถือไว้แล้วหลบมายืนอีกข้างหนึ่ง

จางอี้หมิงยืนอยู่หน้าร้านและประกาศเชิญชวนไปด้วย ถึงแม้จะเพิ่งหายป่วย ร่างกายผอมแห้งเกินเด็กรุ่นเดียวกันไปมากโข แต่ด้วยรูปลักษณ์ของเด็กที่หน้าตาน่าเอ็นดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รวมทั้งการพูดที่ฉะฉาน ทำให้มีคนสนใจไม่น้อย ประกอบกับการแจกให้ลองชิมโดยไม่คิดเงิน ผู้คนจึงเริ่มเข้ามามุงดูและรับถ้วยโจ๊กใบเล็กไปลองลิ้มชิมรสชาติตามที่ได้ประกาศ

“หวาน อร่อย น้องชาย มันอร่อยจริง ๆ” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความสนใจ “นี่แค่โจ๊กใส่น้ำตาลผักของเจ้าแค่นั้นจริงหรือ” 

“จริงขอรับพี่สาวคนงาม ข้าไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย ท่านชอบมันใช่หรือไม่”

“ชอบมาก ข้าไม่เคยได้กินแบบนี้มาก่อน แล้วเจ้าขายอย่างไรเล่าเด็กน้อย”

“พี่สาวคนงาม สินค้าวันนี้เป็นเพียงตัวอย่างให้ทดลองชิมดูเท่านั้น ในส่วนของการซื้อขาย พี่สาวคงต้องมาวันหลังแล้ว” จางอี้หมิงตอบเสียงสุภาพ เขายิ้มแป้นและหันไปมองเถ้าแก่

“ใช่หรือไม่ขอรับ ท่านเถ้าแก่หวัง” 

“ใช่ ๆ อาหมิงพูดถูกแล้ว แม่นางไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อเรามีสินค้าพร้อมจำหน่ายแล้ว ข้าจะป่าวประกาศออกไปเอง ขอแม่นางอดทนรอสักนิด” เถ้าแก่หวังรีบรับไม้ส่งจากเด็กชายตัวน้อยทันที สมกับเป็นพ่อค้าที่มีความคิดรวดเร็ว ไม่ยอมเสียโอกาส

จางอี้หมิงพอใจไม่น้อย เขาไม่อาจขายน้ำตาลผักเหล่านี้ให้แก่พี่สาวได้โดยตรง เพราะเด็กน้อยอยากจะทำการค้าส่งกับเถ้าแก่หวังมากกว่า อีกอย่าง เขาเองก็มีแผนการค้าในหัวอยู่แล้วด้วย

“อร่อย”

“นี่คือโจ๊กธัญพืชจริง ๆ หรือ”

“เห็นว่าราคาไม่แพงเช่นน้ำตาลนะ”

“มันมีน้ำตาลผักจริง ๆ หรือนี่”

ฯลฯ

เพียงแค่หญิงงามคนแรกเอ่ยชมออกมาเท่านั้น จุดแจกโจ๊กก็มีคนไปต่อแถวทดลองยาวไปจนเกือบถึงกลางตรอก แต่เพราะโจ๊กทำมาแค่เพียงหม้อเล็ก ๆ จึงหมดลงไปตั้งแต่คนที่สิบห้า จางอี้หมิงยังถูกเถ้าแก่หวังค่อนแคะเรื่องต้องยืมถ้วยและช้อนเพิ่มอีกห้าชุด  

มีหลายคนบ่นเสียดายที่ไม่ได้ลองชิมเพราะส่วนมากคนละแวกนี้คือชาวบ้านทั้งนั้น พวกเขาไม่มีเงินมากมายเพียงพอจะซื้อน้ำตาล ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีของที่รสชาติคล้ายกันและราคาถูกกว่าก็เกิดความสนใจ ยิ่งได้เห็นท่าทางของผู้ที่ลองชิมโจ๊กธัญพืชแล้วก็อยากซื้อไปปรุงอาหาร 

เมื่อเหตุการณ์กลับเข้ามาสู่สภาวะปกติ จางอี้หมิงจึงเข้าไปนั่งคุยกับเถ้าแก่หวังในห้องบัญชีด้านหลังร้าน ส่วนจางอี้เทาเพียงแค่เดินตามบุตรชายเข้าไปพร้อมกับสะพายตะกร้าที่บรรจุน้ำตาลผักเกือบสามสิบกระบอก

“อาหมิง ข้าเชื่อแล้วว่าน้ำตาลผักของเจ้ามันต้องขายได้ พวกเรามาตกลงรายละเอียดกันเถอะ” เถ้าแก่หวังเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเป็นเจ้าแรกที่ได้ขายสินค้าตัวใหม่นี้ มันต้องขายดีแน่นอน

“เถ้าแก่หวังขอรับ ตัวข้าอยู่หมู่บ้านหลัวถง ห่างจากในเมืองไปราวหนึ่งชั่วยาม ข้าเสนอให้ท่านเถ้าแก่จัดหาไหดินเผาที่มีฝาปิดแล้วเอาไปส่งให้ข้าที่หมู่บ้าน ข้าจะทำน้ำตาลผักพร้อมบรรจุลงไหไว้ให้ท่าน ท่านเพียงให้คนไปรับมาเท่านั้น ซึ่งในการไปรับสินค้าใหม่ ท่านก็เพียงนำไหเปล่าไปส่งให้ข้าตามจำนวนที่ท่านต้องการสั่งซื้อ” จางอี้หมิงเริ่มเจรจา

“ข้าสามารถขายให้ท่านได้ในราคาไหละสิบห้าอีแปะ ส่วนท่านจะขายราคาเท่าใดก็แล้วแต่เถ้าแก่เลยขอรับ ที่ข้าเสนอเช่นนี้เพราะน้ำตาลผักควรเก็บไว้ในที่ที่มีฝาปิดมิดชิดจึงจะเก็บไว้ได้หลายเดือน อีกอย่าง การใส่ไหจะทำให้ดูมีมูลค่ามากกว่ากระบอกไม้ไผ่ขอรับ ท่านเถ้าแก่หวังเห็นเป็นเช่นใดขอรับ”

“ข้าต้องเสียเงินจ้างรถม้าไปรับสินค้าถึงบ้านเจ้า น้ำตาลผักถึงแม้ว่าจะถูกกว่าน้ำตาล แต่ถ้าเจ้าขายให้ข้าไหละสิบห้าอีแปะแล้วข้ามาเพิ่มราคาอีก ชาวบ้านซื้อน้ำตาลกินแทนมิดีกว่าหรือ”

สมเป็นเถ้าแก่ที่โชกโชนในวงการค้าขาย เขี้ยวลากดินจริง ๆ

“เถ้าแก่หวัง เห็นแก่ที่เราจะทำการค้ากันในอนาคต ข้าลดให้ท่านได้จริง ๆ แค่ไหละสิบสองอีแปะขอรับ” เด็กน้อยว่า

“เหตุที่ท่านต้องไปรับสินค้าเอาเอง ก็เพราะว่าข้าคิดว่าสินค้าต้องขายดีมากเป็นแน่ บ้านข้ายากจน ไม่มีเกวียน จึงไม่สะดวกที่จะมาส่งให้ท่านในเมือง อีกอย่าง ข้าก็จะทำสัญญาขายน้ำตาลผักให้กับร้านของท่านเพียงเจ้าเดียว นั่นหมายความว่าร้านอื่นจะไม่มีสินค้าขายเช่นท่าน หรือท่านต้องการให้ข้านำไปเสนอให้กับร้านอื่นด้วย” จางอี้หมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงใจ เขามั่นใจว่าเถ้าแก่ต้องไม่อยากให้สินค้าตัวนี้หลุดไปร้านอื่นแน่ พวกพ่อค้ามักอยากให้ร้านตัวเองวางขายสินค้าชั้นเลิศราคาดีเพียงเจ้าเดียว

“อาเทา บุตรชายของเจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถทำการค้าได้แล้ว” 

เถ้าแก่หวังยกยิ้มหันไปเอ่ยชมกับจางอี้เทา ที่ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้อ้าปากเอ่ยสิ่งใดแม้แต่ครึ่งคำ บัณฑิตจางอยากจะรู้ว่าบุตรชายของเขาจะเก่งกาจเพียงใด และเหมือนตอนนี้จะได้รับคำตอบนั้นแล้ว

“ท่านพ่อสอนข้ามาดีขอรับ” จางอี้หมิงไม่วายเอ่ยชมบิดาตนเอง

“ดี ๆ ได้ ข้าตกลง ข้าจะจัดหาไหเปล่าไปส่งให้เจ้าที่หมู่บ้านและทำตามที่เจ้าบอก”

“ขอบคุณท่านเถ้าแก่มากขอรับ ในครั้งแรกนี้เถ้าแก่ต้องการสั่งซื้อมากน้อยเพียงใดขอรับ ข้าขอเก็บเงินมัดจำครึ่งหนึ่งก่อนได้หรือไม่ขอรับ”

“อุบ๊ะ!! เจ้าเด็กน้อยนี่ สมกับเป็นว่าที่เถ้าแก่ในอนาคต เจ้ากล้าขอข้าก็กล้าให้ ข้าคิดว่าห้าร้อยไห คงเพียงพอที่จะนำมาทดลองขาย”

“ข้ากับท่านพ่อขอรบกวนเถ้าแก่อีกเรื่องหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”

“อันใดของเจ้าอีก”

“เงินมัดจำที่เถ้าแก่จ่ายให้ข้า ข้าขอรับเป็นสองตำลึง ส่วนที่เหลือข้าขอรับเป็นเงินอีแปะ ข้าอยากจะซื้อเนื้อสักสองสามชั่ง ในตลาด ยามเว่ย (13.00-14.59) ข้าจะกลับมาที่ร้านของเถ้าแก่ พวกเราจะได้เดินทางไปที่บ้านข้ากัน”

“อาหมิง เจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก เจ้ากลับบ้านโดยไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ เพราะข้าต้องส่งรถม้าไปส่งไหที่บ้านเจ้าอยู่แล้ว ข้าชอบใจยิ่งนัก เด็กฉลาดเช่นเจ้า”

“ขอบคุณเถ้าแก่ขอรับ”

“นี่คือเงินสองตำลึงกับอีกหนึ่งพันอีแปะ ข้าจ่ายให้เจ้าครึ่งหนึ่งก่อน ในวันที่ไปรับน้ำตาลผัก ข้าจะจ่ายให้เจ้าอีกสามตำลึง ส่วนของในร้าน เจ้าต้องการสินค้าอันใดก็บอกข้ามา ข้าจะลดให้เจ้าเป็นพิเศษ” เถ้าแก่หวังยื่นเงินให้เด็กชายตรงหน้า 

“เจ้าจะส่งของให้ข้าได้ในเวลาอีกกี่วัน”

“จำนวนห้าร้อยไหเล็ก ข้าขอเวลาทำสามวันขอรับ ขอบคุณเถ้าแก่อีกครั้งนะขอรับ” 

จางอี้หมิงรับเงินมาแล้วยื่นเงินทั้งหมดให้กับบิดาเก็บไว้ นั่นทำให้เขาเหลือบไปเห็นว่าจางอี้เทามีน้ำตาลผักอยู่เกือบสามสิบกระบอก เด็กน้อยถึงกับยกมือขึ้นมาตบหน้าตนเอง

ลืมไปได้ยังไง ท่านพ่ออุตส่าห์แบกมาตั้งนาน

“เถ้าแก่ขอรับ วันนี้ข้ามีน้ำตาลผักมาด้วยเกือบสามสิบกระบอก ข้าขอเอามาแลกกับสินค้าในร้านเถ้าแก่ได้หรือไม่ขอรับ” เด็กน้อยถามก่อนจะแจกแจง “ทั้งหมดยี่สิบเจ็ดกระบอก กระบอกละสิบสองอีแปะ รวมเป็นสามร้อยยี่สิบสี่อีแปะ เห็นแก่ที่เราเพิ่งเจรจาทำการค้ากัน ข้าคิดเพียงสามร้อยอีแปะเท่านั้นก็พอขอรับ” 

“ได้ แล้วเจ้าอยากได้สินค้าอันใดบ้างล่ะ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ