เวลาผ่านมาได้สามวันแล้วตั้งแต่กลุ่มของจางอี้หมิงกลับมาจากงานเลี้ยงที่เหลาซิ่งฝู เพราะความเจ้าเล่ห์ของจางอี้หมิง เขาจึงไม่ต้องตอบคำถามความหมายของภาพวาดนั้น กินข้าวยังมิทันอิ่ม จางอี้หมิงก็ขอตัวลาเถ้าแก่จวงและรีบกลับจวนตนเองทันที เนื่องจากอาการหวงพี่สาวกำเริบ
เพียงจางอี้หมิงหันไปสบตาซุนหมิงเย่ สองเด็กน้อยก็เหมือนเข้าใจกันโดยพลัน ถึงแม้อาหารตรงหน้าจะอร่อยแต่พวกเขาต้องปกป้องพี่สาวให้รอดพ้นจากพวกแมลงทั้งหลายที่เริ่มมาเกาะแกะพี่สาวของตน หลังจากนั้นเพียงไม่นานซุนหมิงเย่ก็ปวดท้องกะทันทัน กลุ่มของจางอี้หมิงจึงต้องกลับจวน ซุนหมิงเย่ถูกอาซานอุ้ม โดยมีรถม้าของเหลาซิ่งฝูไปส่งถึงที่จวนตระกูลจาง
พอถึงจวนเรียบร้อย ซุนหมิงเย่ก็หายจากอาการปวดท้องราวปลิดทิ้ง ซุนซูลี่ที่รู้เท่าทันเล่ห์กลของน้องชายทั้งสองคนแต่ก็เล่นไปตามน้ำ เพราะตนเองก็รู้สึกรำคาญคุณชายทั้งหลายเช่นกัน
กลางคืนในห้องนอนของจางอี้หมิง เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเพื่อเตรียมพร้อมเข้านอน องครักษ์หน่วยเหลียงไป๋คนหนึ่งนั่งคุกเข่า รายงานการสืบข้อมูลในจวนสกุลจางบ้านหลักมาตลอดหนึ่งปีให้กับจางอี้หมิงฟัง
“ข้อมูลนี้ยืนยันแล้วหรือไม่พี่อาสือ” จางอี้หมิงเอ่ยถามพลางหาวออกมาน้อย ๆ
“ขอรับคุณชายน้อย อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินใหญ่ จะมีคู่ค้าสำคัญมาในงานเลี้ยงวันนั้นด้วย คงจะเป็นการพูดคุยเรื่องผ้าที่จะส่งเข้าวังหลวงเพื่อใช้ในงานเทศกาลอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ขอรับ”
“แล้วเรื่องโจรป่าเมื่อหนึ่งปีก่อน พี่อาสือมีความคืบหน้าหรือไม่”
“ขอรับ โจรป่าที่เข้าปล้นครอบครัวคุณชายน้อยคาดว่าจะเป็นคำสั่งของฮูหยินใหญ่ขอรับ”
“มีหลักฐานหรือไม่”
“ขอรับ ในทุกๆเดือน จะมีบ่าวชายคนเดิมเดินทางออกไปนอกเมืองเพื่อพบชายคนหนึ่งแล้วมอบเงินให้ อาเอ้อร์ เฝ้าติดตามดูความเป็นไปของชายคนนั้นมาตลอดหนึ่งปี ในบางครั้งชายคนนั้นก็ไปพบกับฮูหยินใหญ่ที่จวนด้วย จนมาเดือนที่แล้ว ฮูหยินใหญ่คงไม่สามารถจ่ายเงินให้ชายคนนั้นได้อีกต่อไป นางจึงส่งคนมากำจัดชายคนนั้น อาเอ้อร์ได้ช่วยชีวิตชายคนนั้นไว้ และล้วงความลับตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัส เมื่อหายแล้วชายคนนั้นก็เลยยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้อาเอ้อร์ฟังขอรับ”
“ดี ความแค้นของจางอี้หมิงจะได้ถูกชำระเสียที” จางอี้หมิงเปรยกับตนเองเบา ๆ แต่ถึงแม้ว่าจะเบาเพียงไหน อาสือก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เหตุใดคุณชายน้อยถึงพูดคล้ายกับว่าจะชำระแค้นให้คนอื่น..กันนะ
“พี่อาสือกลับไปได้ ยังไม่ต้องทำอันใดจนกว่าจะได้รับคำสั่งต่อไป ขอบคุณพี่อาสือมากนะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยบอกองครักษ์เหลียงไป๋แล้วเข้านอน
ในเช้าวันถัดไป ณ จวนสกุลจาง ในห้องทำงานของหัวหน้าตระกูลจาง จางหม่าซือ กำลังปรึกษาหารือพูดคุยกับมารดา จือเฟยอิน ฮูหยินผู้เฒ่าของสกุลจาง โดยมีจางอี้เหลียน หลานสาวคนโปรดคอยบีบนวดตามร่างกายให้กับท่านย่าของตนด้วย
“ซือเอ๋อร์ ผ้าที่จะจัดส่งเข้าวังหลวงเรียบร้อยดีหรือไม่”
“ท่านแม่ ยังมีปัญหานิดหน่อยขอรับ มีคู่ค้าบางร้านต้องการโก่งราคา คงรู้มาว่าสนมผินชื่อชอบผ้าไหมฟ้ากระจ่างเป็นอย่างมาก และปีนี้สนมผินยังได้รับโอกาสให้จัดงานด้วย คาดว่าทางร้านผ้าเรายังไงต้องสู้ราคา ตอนนี้กำลังหาข้อตกลงอยู่ขอรับ” จางหม่าซืออธิบายปัญหาให้มารดารับฟัง
“เช่นนั้นก็เร่งมือหน่อย มีเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว จะให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้”
“ทราบแล้วขอรับ”
“เหลียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าเป็นอันใดถึงดูไม่มีความสุข มิใช่ว่าเมื่อวานเจ้าได้ไปงานเลี้ยงที่เหลาซิ่งฝูมาแล้วมิใช่หรือ” จือเฟยอินสังเกตเห็นหลานสาวคนโปรดดูเงียบซึมลงไป ปกติหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยง หลานสาวต้องมาเล่าเรื่องมากมายให้นางฟัง
“ท่านย่า เหลียนเอ๋อร์แค้นใจเจ้าค่ะ”
“แค้นใจ มีเรื่องอันใดที่ทำให้หลานรักของย่าแค้นใจเช่นนั้นหรือ”
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ.....”
จางอี้เหลียนเล่าเรื่องตั้งแต่นางเกือบไม่ได้หยกเฉิงฮวาเพื่อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านย่าแล้ว ยังโดนเถ้าแก่จวงเอ่ยหักหน้าตนเองกับเหล่าคุณชายทั้งหลายด้วย นางรู้สึกอับอายและแค้นใจมากแต่ก็ทำอันใดเถ้าแก่จวงมิได้ เนื่องจากตนเองยังอยากไปงานเลี้ยงนั่นอยู่ หากดื้อดึงอาจจะโดนตัดสิทธิ์ไปอีกหลายเดือน
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นลงก่อน นางเป็นเพียงคุณหนูบ้านนอกเช่นนั้น ต่อให้ร่ำรวยก็คงมิได้รับการอบรมมาอย่างดีเช่นเหลียนเอ๋อร์ของย่า เจ้าก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลย ว่าแต่มีคนเข้าพักที่จวนในเขตเหลียนฮวาแล้วเช่นนั้นหรือ เป็นผู้ใดซือเอ๋อร์พอรู้หรือไม่” จือเฟยอินหันไปเอ่ยถามบุตรชายหลังจากเอ่ยปลอบใจหลานสาวเสร็จแล้ว
“ท่านแม่ ข้าก็ได้ข่าวมาเหมือนกันขอรับ เห็นว่าเป็นกลุ่มการค้าหลัวถง ฮ่องเต้พระราชทานป้ายเชิดชูวงศ์ตระกูลให้เนื่องจากทำความดีความชอบเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบรรณาการขอรับ”
“กลุ่มการค้าหลัวถงเช่นนั้นเหรอ เหตุใดข้าถึงได้คุ้นชื่อนี้กันนะ” จือเฟยอินเปรยออกมา
“ท่านย่าจะให้ข้าใจเย็นได้เช่นไร ข้าอยากจะสั่งสอนนางสักเล็กน้อย” จางอี้เหลียนมิได้สังเกตเห็นความเงียบของท่านย่าตนเอง นางถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กจึงมิเคยเห็นความสำคัญของผู้ใดเกินไปกว่าตนเอง
“ดะ ได้ เหลียนเอ๋อร์ ไหนลองอธิบายมาสิว่าเจ้าจะทำเช่นไร” จือเฟยอินรีบละทิ้งความสงสัยในชื่อกลุ่มการค้าหลัวถงออกไป เมื่อเห็นหลานรักกำลังเสียใจ
ระหว่างรอให้ถึงวันเกิดฮูหยินใหญ่จือเฟยอิน จางอี้หมิงก็ไม่ได้ทำอันใด วัน ๆ เขาเอาแต่เที่ยวเล่น ลัดเลาะไปทั่วเมืองหลวงพร้อมกับอาซาน ส่วนซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่ต้องเตรียมตัวเข้าสำนักศึกษา โดยมีจางอี้เทาเป็นผู้ดำเนินการ เขากลับไปยังสถานศึกษาเดิมและทำเรื่องทุกอย่างให้กับบุตรชายบุตรสาวบุญธรรม
สหายที่เป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาเมื่อทราบว่าอี้เทาพักอยู่พื้นที่เหลียนฮวา ก็ยิ่งอยากเข้าหาและทำความรู้จัก รวมทั้งรับปากว่าจะดูแลบุตรชายหญิงทั้งสองคนให้เป็นอย่างดี
และเช้าวันงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจางก็มาถึง หูไป๋หง จางอี้เทา จางอี้หมิงและหลี่อ้าย แต่งกายอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังดูเหมาะสม อาซานถือของขวัญวันเกิดติดตามจางอี้หมิงขึ้นรถม้าเตรียมตัวเดินทางไปยังจวนตระกูลจาง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของครอบครัวเขา
จางอี้หมิงเลือกเอาวันนี้เป็นวันเริ่มแผนการ เนื่องจากมั่นใจว่าอย่างน้อยในงานเลี้ยงก็มีแขกร่วมงานมากมาย ฮูหยินใหญ่จะทำอันใดคงต้องคิดให้มากหน่อย
ทำเช่นไรได้ คนพวกนี้รักหน้าตาของตนเองยิ่ง
ในงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นที่จวนตระกูลจาง มันช่างเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงสมกับเป็นงานมงคล มีแขกเหรื่อมากมายทยอยมาร่วมงานไม่ขาดสาย คงเป็นแขกคู่ค้าคนสำคัญของตระกูลจางที่ทำการค้าขายผ้ามานานหลายชั่วอายุคน
หูไป๋หง จางอี้เทา และหลี่อ้ายที่เดินจูงมือบุตรชาย จางอี้หมิง เข้าไปในงานเลี้ยง โดยมีอาซานและอาชี ถือกล่องของขวัญเดินตามเจ้านายตัวน้อยมาอย่างดี ทำให้เจ้าของงานรวมทั้งแขกที่มาร่วมงานต่างเงียบเสียงลงโดยพลัน
“ฮูหยินใหญ่ ข้าเสียมารยาทมาร่วมงานเลี้ยงโดยมิได้รับเทียบเชิญ เนื่องในวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดท่าน ข้าและครอบครัวจึงมาแสดงความยินดีกับฮูหยินใหญ่ด้วย ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุข อายุยืนยาว การค้าขายเจริญรุ่งเรือง อาเทามอบของขวัญ” เป็นหูไป๋หงหยุดเดินตรงกลางโถงงานเลี้ยงและเอ่ยขึ้น
“จะ เจ้า หูไป๋หง” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ฮูหยินใหญ่ ข้าหูไป๋หง วันนี้ได้มีโอกาสกลับมายังเมืองหลวง จึงได้กลับมายังจวนตระกูลจางอีกครั้ง หนึ่งคือหวังเพียงอวยพรวันเกิดท่าน สองคือข้าอยากขอรับป้ายวิญญาณท่านพี่กลับไปบูชาที่หลัวถง หวังว่าฮูหยินใหญ่จะยินดีให้ท่านอาวุโสทำพิธีมอบป้ายวิญญาณท่านพี่ให้กับข้า” นางหูเอ่ยเจตนาของตนเองออกไป
“ละ หลัวถงเช่นนั้นหรือ เจ้ากับกลุ่มการค้าหลัวถงเกี่ยวข้องอันใดกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ฮูหยินใหญ่ต้องการรู้ไปทำไมหรือเจ้าคะ” หูไป๋หงถามขึ้น
“ข้าถามก็เพียงตอบมา”
“กลุ่มการค้าหลัวถงเป็นกลุ่มการค้าที่อาเทาจัดตั้งขึ้น เป็นกลุ่มการค้าของบ้านจางเองเจ้าค่ะ”
“จะ เจ้าเป็นเจ้าของจวนในเขตพื้นที่เหลียนฮวาหรือ...”
“เจ้าค่ะ ครอบครัวของเราพักกันที่นั่น” หูไป๋หงยังคงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล คล้ายมิได้มีเรื่องบาดหมางอันใดกันแม้แต่น้อย
“หูไป๋หง ขอบใจสำหรับน้ำใจที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิดของข้า แต่เจ้ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจางแล้ว ข้าคงไม่สามารถช่วยเจ้าได้ในเรื่องป้ายวิญญาณของท่านพี่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าจางเอ่ยอย่างขาดไมตรี
“ฮูหยินใหญ่ เพื่อป้ายวิญญาณของท่านพี่แล้ว หากฮูหยินใหญ่ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน หากว่าข้าและครอบครัวสามารถหามาให้ได้ ข้ายินดี”
“ข้ามีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จะมีอันใดให้ต้องการอีก ในวันนี้ข้าไม่สะดวกรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเสียมารยาท พ่อบ้านส่งแขก” ฮูหยินผู้เฒ่าจางกล่าวเสียงเข้ม
“ได้ วันนี้เป็นวันมงคล เป็นครอบครัวข้าที่คิดอ่านน้อยไม่รอบคอบ ขอโทษที่รบกวนฮูหยินใหญ่ อาเทามอบของขวัญด้วย” หูไป๋หงเอ่ยพลางแจ้งให้จางอี้เทามอบของขวัญ
จางอี้เทายื่นมือไปรับของขวัญมาจากอาซาน อาชี เขาเดินนำไปมอบให้กับคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าจาง ก่อนจะเดินกลับมายืนข้างมารดาตนเอง
“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน” หูไป๋หงเอ่ยขอตัวพลางหันหลังกลับ แต่ต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน” เป็นจางอี้เหลียนที่เอ่ยเรียกไว้
“มีอันใดหรือแม่นางน้อย” หูไป๋หงหันกลับมาถาม
“เด็กชายคนนั้นเป็นอันใดกับพวกเจ้า”
หูไป๋หงและจางอี้เทารวมทั้งหลี่อ้ายหันไปมองตามมือของคุณหนูจางอี้เหลียนที่ชี้ไปยังเด็กชายเพียงคนเดียวในบรรดาพวกเขา
“นั่น จางอี้หมิง หลานชายเพียงคนเดียวของข้า คุณหนูอี้เหลียนคงมิคุ้นเคย เนื่องจากหมิงเอ๋อร์ไม่ค่อยสบายตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยได้พบหน้ากัน มิทราบว่าคุณหนูถามด้วยสาเหตุใด” หูไป๋หงตอบคำถาม
“เมื่อสามวันก่อน มีเด็กหญิงและเด็กชายอีกสองคนอยู่ด้วยกันกับหลานของท่าน พวกเขาเป็นใคร” จางอี้เหลียนเอ่ยถามต่อไป
“พวกเขาเป็นพี่ชายพี่สาวบุญธรรมของข้า” จางอี้หมิงตอบ
“เหลียนเอ๋อร์ หรือว่าคนพวกนี้คือคนที่เจ้าไม่พอใจเช่นนั้นหรือ” จือเฟยอินเอ่ยถามหลานรัก
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านย่า คนพวกนี้แหละเจ้าค่ะ”
“หากมิมีอันใดแล้ว พวกข้าขอตัวก่อน หากฮูหยินใหญ่เปลี่ยนใจยินยอมรับข้อเสนอของข้า ส่งคนไปแจ้งข้าได้ที่จวนตระกูลจาง เช่นนั้นพวกข้าขอตัว” หูไป๋หงกล่าวทิ้งท้าย
กลุ่มของจางอี้เทา เมื่อเห็นผู้อาวุโสเดินจากไป พวกเขาทั้งหมดจึงเดินจากไปด้วย
“ทุกท่าน เชิญร่วมดื่มกินตามสบาย พวกเขาเป็นเพียงอดีตบ้านรองที่ถูกตัดขาดจากตระกูลจางไปแล้ว อย่าได้ใส่ใจเลย”
จือเฟยอินเอ่ยบอกแขกทุกคนด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่ได้ยินเสียงซุบซิบเกี่ยวกับครอบครัวจางบ้านรอง ที่มีวาสนาได้อยู่ในเขตพื้นที่เหลียนฮวาและยังได้รับป้ายเชิดชูตระกูลจากฮ่องเต้อีกด้วย
ผิดกับบ้านจางตระกูลหลักที่ตอนนี้ในใจพวกเขาร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผา
ไม่จริง พวกบ้านรองไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้แน่ เหตุใดพวกมันจึงยังมีชีวิตที่ดีได้ถึงเพียงนี้
แต่คนอย่างฮูหยินใหญ่จะไม่ยอมให้พวกบ้านรองมีหน้ามีตาไปมากกว่าพวกตนเด็ดขาด!
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?