ตอนที่ 49 ข้อแลกเปลี่ยน

รถม้าคันใหญ่ของเถ้าแก่หวังซึ่งข้างในประกอบไปด้วยเถ้าแถ่หวัง จางอี้เทาและจางอี้หมิงกำลังเคลื่อนตัวออกไปทางนอกเมือง มุ่งหน้าไปยังที่ประทับของหนิงอ๋องภายในแคว้นฉินนี้ เมื่อไปถึงหน้าประตูจวน อาคุนเป็นผู้ลงไปแจ้งให้กับทหาร เพื่อแจ้งให้กับเจ้าของจวนทราบ รอเพียงหนึ่งเค่อ ท่านอ๋องจึงมีรับสั่งให้แขกผู้มาเยือนได้เข้าเฝ้า

ณ ห้องทรงงานของหนิงอ๋องซึ่งประทับอยู่กับอาจารย์เทียนอี้ พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองผู้ที่เข้าเฝ้าในเวลานี้ หลังจากที่ทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องจึงอนุญาตให้นั่งตรงเก้าอี้ตำแหน่งเดิมเมื่อสองวันก่อน

“เถ้าแก่หวัง มาหาข้าในวันนี้โดยมิได้นัดหมายและยังแจ้งว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องด่วนอันใด” หนิงอ๋องเมื่อเห็นทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยปากถาม

“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้ท่านทราบขอรับ” เถ้าแก่หวังตอบคำถาม

“แล้วมันเป็นเรื่องอันใดกันเล่า”

“ข้าน้อยขออนุญาตให้จางอี้หมิงเป็นผู้รายงานขอรับ” เถ้าแก่หวังเห็นว่าให้เด็กน้อยรายงานจะเป็นผลดีมากกว่าจึงปัดป่ายไปทางจางอี้หมิง

“ได้ ข้าอนุญาต”

“เรียนท่านอ๋อง เป็นความผิดของข้าน้อยที่รับใบสั่งซื้อน้ำตาลผักจากท่านมาเป็นจำนวนมาก โดยมิได้คำนึงถึงปัญหาเรื่องสำคัญนั่นคือเชื้อเพลิงหรือฟืนขอรับ ชาวบ้านไม่มีฟืนมากพอในการทำน้ำตาลผักได้ เนื่องจากหากนำฟืนมาทำน้ำตาลผักเสียหมดแล้ว ชาวบ้านจะไม่มีฟืนหรือเชื้อเพลิงเพียงพอใช้ในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ขอรับ”

“ปัญหานี้คือปัญหาของเจ้า หาใช้ปัญหาของข้าไม่ ในเมื่อรับใบสั่งซื้อไปแล้วหากทำไม่ได้เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น” หนิงอ๋องตอบอย่างเฉยชาและไร้ความเมตตา

ในเมื่อตกลงกันแล้วย่อมต้องหาทางทำตามให้จงได้

“ข้าน้อยทราบขอรับ ดังนั้นข้าน้อยจึงมีทางออกมานำเสนอ ข้าน้อยสามารถส่งหัวเชื้อน้ำตาลผักจำนวนหนึ่งพันไหให้กับท่านอ๋องได้ตรงตามเวลาที่กำหนด เพียงแต่ท่านอ๋องจำเป็นต้องนำไปทำน้ำตาลผักเองที่แคว้นของท่าน ข้าสามารถบอกสูตรการทำน้ำตาลผักจากหัวเชื้อให้ได้ขอรับ

ข้อดีคือการขนย้ายน้ำตาลผักจะง่ายขึ้น ท่านอ๋องขนส่งเพียงหนึ่งพันไหแทนที่จะเป็นหนึ่งแสนไห พื้นที่ว่างท่านอ๋องยังสามารถหาซื้อสินค้าหรืออาหารชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ขอรับ” จางอี้หมิงบอกถึงประโยชน์ข้อเสนอของเขา

 ตกลง ท่านต้องตกลงเท่านั้น

“เป็นการหาทางออกที่ดีแต่ข้าไม่มีปัญหาในการขนย้ายต่อให้มีเป็นล้านไห กองกำลังเหลียงอันก็ไม่มีปัญหา นับประสาอันใดกับแค่เพียงหนึ่งแสนไห ข้าต้องการน้ำตาลผักตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก พวกเจ้าจะไปแก้ปัญหาเช่นไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” หนิงอ๋องยังยืนยันคำเดิม

“ท่านอ๋อง มีอันใดที่ข้าสามารถทำได้เพื่อให้ท่านยอมรับเงื่อนไขการรับหัวเชื้อน้ำตาลผักในครั้งนี้ขอรับ ขอท่านอ๋องจงแจ้งแก่ข้าน้อย” จางอี้หมิงลุกจากเก้าอี้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหนิงอ๋องอย่างขอความเมตตา

“แล้วเจ้ามีอันใดที่เอามาแลกเปลี่ยนเพื่อให้ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้าเล่า”

ท่านอ๋อง ท่านจะรังแกเด็กไปถึงไหน เหตุใดถึงคุยยากคุยเย็น เมื่อสองวันก่อนไม่เห็นเขี้ยวลากดินเช่นนี้ ออกจะดูใจดีและยังสั่งสอนเขาด้วย คิดหรือว่าเขาจะยอมแพ้

“ข้าน้อยมิทราบว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องต้องการ ข้าน้อยจึงไม่ทราบว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับการแลกเปลี่ยนขอรับ” จางอี้หมิงยังคงควบคุมอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น เขาท่องยุบหนอ พองหนอในใจเป็นรอบที่ร้อยก่อนเอ่ยตอบไปอย่างใจเย็น

“ถ้าหากข้าต้องการให้เจ้าผลิตสิ่งที่เป็นอาหารแลกกับการยอมรับหัวเชื้อน้ำตาลผัก เจ้าทำได้หรือไม่ ข้ายินดีรับซื้ออาหารนั้นเป็นการตอบแทน” หนิงอ๋องเอ่ยสิ่งที่ต้องการขึ้นมา 

จางอี้หมิงได้ฟังเช่นนั้นแล้วเขาจึงนึกถึงบทสนทนาระหว่างเถ้าแก่หวังกับจางอี้เทาก่อนที่จะมาเยือนจวนอ๋องแห่งนี้

“อาหารหรือขอรับ นอกจากผักดอง เนื้อย่าง ปลาย่างแล้ว อาหารอันใดที่เก็บไว้ได้นานและเคลื่อนย้ายขนส่งสะดวกเพื่อนำไปยังแคว้นของท่าน ผ่านไปไม่ถึงสองสามวันอาหารก็บูดเน่าเสียแล้วมิใช่หรือขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามขึ้นมา

“ถ้าข้ารู้ข้าจะถามเจ้าหรือ”

“ข้าเป็นเด็กน้อยเพียงเท่านี้ คงไม่สามารถคิดอาหารได้ตามที่ท่านอ๋องต้องการ ถ้าหากมันง่ายเช่นนั้นคงมีคนคิดอาหารนั้นขึ้นมาตั้งนานแล้วขอรับ แม้แต่ท่านอ๋องยังคิดไม่ได้ แล้วท่านคิดหรือว่าข้าจะมีความสามารถนั้นหรือขอรับ” จางอี้หมิงบอกเสียงเรียบ เขาพยายามไม่โวยวายงอแง

“บังอาจ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้ากล้าตำหนิท่านอ๋องเช่นนั้นหรือ คงไม่อยากมีหัววางไว้บนบ่าแล้วใช่หรือไม่” อาจารย์เทียนอี้ทนไม่ไหวที่เจ้านายของตนถูกหลบหลู่เช่นนี้จึงตวาดออกไป

“ขอประทานอภัย ข้าหาได้มีเจตนาลบหลู่ท่านอ๋องไม่ ข้าเพียงพูดความจริงเท่านั้น” 

จางอี้หมิงรีบก้มหัวโขกลงกับพื้นเพื่อขออภัย

นี่อันใดเล่าที่เขาไม่อยากติดต่อกับราชวงศ์เพราะไม่รู้เมื่อไรจะทำให้ไม่พอใจ ยุคสมัยนี้ ระดับชั้นทางสังคมแตกต่างกันเกินไป

จางอี้เทารีบลงไปนั่งคุกเข่าข้าง ๆ บุตรชาย เขายกมือคารวะขอร้องหนิงอ๋องให้อภัยกับความไม่รู้ความของจางอี้หมิง

“เรียนท่านอ๋อง ขออย่าได้กริ้วบุตรชายของกระหม่อมเลยพะยะค่ะ เขายังเด็กมากนัก”

“จางอี้หมิงหยุด ท่านอาจารย์พอได้แล้ว เด็กน้อย เงยหน้าขึ้นมา” หนิงอ๋องรับสั่งเสียงดัง จางอี้หมิงหยุดโขกศีรษะทันที 

เจ็บโคตร คอยดูเถอะถ้ามีโอกาสอย่าหาว่าข้าใจร้ายเอาคืนท่าน จางอี้หมิงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอดทน

“ขอรับ”

“พวกเจ้าสองคนพ่อลูก ไปนั่งที่เดิมได้” ท่านอ๋องออกคำสั่ง

จางอี้เทาและจางอี้หมิงจึงลุกขึ้นโดยอี้เทาพยุงบุตรชายที่จับหน้าผากป้อย ๆ ไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม

“จางอี้หมิง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังทดสอบเจ้าอยู่” หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวล แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับก่อนหน้านี้

“ขอรับ”

“ฮะ ฮะ ฮะ ท่านอาจารย์ ท่านแพ้แล้ว” หนิงอ๋องหัวเราะอย่างถูกพระทัย

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องทรงปรีชาสามารถยิ่ง ข้ายอมรับความพ่ายแพ้พ่ะย่ะค่ะ” เทียนอี้ยกมือขึ้นคารวะ เอ่ยชมความสามารถของเจ้านาย

“เด็กน้อย ข้าอยากรู้นักเหตุใดเจ้าถึงรู้ว่าข้ากำลังทดสอบเจ้าอยู่”

“ดวงตาขอรับ สายตาของท่านอ๋องมิได้มีเจตนาร้ายหรือคุกคามขอรับ เมื่อรวมกับเมื่อสองวันก่อนที่ข้าน้อยได้สัมผัสกับท่านอ๋อง ทำให้ข้าน้อยมั่นใจว่าท่านอ๋องมิได้มีเจตนาร้ายขอรับ”

“แต่เจ้าก็ยังทำท่าทางหวาดกลัวข้า ยอมโขกหัวกับพื้นจนแดงไปหมด เพราะเหตุใดเล่า”

“ข้าน้อยยอมรับความประมาทของตนเองและประเมินสถานการณ์ตามที่ท่านอ๋องได้สอนสั่งไว้เมื่อสองวันก่อนขอรับ ชาวบ้านธรรมดาทำผิดหรือไม่ ก็ต้องรับผิดไว้ก่อนขอรับ”

“ดี เจ้าเรียนรู้ได้เร็วดีมาก เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องล้อเล่นได้แล้ว ข้ามิได้ล้อเล่นในเรื่องข้อเสนอเกี่ยวกับการทำอาหาร หากเจ้าสามารถผลิตอาหารตามที่ข้าได้บอกไป นอกจากเจ้าจะได้ลูกค้าเป็นกองกำลังเหลียงอันแล้ว เจ้ายังถือเป็นผู้มีพระคุณของแคว้นเหลียงอีกด้วย ข้าจะขอพระราชทานรางวัลเป็นกรณีพิเศษ เจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่”

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอบังอาจถามเกี่ยวกับเรื่องการทดสอบเพื่อรับตำแหน่งรัชทายาท ท่านอ๋องมีความต้องการที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือไม่ขอรับ” 

“หมิงเอ๋อร์ ลูกกำลังล่วงเกินราชวงศ์อยู่นะ ขอประทานอภัยท่านอ๋องเดี๋ยวนี้” จางอี้เทาเมื่อได้ยินคำถามของบุตรชายถึงกับหน้าซีด เหตุใดบุตรชายของเขาถึงได้กล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ถึงแม้ท่านอ๋องจะอนุญาตให้ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถก้าวก่ายเช่นนี้ได้

“ไม่เป็นไรจางอี้เทา เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้เล่า” ท่านอ๋องโบกพระหัตถ์ว่าไม่ถือสาแล้วถามอี้หมิงต่อ

“ขอท่านอ๋องตอบคำถามข้าน้อยด้วยขอรับ” เด็กน้อยไม่ตอบคำถามแต่ต้องการคำยืนยันแทน

“ใช่ ข้าต้องการตำแหน่งรัชทายาท หากแต่มิใช่เพราะว่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนแคว้นเหลียงเป็นที่ตั้ง หากข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ความสัมพันธ์ของแคว้นจ้าวและแคว้นเหลียงยังคงดี สงครามก็จะไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่ข้ายังเป็นฮ่องเต้ 

ข้าต้องการให้ชาวบ้านประชาชนของแคว้นเหลียงได้มีชีวิตที่ดี ถึงแม้ว่าพวกเราจะร่ำรวย แต่เจ้าคงไม่รู้ว่าอาหารเป็นปัญหาสำคัญไม่ว่าจะเป็นแคว้นจ้าวหรือแคว้นเหลียง แคว้นฉินของเจ้าช่างอุดมสมบูรณ์ มีอาหารมากมายเพียงพอต่อคนในแคว้น ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก”

“แต่แคว้นฉินเป็นเมืองใต้อำนาจของแคว้นจ้าว ไม่มีผู้ใดต้องการอยู่ใต้อำนาจของผู้อื่น แคว้นฉินต้องส่งเครื่องบรรณาการให้แคว้นจ้าวทุกปี ดังนั้นการเป็นอิสระอาจจะเป็นสิ่งที่คนแคว้นฉินต้องการมากที่สุดก็เป็นได้ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยแย้งหนิงอ๋อง

“ข้าได้ตอบคำถามของเจ้าแล้วเด็กน้อย ที่นี่บอกได้หรือยังว่าคำตอบของข้าเกี่ยวข้องอันใดกับการตัดสินใจของเจ้า” หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้น

“เถ้าแก่หวังกับท่านพ่อของข้าบอกว่า แคว้นเหลียง แคว้นจ้าวขาดแคลนอาหาร ปลูกพืชผักไม่ได้เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ถ้าหากว่าข้าสามารถบอกวิธีการปลูกพืชผักให้กับท่านอ๋องเพื่อประชาชนแคว้นเหลียงจะได้มีผักสด ๆ ไว้ทำอาหาร สิ่งนี้มีค่าเพียงพอให้ท่านอ๋องได้รับคัดเลือกเป็นองค์รัชทายาทหรือไม่ขอรับ”

“จางอี้หมิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดอันใดออกมา เจ้าสามารถปลูกผักในพื้นที่แคว้นเหลียงได้เช่นนั้นหรือ” หนิงอ๋องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์ลุกขึ้นยืนใช้สองมือท้าวกับโต๊ะทรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกระคนตื่นเต้น

“ข้าน้อยมิสามารถรับรองได้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เพราะข้าน้อยกำลังจะทดลองทำการปลูกผักที่บ้านข้าน้อยในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ ผ่านฤดูหนาวไปแล้ว ข้าน้อยถึงจะสามารถบอกท่านอ๋องได้ขอรับ” 

“นี่เจ้าถึงกับรู้วิธีการปลูกผักในฤดูหนาว จางอี้เทา เจ้ารู้หรือไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” หนิงอ๋องหันไปถามบิดาของเด็กน้อยอย่างสงสัย

เด็กเพียงห้าขวบคิดได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“เอ่อ เอ่อ” จางอี้เทาติดอ่างขึ้นมาทันทีเพราะเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชายรู้วิธีการปลูกพืชในฤดูหนาวด้วย

“เรียนท่านอ๋อง ท่านพ่อมิทราบเรื่องนี้ขอรับ เป็นความคิดของข้าน้อยเองขอรับ”

“จางอี้หมิง ข้าจะไม่เค้นถามเจ้าว่ารู้ได้เช่นไร ขอเพียงเจ้าทำได้สำเร็จ ไม่ว่าความรู้นั้นจะมาจากไหนหาใช่เรื่องสำคัญไม่ ข้าฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้ว” หนิงอ๋องสังเกตเห็นท่าทางอึดอัดในการตอบคำถาม พระองค์จึงเอ่ยให้เด็กน้อยสบายใจ 

เหตุใดต้องถามหาต้นเหตุให้มากความ เขาสนใจผลลัพธ์ต่างหากเล่า

“จางอี้หมิง เพราะเหตุใดเจ้าจึงมีความมั่นใจว่ามันจะสำเร็จ เพราะเหตุใดเจ้าจึงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” อาจารย์เทียนอี้เอ่ยถามขึ้นมาบ้างหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด

ตัวเขาอายุปูนนี้ ความรู้มากมายแต่มิเคยรู้มาก่อนว่าสามารถปลูกผักในฤดูหนาวได้ด้วย ถ้าหากว่าทำได้ก็นับเป็นข่าวดีมาก ๆ มิเสียแรงที่ท่านอ๋องตัดสินใจออกมาหาซื้ออาหารแถบชายแดนแทนที่จะเป็นเมืองหลวงดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา

“เรียนท่านอาจารย์เทียน ตามที่ข้าได้ตอบไปแล้ว ต้องให้ผ่านฤดูหนาวไปก่อนข้าถึงจะตอบได้ขอรับ” 

“นับว่าเป็นข่าวดี ได้ ข้าตกลงรับหัวเชื้อน้ำตาลผักของเจ้าในราคาเท่าเดิม เจ้าเพียงสอนวิธีการทำน้ำตาลผักจากหัวเชื้อตามที่เจ้าบอกมาตั้งแต่แรก แต่เรื่องการปลูกผักในฤดูหนาวนี้ ข้าจะให้อาจารย์เทียนอยู่ที่แคว้นฉินตลอดฤดูหนาว ข้าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งหลังปีใหม่เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว

หากเจ้าทำการทดลองปลูกผักไม่สำเร็จ ดังนั้นข้าจะขอคำสัญญาให้คิดค้นการทำอาหารเพื่อส่งไปขายให้กับแคว้นเหลียง เช่นนี้เจ้าตกลงหรือไม่”

“ข้ายินดีรับคำขอร้องนี้ขอรับ ข้าคิดว่าข้าสามารถผลิตอาหารตามที่ท่านอ๋องต้องการได้ เพียงแต่ต้องทำการทดลองอีกเล็กน้อย ให้ท่านอาจารย์เทียนอยู่ที่นี่เพื่อดูผลการทดลองก็ไม่เป็นปัญหาขอรับ ท่านอาจารย์จะได้รู้ว่าข้าทำได้จริงหรือไม่” 

“วันนี้ข้าช่างมีความสุขยิ่งนัก อย่างนี้ต้องฉลองให้กับความสำเร็จในวันข้างหน้า วันนั้นข้ายังมิทันได้กินหุบเขาเดียวดายก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เอาเป็นว่าวันนี้เจ้าทำหุบเขาเดียวดายให้ข้าชิมอีกครั้งได้หรือไม่” 

หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงหลังจากที่ได้รับรู้ความสามารถของเด็กน้อยคนนี้แล้ว อนาคตของแคว้นเหลียงอาจจะดีขึ้นด้วยความสามารถของเด็กตรงหน้าก็เป็นได้

“เรียนท่านอ๋อง จะเป็นอันใดหรือไม่หากว่าท่านอ๋องจะไปชิมหุบเขาเดียวดายที่เหลาอาหารซิ่งฝูแทนที่จะเป็นจวนอ๋องแห่งนี้ขอรับ เนื่องจากข้าน้อยมิสามารถลงมือปรุงอาหารด้วยตนเองได้ อีกหนึ่งทางเลือกท่านอ๋องเพียงส่งคนไปรับหัวหน้าพ่อครัวเหลาซิ่งฝูมาทำหุบเขาเดียวดายที่จวนอ๋องแห่งนี้ ขอเชิญท่านอ๋องเลือกขอรับ” 

“ให้ทหารไปรับพ่อครัวเหลาซิ่งฝูมาทำอาหารที่จวนแห่งนี้ก็แล้วกัน” อาจารย์เทียนอี้หลังจากที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้นจึงได้เดินกะเผลกจากไปสั่งงานตามพระประสงค์ของหนิงอ๋อง หายไปไม่นานแล้วกลับเข้ามาในห้องทำงานเช่นเดิม

ระหว่างที่รอหุบเขาเดียวดาย ในเมื่อไม่มีสิ่งใดทำ หนิงอ๋องจึงชวนจางอี้หมิงเล่นหมาก แต่เพราะเด็กน้อยเล่นไม่เป็น จางอี้เทาจึงเป็นฝ่ายเล่นแทน

“ข้าน้อยเล่นไม่เป็นขอรับ แต่ท่านพ่อเล่นเก่งมาก ท่านพ่อเอาชนะท่านปู่หลินได้ด้วย” จางอี้หมิงเอ่ยชมบิดาตนเองให้ท่านอ๋องได้ฟัง

“เช่นนั้นเจ้าก็มาเล่นหมากกับข้าสักตาก่อนที่หุบเขาเดียวดายจะพร้อมดีหรือไม่” หนิงอ๋องหันไปกล่าวกับจางอี้เทา

“ด้วยความยินดีพ่ะย่ะค่ะ โปรดออมมือให้กระหม่อมด้วย” 

เมื่อท่านอ๋องและจางอี้เทาตกลงประลองหมากกันแล้ว ทั้งหมดจึงย้ายไปนั่งเล่นที่ศาลากลางสระบัว พวกมันกำลังชูช่อออกดอกเล็กใหญ่ไปทั่วบึง กลิ่นหอมของดอกไม้เพิ่มความมีเสน่ห์ของศาลาบัวแห่งนี้ไปอีกเท่าตัว

 ทางด้านอาจารย์เทียนอี้กับจางอี้หมิงแยกตัวออกห่างมาเล็กน้อยเพื่อคุยกันถึงความเจ็บป่วยของอาจารย์เทียน

“จางอี้หมิง สิ่งที่เจ้าประเมินไว้ว่าข้าป่วยนั้นเป็นความจริง ขอเจ้าบอกกล่าวแก่ข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ว่าข้าต้องทำเช่นไร” เทียนอี้เอ่ยถามเด็กน้อยผู้ซึ่งบอกอาการป่วยของตนเองได้อย่างกับเป็นหมอหลวง 

“ได้ขอรับ ท่านอาจารย์อี้ต้องเริ่มจากการออกกำลังกาย อาหารที่กินเข้าไป การพักผ่อน การกินยาต้ม....” จางอี้หมิงเล่าถึงวิธีการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้กับท่านอาจารย์เทียนอี้ฟัง

เขามิใช่หมอที่จะรักษาคนได้ แต่จากอาการที่เห็นรวมถึงวิธีการปฏิบัติตัวที่แนะนำไปก็เป็นสิ่งที่ดีแก่ผู้ป่วยโดยทั่วไปอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าในที่สุด อาจารย์เทียนจะไม่เป็นโรคเบาหวานแต่วิธีที่เขาบอกก็ไม่เป็นผลร้ายต่ออาจารย์เทียนแน่นอน

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม พ่อบ้านประจำจวนจึงมาทูลเชิญเจ้าของจวนไปเสวยอาหารที่หัวหน้าพ่อครัวเหลาซิ่งฝูได้จัดทำขึ้นมาถวาย หนิงอ๋องกับจางอี้เทาที่กำลังวางกลยุทธล่อลวงอีกฝ่ายให้ตกหลุมพรางต่างก็เสียดายที่มิอาจรู้ผลแพ้ชนะได้ในวันนี้

“น่าเสียดายที่มิอาจจะรู้ผลแพ้ชนะได้ในวันนี้ โอกาสหน้าพวกเราคงได้ประลองฝีมืออีกครั้ง” หนิงอ๋องเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย 

พระองค์ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ เกี่ยวกับสองพ่อลูกสกุลจาง ไม่ว่าจะคนพ่อหรือคนลูกก็ล้วนมีบางสิ่งที่น่าสนใจ

ทางด้านจางอี้หมิงถูกตามตัวไปพบกับอู๋เจ๋อในครัวเพราะเขาให้เหตุผลกับอาหยางว่าต้องการถามสูตรนิดหน่อย แต่เหตุผลหลักที่แท้จริงคืออู๋เจ๋อได้รับคำสั่งมาจากเถ้าแก่หลินเพื่อนำความมาแจ้งแก่หลานบุญธรรม

“หมิงหมิงน้อย เถ้าแก่หลินฝากความมาบอกให้เจ้าเชิญท่านอ๋องไปงานเลี้ยงเปิดรายการอาหารชนิดใหม่ในอีกสามวันข้างหน้า นี่เป็นเทียบเชิญ” อู๋เจ๋อบอกความตามที่ได้รับคำสั่งมาพร้อมกับยื่นเทียบเชิญให้กับจางอี้หมิงแล้วก้มหน้าบอกต่อ

“เถ้าแก่ยังบอกอีกด้วยว่าให้บ้านเจ้าไปด้วยในวันนั้น เถ้าแก่จะเตรียมโต๊ะไว้รอ”

“ได้ขอรับท่านลุงอู๋ ข้าขอตัวออกไปหาท่านอ๋องก่อนนะขอรับ” 

จางอี้หมิงรับเทียบเชิญมาแล้วจึงขอตัวกลับไปยังศาลา ระหว่างทาง เขาพบกับขบวนของหนิงอ๋องที่กำลังย้ายจากศาลาไปยังห้องเสวย จางอี้หมิงรีบเบนเท้าเดินไปสมทบด้วยอีกคน

ในวันนี้ ท่านอาจารย์เทียนอี้กินหุบเขาเดียวดายอย่างไม่มีปัญหาเพราะจำประสบการณ์จากครั้งที่แล้วได้อย่างแม่นยำ ท่านอ๋องพอใจมากจนประทานเงินให้กับอู๋เจ๋อถึงหนึ่งตำลึงทองและอู๋หมินห้า ตำลึงเงิน ทั้งสองคนลุงหลานถึงกับคุกเข่าขอบคุณอยู่นาน 

ในส่วนของสองพ่อลูกสกุลจาง ท่านอ๋องมิได้มอบรางวัลอันใดให้ แต่พระองค์ประทานรถม้าให้พวกเขาจางหนึ่งคัน ทรงให้เหตุผลว่าต่อไปจะต้องทำการทดลองในการปลูกผักฤดูหนาว รวมถึงต้องคิดค้นอาหารซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับแคว้นเหลียงมีค่ามากและเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้กับรถม้าเพียงคันเดียวที่เอาไว้ใช้สอยในการทำงาน

จางอี้หมิงปฏิเสธรถม้าที่ท่านอ๋องประทานให้เพราะยังไม่มีคนดูแลและครอบครัวจางก็หาได้มีเงินมากพอที่จะจ้างคนดูแลรถม้าได้ ท่านอ๋องจึงให้ทหารของกองกำลังเหลียงอันนายหนึ่งทำหน้าที่ตรงนี้

ในเรื่องที่อยู่อาศัย ท่านอ๋องจะให้ช่างไปสร้างบ้านชั่วคราวในที่ดินของบ้านสกุลจางเพื่อไว้เป็นที่พักของคนขับรถม้า และบางครั้งท่านอาจารย์เทียนอี้อาจจะไปค้างที่นั้นเพื่อศึกษาการปลูกผักในอนาคตด้วย เนื่องจากในฤดูหนาวการเดินทางคงลำบากมาก

ท่านอ๋องให้คนเรียกนายช่างเหอมาเข้าพบที่จวนอ๋องในตอนเย็น เมื่อถึงเวลาพรุ่งนี้จะได้ทำการก่อสร้างได้ตามปกติ หากขาดแรงงานพระองค์จะได้ให้ทหารไปช่วยในการสร้างบ้านอีกทางหนึ่ง

จางอี้เทาและจางอี้หมิงยินยอมตามรับสั่งของท่านอ๋อง ก่อนเสร็จสิ้นการตกลงการค้าในวันนี้ จางอี้หมิงได้ส่งเทียบเชิญให้ท่านอ๋องไปงานเลี้ยงเปิดตัวรายการอาหารของเหลาซิ่งฝูในอีกสามวันข้างหน้าด้วย ซึ่งหนิงอ๋องยินดีรับคำเชิญ

“เด็กเจ้าเล่ห์ เจ้าเชิญข้าไปร่วมงานเช่นนี้มิใช่วางแผนสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือใช่หรือไม่” ท่านอ๋องถึงกับเคาะลงไปบนหน้าผากเด็กน้อยหนึ่งที เหตุที่แอบเอาตัวเขาไปข่มขวัญเหลาอาหารเฟิงฟู่ ผู้ใดจะไม่รู้ว่าสองเหลาอาหารนี้แข่งขันกันอย่างลับ ๆ 

“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ หรือท่านอ๋องไม่อยากชิมอาหารรสเลิศกันเล่า” 

“ตอบได้ดี วันนี้พวกเจ้าก็กลับไปกันเถอะ เถ้าแก่หวัง อย่าลืมส่งน้ำตาลผักรอบแรกให้ตรงเวลาด้วย” ท่านอ๋องยกยิ้มเอ่ยอนุญาตให้ทุกคนกลับบ้านได้

“ขอรับ”

เถ้าแก่หวัง จางอี้เทาและจางอี้หมิงออกจากจวนอ๋องด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยปัญหาน้ำตาลผักก็ได้รับการแก้ไขแล้ว ในส่วนของอาหารชนิดใหม่และการปลูกผักในฤดูหนาวก็ค่อยคิดกันต่อไป 

เฮ้อ โล่งไปหนึ่งเรื่องแล้วจางอี้หมิง

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ