เช้าวันใหม่มาเยือนสมาชิกบ้านจางตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี พวกเขาต่างลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน นางหูเป็นคนเดียวที่อยู่ในบ้าน เพราะตั้งแต่ฤดูหนาวที่ผ่านมาสุขภาพของนางก็ย่ำแย่สามวันดีสี่วันไข้ อ่อนแอมาก อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่เกิดมามิเคยตกระกำลำบาก
แต่พอต้องย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านหลัวถงแล้วนั้น การที่ต้องทำงานทุกอย่างเอง รวมทั้งการเดินทางแสนยากลำบากร่างกายจึงปรับตัวไม่ทัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้นางหูจะไม่ได้ทำอันใดมากแล้วก็ตาม ทว่าร่างกายได้เสื่อมลงไปแล้ว จะฟื้นคืนกลับมาคงต้องใช้เวลาอีกนาน
จางอี้หมิงเป็นคนออกความเห็นให้ท่านย่าของตนเองพักตั้งแต่เรื่องการทำหัวเชื้อน้ำตาลผักแล้ว เขาอยากให้ท่านย่าอยู่กับตนเองไปนาน ๆ
หลี่อ้ายไปที่กลุ่มการค้าหลัวถงเพื่อควบคุมการผลิตสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งการผลิตเส้นด้องแด้งแห้งด้วย ส่วนจางอี้เทาและจางอี้หมิงก็เตรียมตัวเข้าเมืองไห่ถังเพื่อไปพบท่านอ๋อง แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องเข้าไปหาเถ้าแก่หวังเสียก่อน เผื่อมีอันใดที่บ้านจางยังไม่รู้ จะได้เตรียมตัวถูก
เมื่อมาถึงร้านขายของชำ เถ้าแก่หวังก็รออยู่ก่อนแล้ว จางอี้เทาและจางอี้หมิงคารวะเถ้าแก่ก่อนจะสอบถามรายละเอียดเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาจึงเดินทางไปเข้าเฝ้าหนิงอ๋องด้วยกัน
สองคนพ่อลูกบ้านจางและเถ้าแก่หวังกำลังเดินตามพ่อบ้านจวนอ๋องไปยังศาลาริมสระบัวที่ครั้งหนึ่งจางอี้เทากับหนิงอ๋องเคยประลองเล่นหมากกัน เมื่อไปถึงจึงพบว่านอกจากท่านอ๋องและอาจารย์เทียนอี้ ยังมีเด็กชายอีกหนึ่งคน อายุประมาณสิบขวบปี นั่งอยู่ในศาลากลางน้ำด้วย
จางอี้เทา จางอี้หมิงและเถ้าแก่หวังโค้งตัวทำความเคารพเสร็จแล้วจึงนั่งลงที่โต๊ะซึ่งคล้ายกับโต๊ะญี่ปุ่น ที่มีบ่าวชายมาพาไปนั่งตามที่ท่านอ๋องอนุญาต
“พวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง สบายดีหรือไม่ มิได้พบเจอกันหลายเดือน อาจารย์เทียนเล่าว่าฤดูหนาวที่ผ่านมาพวกเจ้าประสบภัยหนาวลากยาวนานจนมีการสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่”
หนิงอ๋องเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบไปตามประสาการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง
“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยและครอบครัวสบายดีตามอัตภาพ พ่ะย่ะค่ะ ส่วนชาวบ้านก็เช่นเดียวกัน ขอบพระทัยในพระเมตตา” เป็นจางอี้เทาที่เอ่ยตอบคำถามนั้น
“ข้าต้องขอโทษที่เรียกพวกเจ้ามาพบกะทันหัน จะให้ทำเช่นไรได้ข้าดีใจมากไปหน่อย เมื่อท่านอาจารย์เทียนเล่าเกี่ยวกับการปลูกผักที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ข้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ” ท่านอ๋องเอ่ยจบแล้วหัวเราะเสียงทุ้ม เขายกชาขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
“มิเป็นไรขอรับ” เถ้าแก่หวังยกมือขึ้นตอบรับ
“ท่านอาจารย์เทียนได้เล่าให้ข้าฟังหมดแล้วเกี่ยวกับการปลูกผักในฤดูหนาว รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า ไฟจะเป็นตัวการสำคัญในการปลูกผัก นั่นสินะ ในเมื่อหนาวก็ผิงไฟ ผักก็คงเช่นเดียวกัน เรื่องง่าย ๆ เพียงนี้แต่กลับไม่มีใครนึกออกสักคน” ท่านอ๋องเปรยออกมาอย่างจนใจ กลายเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขาไปเสียได้
“ท่านอ๋องอย่าได้ตำหนิตนเองไปเลยขอรับ ไม่มีใครคิดออกก็หาใช่เรื่องแปลกอันใดไม่ ดั่งเช่นท่านอ๋องกล่าวไว้ มันเป็นเรื่องของเส้นผมบังภูเขาจริง ๆ แต่อย่างน้อยตอนนี้ท่านอาจารย์เทียนและพี่สองหมิงก็ปลูกผักเป็นแล้วนะขอรับ ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะช่วยแคว้นเหลียงได้อย่างแน่นอน” จางอี้หมิงเอ่ยปลอบใจ
“เจ้าตัวเล็ก ข้าขอแนะนำให้รู้จักอ๋องน้อย เหลียงหนิงเทียน บุตรชายของข้า เขาอายุสิบปีแล้ว พวกเจ้าทำความรู้จักกันไว้ด้วยสิ”
ท่านอ๋องกล่าวแนะนำพระโอรสและในขณะเดียวกันก็หันไปแนะนำทุกคนให้อ๋องน้อยรู้จักด้วย
“อ๋องน้อย นั่นคือจางอี้เทา จางอี้หมิง และเถ้าแก่หวัง ผู้ที่พ่อทำการค้าขายด้วย”
“คารวะท่านอ๋องน้อย” แขกผู้มาเยือนกล่าวทักทายท่านอ๋องน้อยของแคว้นเหลียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกท่านตามสบายเถอะ ข้าเพียงติดตามเสด็จพ่อมาเรียนรู้การทำการค้าต่างเมืองเท่านั้น ขอให้พวกท่านปฏิบัติกับข้าเช่นปฏิบัติตนกับเสด็จพ่อเถิด”
อ๋องน้อยเอ่ยทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง เขาได้รับคำกำชับมาจากบิดาให้พยายามเป็นเพื่อนกับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งตาแป้วมองผู้ใหญ่คุยกัน
ตัวเขาเคยแปลกใจเหตุใดบิดาถึงบอกว่าเด็กชายคนนั้นน่าสนใจและมีความเฉลียวฉลาดเกินเด็กทั่วไปมาก ยิ่งได้รับฟังรายงานจากท่านอาจารย์เทียนซึ่งก็เป็นอาจารย์ของทั้งตัวเขาและเสด็จพ่อแล้ว ยิ่งทำให้เขาอยากรู้จักเด็กชายตรงหน้าให้มากขึ้นไปอีก
“ท่านอ๋องขอรับ มิทราบว่าเกลือผักกับน้ำตาลผัก สินค้าของกลุ่มการค้าหลัวถงมีอันใดผิดพลาดหรือไม่ขอรับ”
จางอี้หมิงเมื่อเห็นว่าการแนะนำตัวเสร็จสิ้นไปแล้ว จึงถือโอกาสถามถึงสินค้าที่ทางกลุ่มการค้าผลิตส่งให้กับกองกำลังเหลียงอันเพื่อความแน่ใจได้ในที่สุด
“เกลือผักกับน้ำตาลผัก หามีสิ่งใดผิดพลาดไม่ ในฤดูหนาวที่ยาวนานเช่นนั้นน้ำตาลผักที่นำไปทำเป็นชาผัก ช่วยไว้ได้มากทีเดียว ชาวบ้านรวมทั้งตัวข้าชื่นชอบยิ่งนัก ในปีนี้ทางกองกำลังเหลียงอันก็จะทำการซื้อสินค้าจากกลุ่มการค้าหลัวถงเพิ่มขึ้นอีก” ท่านอ๋องตอบ
“ท่านอาจารย์เทียน อาการป่วยของท่านเป็นเช่นไรบ้างขอรับ”
“หมิงหมิงน้อย ด้วยคำแนะนำการปฏิบัติของเจ้า อาการป่วยของข้าดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอบใจเจ้ายิ่งนัก” อาจารย์เทียนเอ่ยตอบคำถามเด็กน้อยด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยความสุข
“ได้เยินเช่นนี้ข้าดีใจยิ่งขอรับ และข้ายังมีข่าวดียิ่งขึ้นไปอีกนั่นคือ ทางกลุ่มการค้าหลัวถงมีสินค้าใหม่ที่คิดว่าท่านอ๋องน่าจะสนใจนำเสนอขายให้กับกองกำลังเหลียงอันอีกขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยต่อ
“โอ้ เช่นนั้นหรือ มิรู้ว่าเป็นสินค้าอันใด เป็นอาหารหรือไม่” ท่านอ๋องเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ
“เป็นอาหารขอรับ ข้าจำได้ว่าท่านอ๋องให้ข้าคิดถึงอาหารที่ขนส่งสะดวก รักษาไว้ได้นาน ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากและอิ่มท้องตอนนี้ข้าทำสำเร็จแล้วขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มน่ารัก เพราะเขาถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นกัน
“เจ้าว่าอันใดนะ อาหารที่ขนส่งสะดวก รักษาไว้ได้นานขั้นตอนไม่ยุ่งยากและอิ่มท้องเช่นนั้นหรือ มันคืออันใด วันนี้เจ้านำมาด้วยหรือไม่” ท่านอ๋องถึงกับเสียกิริยาผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้นั่ง
“ขอท่านอ๋องอย่าได้ตื่นเต้นไปขอรับ แน่นอนว่าวันนี้ข้านำมาด้วย แต่ข้าคงปรุงเองไม่ได้ คงต้องพึ่งพ่อครัวของจวนอ๋องแล้วขอรับ” จางอี้หมิงคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ได้รับคำฝากเมื่อวานแล้วว่าเส้นด้องแด้งแห้งต้องเป็นที่สนใจของท่านอ๋องเป็นแน่ เขาจึงเตรียมทุกอย่างมาในวันนี้ รวมทั้งน้ำปรุงรสด้วย
“ข้าจะเข้าครัวไปทำอาหารจากสินค้าที่ข้าคิดค้นขึ้นมา แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าสมควรพักเรื่องอาหารเอาไว้ก่อน ใกล้มื้อกลางวันค่อยกลับมาคุยกันอีกครั้ง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการปลูกผักมากกว่านะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง
“หมิงหมิงน้อย การปลูกผักในฤดูหนาวก็สำเร็จไปแล้ว ยังมีเรื่องอันใดที่พวกข้าต้องคำนึงถึงอีกเช่นนั้นหรือ” เป็นอาจารย์เทียนที่ได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เรียนท่านอาจารย์เทียน ท่านคงลืมไปกระมังว่า เหตุที่บ้านจางหรือกลุ่มการค้าหลัวถงมิสามารถส่งมอบน้ำตาลผักให้กับกองกำลังเหลีียงอันได้เป็นเพราะพวกเราขาดเชื้อเพลิงในการต้มน้ำตาลผักจำนวนมาก ดังนั้นท่านคิดว่าการก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่โรงเรือนปลูกผักตลอดปีจะต้องใช้เชื้อเพลิงมากมายขนาดไหนขอรับ
ที่แคว้นเหลียงมีฟืนเพียงพอเช่นนั้นหรือขอรับ ท่านมิต้องตัดไม้หมดแคว้นเพียงเพื่อเอามาก่อกองไฟให้ความอบอุ่นแก่โรงเรือนสำหรับปลูกผักหรือขอรับ” จางอี้หมิงพูดจบแล้วจึงเงียบลง เพื่อให้ผู้สูงศักดิ์ได้พิจารณาตามคำบอกของตนเอง
“จริงดังเจ้าว่าหมิงหมิงน้อย เราได้วิธีการปลูกผักในแคว้นเหลียงแล้วก็จริง แต่ว่าเราจะหาเชื้อเพลิงจำนวนมากมายมหาศาลได้จากที่ไหนกันเล่า ในเมื่อแต่ละแคว้นต่างก็ต้องการใช้ฟืนกันทั้งนั้น” หนิงอ๋องเปรยขึ้นมาเมื่อฟังคำถามของจางอี้หมิงเสร็จแล้ว
“เสด็จพ่อ ในเมื่อน้องชายหมิงเอ่ยถามขึ้นมามิใช่ว่าน้องชาย หมิงมีหนทางแก้ไขปัญหานี้แล้วเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องน้อยเอ่ยพลางหันไปถามหนิงอ๋อง
“ใช่แล้ว เด็กน้อยมิใช่เจ้ามีหนทางแก้ไขปัญหาแล้วเช่นนั้นหรอกหรือ”
หนิงอ๋องพิจารณาคำถามของอ๋องน้อยแล้วจึงหันหน้าไปถามจางอี้หมิงด้วยสายตาคาดหวัง
“ขอรับ ข้าได้คิดหนทางแก้ไขปัญหาไว้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องปรึกษาท่านเจ้าเมืองขอรับ ลำพังหมู่บ้านข้าคงไม่สามารถทำได้ ซึ่งปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงจะหมดไปและสามารถแก้ปัญหาให้กับทุกแคว้นเลยขอรับ” จางอี้หมิงตอบรับคำถามหนิงอ๋องพลางส่งยิ้มสดใสไปให้
“หนทางอันใด รีบเล่าออกมา” ท่านอาจารย์เทียนเอ่ยอย่างรีบร้อน
“ท่านอาจารย์เทียนจำต้นลูกหนามได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงถามกลับเสียงใส
“เจ้าคงมิได้หมายถึงว่า......”
“ท่านอาจารย์เทียนเดาได้ถูกต้องแล้วขอรับ ต้นลูกหนามมีมากมายหลายลี้ที่หมู่บ้านหลัวถง และข้ายังได้ข่าวลือมาอีกว่าพบป่าต้นลูกหนามในอีกหลายหมู่บ้าน เพียงแต่ท่านอ๋องทำข้อตกลงซื้อถ่านจากกลุ่มการค้าหลัวถง ข้าก็สามารถรับประกันได้ว่าแคว้นเหลียงจะมีถ่านเพียงพอจะก่อกองไฟให้ความร้อนแก่โรงเรือนปลูกผักได้แล้วขอรับ” จางอี้หมิงอธิบาย
“เดี๋ยวนะหมิงหมิงน้อย แต่ข้าได้ยินมาว่าเพียงนำลูกหนามมาทุบก็สามารถก่อกองไฟได้แล้ว แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าถ่าน ข้ายังมิค่อยเข้าใจหรือว่าข้าฟังผิดไปเช่นนั้นหรือ” ท่านอาจารย์เทียนเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย หรือว่าเขาแก่เลยหูฝาดไป
“นั่นสิหมิงเอ๋อร์ พ่อก็ได้ยินว่าถ่านนะ เหตุใดมิใช่ผลลูกหนามเปล่า ๆ เล่า” จางอี้เทาที่นั่งฟังบทสนทนามาตั้งนานเอ่ยถามด้วยเช่นกัน
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดขอรับ การที่ผลลูกหนามสามารถติดไฟได้โดยที่ไม่ต้องนำมาทำเป็นถ่านนั้นเป็นเรื่องจริง แต่หากว่าเอาผลลูกหนามมาแปรสภาพเป็นถ่านจะทำให้การติดไฟ การขนส่ง การควบคุมไฟง่ายขึ้น รวมถึงระยะเวลาที่ถ่านจะให้ความร้อนได้นานขึ้นขอรับ
ในเมื่อแคว้นเหลียงต้องการใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก ในระยะเวลาสิบปีแรกก่อนที่ต้นลูกหนามจะให้ผลผลิต เราต้องใช้ผลลูกหนามอย่างประหยัด เพราะนอกจากจะนำไปทำเชื้อเพลิงให้กับโรงเรือน พวกท่านอย่าลืมนะขอรับ ชาวบ้านยังต้องการความอบอุ่นจากไฟในการคลายหนาวด้วย” จางอี้หมิงเอ่ยเตือน
“เจ้าหมายถึงว่าต้นลูกหนามสามารถเพาะปลูกได้เช่นนั้นหรือ” หนิงอ๋องเอ่ยถามขึ้น
“ถูกต้องขอรับ ต้นลูกหนามสามารถปลูกได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานอาจจะเป็นสิบปีที่จะให้ผลผลิต แต่ว่าเมื่อออกผลแล้วจะสามารถเก็บกินได้ตลอด การดูแลรักษาก็ไม่ยาก เมืองไห่ถังหรือเมืองอื่น ๆ ที่มีพื้นที่ติดทะเล สามารถปลูกได้ทั้งหมด หากว่าเรานำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านเจ้าเมือง ให้ส่งเสริมการปลูกต้นลูกหนามเพื่อค้าขายกับแคว้นเหลียงเช่นนี้ แคว้นเหลียงก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อเพลิงในการปลูกผักแล้ว ทว่าต้องเสียใจกับแคว้นเหลีียงด้วยที่ไม่สามารถปลูกต้นลูกหนามเองได้ เพราะต้นลูกหนามต้องการดินเฉพาะในการเติบโตขอรับ”
จางอี้หมิงนำเรื่องนี้มาปรึกษากับท่านอ๋องเพราะหากท่านอ๋องตกลงทำสัญญาเรื่องการซื้อเชื้อเพลิงจากแคว้นฉิน การผลักดันให้ชาวบ้านปลูกก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
โดยเขาวางแผนว่าลูกหนามส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ใช้ในแคว้นฉินเมื่อถึงฤดูหนาว ที่เหลือเขาจะทำเป็นถ่านส่งให้แคว้นเหลียง
เมื่อกำลังการผลิตไม่เพียงพอ เขาจะทำการขายแฟรนไชส์ออกไป โดยต้องทำหนังสือสัญญาระหว่างแคว้น คือสินค้าถ่านจากต้นลูกหนามต้องทำการขายให้กับเถ้าแก่หวังเพียงเท่านั้น เพราะกลุ่มการค้าหลัวถงมอบหมายให้เถ้าแก่หวังเป็นตัวแทนของกลุ่ม ในอนาคตหากเถ้าแก่หวังมิสามารถทำหน้าที่นี้ได้ กลุ่มการค้าจะเปลี่ยนแปลงผู้เป็นตัวแทนนั้นก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต
“ขอเพียงให้การปลูกผักในแคว้นเหลียงประสบความสำเร็จ ต้องการให้ข้าทำอันใดขอเพียงเจ้าบอกมา” หนิงอ๋องสรุปความ
“สำหรับเรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากท่านเจ้าเมืองด้วยขอรับ ในวันพรุ่งนี้ข้าจะเข้าพบท่านเจ้าเมือง เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรแล้ว ข้าจะนำข่าวมาแจ้งทีหลังนะขอรับ” จางอี้หมิงบอกหนิงอ๋อง
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าคงจะทำอาหารที่เจ้าว่าให้ข้าได้ทดลองชิมแล้วใช่หรือไม่” หนิงอ๋องเอ่ยถามขึ้นอีกเรื่องเมื่อการปลูกผักได้ข้อสรุปแล้ว
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวไปที่ห้องครัวก่อนนะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยขอตัว
“เสด็จพ่อ ข้าขอไปที่ห้องครัวกับน้องชายหมิงนะพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องน้อยอยากเห็นความสามารถของเด็กชาย จึงขอไปด้วย
“ไปเถอะ พ่ออนุญาต อี้เทา เช่นนั้นเจ้าก็มาเล่นหมากกับข้าสักตาเถอะระหว่างที่รออาหาร ข้าจำได้ว่าระหว่างเรายังไม่ได้ข้อสรุปในครั้งก่อนนั้น” หนิงอ๋องเอ่ยอนุญาตอ๋องน้อยแล้วจึงหันมาบอกจางอี้เทา
“ด้วยความยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
จางอี้เทาตอบรับด้วยความยินดี เหตุใดเขาจะไม่ชอบใจเล่าเนื่องจากการเล่นหมากกับผู้้สูงศักดิ์เช่นนี้เท่ากับเป็นการพัฒนากระบวนการความรู้ได้อีกทางหนึ่ง
บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นจึงได้นำกระดานหมากมาให้เจ้านายของตนเอง
อ๋องน้อยเมื่อได้รับอนุญาตจึงเดินตามจางอี้หมิงไปทางห้องครัวโดยไว องค์ชายน้อยรู้สึกสนใจไม่น้อยและเขาจะต้องตีสนิทด้วยให้จงได้
ข้าขอชมความฉลาดของเจ้าหน่อยเถิด...หมิงหมิงน้อย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?