ตอนที่ 39. ช่วยข้าที

เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน สุริยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า แต่สมาชิกตระกูลจางต่างก็พากันลุกขึ้นมาจัดการหน้าที่ของตนเองแล้ว แม้แต่เด็กน้อยอย่างจางอี้หมิงก็ตื่นนอนมาเตรียมตัวด้วย

เมื่อวานตอนเย็นหลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกัน พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่าจะลงหลักปักฐานเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หมู่บ้านหลัวถงนี้

ดังนั้นแล้ว จางอี้หมิงจึงได้ขอโฉนดที่ดินมาจากท่านย่าเพื่อนำมาวางแผนผังการใช้สอยที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินของตระกูลจางมีทั้งหมดสามสิบหมู่และอยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างให้ตอนนี้อยู่ห่างจากลำธารพอสมควร จางอี้หมิงจึงเสนอให้แบ่งที่ดินออกเป็น 5 ส่วน ในเมื่อสกุลจางตกลงที่จะเป็นพ่อค้าคนกลางแล้ว ที่ดินที่จะใช้ในการปลูกพืชผักจึงตัดออกไปเสียมาก เหลือเพียงไว้ใช้ปลูกพืชผักเพื่อกินเองเท่านั้น

บริเวณหน้าบ้าน อี้หมิงตั้งใจจะสร้างเป็นสถานศึกษาในอนาคต ที่ดินจึงถูกกันไว้มากหน่อย บ้านที่กำลังจะสร้างในอีกไม่กี่วันนี้เป็นแบบชั่วคราวเพื่อรอให้ชาวบ้านร่ำรวยและสร้างไปพร้อมกัน จึงจัดไว้ตรงกลาง เหลือพื้นที่หลังสุดที่อยู่ใกล้ลำธารสำหรับสร้างบ้านที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ในภายหลัง

เมื่อวาดแบบออกมาอย่างคร่าว ๆ แล้ว ทุกคนในบ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าดีและเหมาะสม

กลับมายังปัจจุบัน รถม้าของเถ้าแก่หวังวิ่งมาจอดตรงหน้าบ้านสกุลจางตามเวลาเหมือนเช่นเคย เถ้าแก่หวังลงจากรถม้า เขาเอ่ยทักทายเจ้าบ้านพอเป็นพิธี 

“เถ้าแก่หวัง ข้าว่าพวกเราคุยรายละเอียดกันบนรถม้าดีหรือไม่ขอรับจะได้ไม่เสียเวลา เพราะข้าอยากจะไปทำธุระในเมืองให้เสร็จภายในวันนี้ ข้ากับชาวบ้านจะได้มีเวลาทำน้ำตาลผักส่งให้กับเถ้าแก่ได้เร็วขึ้น” จางอี้เทาทักทายเถ้าแก่หวังเสร็จแล้วก็ออกความเห็น

“ได้ ได้ เช่นนั้นอาคุณ เจ้าไปขนน้ำตาลผักขึ้นรถม้าเลย” เถ้าแก่หวังตอบตกลง ก่อนจะหันไปสั่งคนงานของตนเอง อาคุนเคยมารับน้ำตาลผักแล้ว จึงจำได้ว่าต้องทำเช่นไร

จางอี้เทา นางหูและหลี่อ้ายต่างก็ช่วยกันขนน้ำตาลผักขึ้นรถม้าด้วย แม้แต่อี้หมิงที่ตัวเล็กที่สุดก็ช่วยด้วย ไม่นานน้ำตาลผักก็ขนไปไว้บนรถม้าเสร็จเรียบร้อย เมื่อตรวจทานแล้ว ทั้งหมดจึงมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมืองไห่ถังภายในเวลาไม่ถึงสองเค่อ

“อาเทา ได้ข้อสรุปเป็นเช่นใดบ้าง” เถ้าแก่หวังเอ่ยถาม เมื่อรถม้าแล่นออกจากหน้าบ้านสกุลจางมาสักพัก

“เรียนเถ้าแก่หวัง พวกเราตกลงรับใบสั่งซื้อของเถ้าแก่ขอรับ” อี้เทาตอบคำถาม

“ดี ดียิ่ง แล้วพวกเจ้าจะสามารถส่งน้ำตาลผักได้ตามกำหนดหรือไม่”

“จากที่ข้าคำนวณคร่าว ๆ คาดว่าจะส่งได้ทันกำหนดและอาจจะก่อนกำหนดด้วยขอรับ เพราะไม่ได้มีแต่บ้านจางบ้านเดียวที่จะทำน้ำตาลผักส่งให้เถ้าแก่ ชาวบ้านก็จะทำขายให้เถ้าแก่ด้วยขอรับ” 

“หือ ชาวบ้านก็จะเข้าร่วมด้วย ชาวบ้านรู้วิธีการทำน้ำตาลผักเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่า” เถ้าแก่หวังเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ 

“เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ...” จางอี้เทาเอ่ยเล่าเรื่องที่สกุลจางได้ตกลงสร้างกลุ่มการค้าหลัวถงขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ผลิตสินค้าส่งให้กับเถ้าแก่หวัง หรือกลุ่มการค้าอื่น โดยจะขายน้ำตาลผักให้กับเถ้าแก่หวังในราคาเดิมคือสิบสองอีแปะ เถ้าแก่หวังจะไปขายให้กับกองกำลังเหลียงอันเท่าใดนั้น ก็แล้วแต่เถ้าแก่หวังเห็นสมควร

กลุ่มการค้าหลัวถงพอใจกับราคานี้แล้ว แต่ทว่าจางอี้เทาไม่ได้เล่าให้เถ้าแก่หวังฟังถึงข้อตกลงแบ่งส่วนรายได้ระหว่างบ้านสกุลจางกับชาวบ้าน เนื่องจากอี้หมิงได้เตือนเขาไว้ตั้งแต่ก่อนที่รถม้าของเถ้าแก่หวังจะมาถึงแล้วว่าพวกเขาไม่เห็นถึงความจำเป็นอันใดที่ต้องบอก บุตรชายของเขายังเสนอให้เล่ารายละเอียดระหว่างที่นั่งรถม้าเข้ามาในเมืองอีกด้วย

“เจ้าไม่เปลี่ยนใจแล้วใช่หรือไม่ที่จะให้ข้าเป็นตัวแทนซื้อขายน้ำตาลผักกับกองกำลังเหลียงอัน เหตุใดกลุ่มการค้าหลัวถงถึงไม่ติดต่อทำการค้าโดยตรงกับหนิงอ๋องเล่า เจ้าก็รู้ว่าหากทำการค้ากับหนิงอ๋อง เงินทองจะเพิ่มพูนไม่รู้กี่เท่า” เถ้าแก่หวังถามเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้ง 

“สกุลจางและกลุ่มการค้าหลัวถงยืนยันให้เถ้าแก่หวังเป็นฝ่ายติดต่อกับหนิงอ๋องโดยตรงขอรับ พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เกรงว่าจะทำตัวไม่ถูก อาจจะโดนลงโทษได้ พวกเราพอใจเช่นนี้แล้วขอรับ” จางอี้หมิงเป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตนเอง

“เช่นนั้นก็ย่อมได้ ขอบใจเจ้าอีกครั้งที่มอบโอกาสอันดีนี้ให้กับข้า ฮะ ฮะ ฮะ ช่างเป็นข่าวดีเสียนี่กระไร ขอบใจอาเทาและ หมิงหมิงน้อยด้วยเช่นกันที่ไว้วางใจทำการค้ากับข้า พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้านั้นถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อค้าแต่ก็ซื่อสัตย์ต่อคู่ค้ายิ่งนัก ในเมื่อเจ้าเปิดใจให้กับข้า เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจหากจะให้ช่วยเหลืออันใดต่อไป แล้วเจ้าจะส่งน้ำตาลผักรอบแรกได้เร็วที่สุดเมื่อใดหรือ”

“กลุ่มการค้าหลัวถงขอนัดหมายส่งน้ำตาลผักทุกเจ็ดวันขอรับ สำหรับจำนวนเท่าใดนั้นคงยังบอกไม่ได้ในคราแรก ค่าน้ำตาลผัก ขอรบกวนเถ้าแก่จ่ายเป็นตั๋วเงินของร้านแลกเงินจินฟู่ในเมืองไห่ถัง และเถ้าแก่ยังต้องส่งไหเปล่าและมารับน้ำตาลผักจากกลุ่มการค้าหลัวถงเช่นเดิม ไม่ทราบว่าเถ้าแก่มีไหเพียงพอหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงตอบและถามกลับไปในทีเดียว

“หมิงหมิงน้อย ข้าจะไปสั่งให้โรงปั้นทำไหเปล่าออกมาให้อีกตามจำนวนที่ต้องใช้ เรื่องไหเปล่าไม่มีปัญหาอันใด จะว่าไปแล้ว ข้าก็มีข่าวดีมาแจ้งเช่นกัน” เถ้าแก่ยิ้ม เขากำลังจะบอกข่าวดีที่ตนได้ไปปรึกษาท่านเจ้าเมืองมาเกี่ยวกับเกลือผัก

“ข้าขอเดาว่าเป็นเรื่องของเกลือผักใช่หรือไม่ขอรับ”

“หมิงหมิงน้อย เหตุใดเจ้าถึงเดาเก่งเช่นนี้” เถ้าแก่หวังกล่าวชม “ใช่แล้ว สกุลจางสามารถขายเกลือผักได้ ท่านเจ้าเมืองบอกว่าเกลือผักถือเป็นเครื่องเทศ ไม่ใช่เกลือ ดังนั้นจึงขายได้ แล้วเจ้าพอจะมีราคาที่จะขายแล้วหรือไม่”

“ในเมื่อท่านเจ้าเมืองบอกว่าเป็นเครื่องเทศ กลุ่มการค้าหลัวถงจะขายเกลือผักให้กับเถ้าแก่ห่อละสิบอีแปะตามราคาเครื่องเทศขอรับ เถ้าแก่เห็นเป็นเช่นไรขอรับ” 

“โอ้ เหตุใดถึงมีราคาแพงนักเล่า เทียบกับน้ำตาลผักแล้วห่างกันเพียงสองอีแปะเท่านั้น”

สมแล้วที่เป็นพ่อค้า ไม่ว่าอันใดก็ต่อว่าราคาแพงไว้ก่อน คงหวังจะต่อรองราคาให้ลดลงอีก 

แต่นี่ใคร เขาอานนท์เชียวนะ ลองดูสิว่าใครจะแพ้กันแน่

“เถ้าแก่เอาน้ำตาลผักกับเกลือผักมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ขอรับ เพราะเกลือผัก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการทำ ระยะเวลาในการทำ รวมถึงการดูแลรักษายุ่งยากกว่าน้ำตาลผักมาก แต่ถ้าหากว่าเถ้าแก่คิดว่าแพงเกินไป กลุ่มการค้าหลัวถงก็คงต้องขอนำเกลือผักไปเสนอให้กลุ่มการค้าอื่นแทน ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ”

“มะ ไม่ดีหมิงหมิงน้อย ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง ได้ฟังเจ้าอธิบายมาเช่นนี้แล้ว ข้าพอจะเข้าใจและยอมรับได้ เช่นนั้นก็ตกลงที่ราคาสิบอีแปะเท่าราคาเครื่องเทศนั่นแหละ” 

ฮึ! ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริง เห็นรูปร่างเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ประมาทไม่ได้เสียแล้ว ในเรื่องการต่อรอง เขาต้องระวังตัวเช่นนี้เชียวหรือ เฮ้อ! หมดกันกับฉายาเถ้าแก่หวังผู้ไม่เคยพ่าย 

เถ้าแก่ร้านขายของชำถึงกับยกมือขึ้นซับเหงื่อตรงบริเวณหน้าผากทั้งที่ไม่มีเหงื่อออกมาเลยสักหยด

“ท่านพ่อ ข้าขอตัวอย่างเกลือผักด้วยขอรับ” จางอี้หมิงขอเกลือผักจากบิดา เด็กน้อยได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเกลือผักต้องขายได้หลังจากที่ได้ยินเถ้าแก่หวังบอกเหตุผลตั้งแต่วันที่มาคุยเรื่องการค้าครั้งใหญ่ อีกอย่าง ในฐานะพ่อค้า เหตุใดจะไม่หาหนทางให้ขายได้ 

ถ้าเกลือผักนำออกขายไม่ได้ นั่นล่ะที่จางอี้หมิงถึงจะนึกฉงน ดังนั้นเด็กชายจึงบอกให้บิดาแบ่งเอาตัวอย่างเกลือผักติดตัวมาด้วย

จางอี้เทายื่นตัวอย่างเกลือผักส่งให้บุตรชาย จางอี้หมิงจึงยื่นห่อในมือส่งต่อให้กับเถ้าแก่หวังอีกครั้ง

“หมายความว่าอย่างไร หมิงหมิงน้อย เจ้าจำมิได้เช่นนั้นหรือว่าข้าเคยชิมแล้ว”

เถ้าแก่รับเกลือผักมาถือไว้แล้วก้มลงมองหน้าเด็กชายด้วยความสงสัย เขาเคยชิมแล้วว่ารสชาติเป็นเช่นไร เหตุใดเด็กน้อยถึงต้องเอามาให้เขาได้ชิมอีก

“มิใช่เช่นนั้นขอรับเถ้าแก่ เกลือผักห่อนี้เป็นตัวอย่างที่เถ้าแก่ต้องเอาไปให้หนิงอ๋องชิมและดูเป็นตัวอย่างอย่างไรเล่าขอรับ”

“โอ้ จริงด้วย ข้าก็ลืมไปเสียสนิท หนิงอ๋องยังไม่เคยได้ชิมเกลือผักของบ้านเจ้า ขอบใจมากนะหมิงหมิงน้อยที่คิดเผื่อข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องได้วิ่งรถม้าไปขอตัวอย่างจากเจ้าอีกรอบเป็นแน่” 

“ด้วยความยินดีขอรับ” หมิงหมิงน้อยส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับเถ้าแก่หวัง อย่างน้อยการสร้างความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้

“เถ้าแก่ขอรับ ท่านพอจะรู้จักช่างรับเหมาสร้างบ้านหรือไม่ขอรับ อย่างที่เถ้าแก่รู้ สกุลจางกำลังจะสร้างบ้าน เมื่อหลายวันก่อนเถ้าแก่แนะนำว่าข้าควรจ้างช่างมาสร้างบ้าน แต่พวกข้าเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงสองเดือน ยังไม่รู้จักเมืองไห่ถังดี ขอรบกวนเถ้าแก่แนะนำช่างให้ได้หรือไม่ขอรับ” 

จางอี้เทาเห็นว่าข้อตกลงต่าง ๆ ได้บรรลุตามที่หวังแล้วจึงสอบถามข้อมูลเรื่องการสร้างบ้านต่อ ระยะทางก็ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงในตัวเมือง การสอบถามไปหลาย ๆ คนอาจจะช่วยให้ได้ข้อมูลมากขึ้น

“ช่างที่รับเหมาสร้างบ้านงั้นหรือ ข้าพอรู้จักอยู่สองสามร้าน แต่ข้าขอแนะนำนายช่างเหอ เหอซี เป็นนายช่างที่ก่อสร้างบ้านข้าและร้านค้าอีกหลายร้านในเมืองไห่ถัง ฝีมือเก่งกาจและที่สำคัญเป็นคนดีและซื่อสัตย์ พวกเจ้าเชื่อใจนายช่างเหอได้ แต่ข้าไม่รู้ว่านายช่างเหอจะว่างหรือไม่น่ะสิ นั่นล่ะคือปัญหาของพวกเจ้า”

“ฝีมือดีเช่นนี้คงคิดราคาแพงมากเป็นแน่” จางอี้เทาเปรยออกมาเบา ๆ 

“ท่านพ่อ แต่ว่าเราสร้างบ้านธรรมดานะขอรับ คงมีค่าใช้จ่ายไม่มาก ท่านปู่หลินคงช่วยเราได้ ถ้าเช่นไรพวกเราลองคุยกับท่านปู่หลินดูอีกทีดีหรือไม่ขอรับ”

“คงต้องเอาตามที่หมิงเอ๋อร์บอกมาแล้วล่ะ แล้วมีนายช่างคนไหนที่ไม่ต้องมีฝีมือมาก ราคาไม่แพงและพอจะว่างหรือไม่ขอรับเถ้าแก่” จางอี้เทาตอบรับบุตรชาย พลางหันไปถามเถ้าแก่หวังอีกครั้ง

“ที่ข้าเคยร่วมงานด้วยก็มีนายช่างเกาจิ้น นายช่างเสียงเป่า สองคนนี้ฝีมือด้อยกว่านายช่างเหอซี แต่ข้ายังยืนยันให้ไปพบนายช่างเหอซีก่อน หากนายช่างเหอซีไม่ว่างจริง ๆ ค่อยไปหานายช่างที่เหลือ”

“ขอบคุณเถ้าแก่หวังที่ให้คำแนะนำขอรับ” จางอี้หมิงยกมือคารวะขอบคุณ

“อีกไม่นานข้าจะแวะลงสั่งไหที่โรงปั้น ส่วนพวกเจ้าอยากจะไปลงที่ไหนก็บอกอาคุนได้” เถ้าแก่หวังบอกสองพ่อลูกสกุลจางแล้วจึงชะโงกหน้าไปแจ้งให้คนงานของตนเองทราบ และยังสั่งให้นำน้ำตาลผักไปเก็บที่ร้านด้วย

“พี่อี้เทา ท่านจะให้ข้าไปส่งที่ไหนขอรับ” อาคุนเอ่ยถามคนในรถม้าหลังจากที่จ่ายค่าผ่านทางเข้าเมืองมาไม่นานนัก

“รบกวนน้องชายไปส่งพวกเราสองคนพ่อลูกที่เหลาอาหารซิ่งฝูด้วย” จางอี้เทาเป็นผู้ตอบคำถามนี้

“ได้ขอรับพี่อี้เทา”

หลังจากที่อาคุนแวะส่งสองพ่อลูกหน้าเหลาอาหารซิ่งฝูแล้ว จางอี้หมิงและจางอี้เทาจึงเดินไปยังทางเข้าเหลาอาหารอันดับสองของเมืองไห่ถัง ทันใดนั้นเอง พวกเขาก้ได้ยินเสียงโต้เถียงกัน เสียงทะเลาะกันของผู้คน เสียงห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน ฟังดูวุ่นวายและดังลั่นไปถึงทางเข้าเหลาอาหาร ส่งผลให้สองพ่อลูกถึงกับเร่งฝีเท้าเพื่อไปดูให้เห็นกับตาตนเองว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่

ซีฮันอยู่ตรงกลางระหว่างชายชราสองคน กำลังพยายามประนีประนอมคู่กรณีทั้งสองฝั่ง จางอี้หมิงคาดว่าเสียงที่ดังออกไปถึงข้างนอกนั้นเกิดจากชายชราสองคนนี้ คนพวกนี้ทำให้ซีฮันผลุนผลันเดินตรงมาหาสองพ่อลูกสกุลจางโดยเร็ว

“ขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้พวกเจ้ามายังเหลาอาหารในวันนี้ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”

“เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ” จางอี้หมิงรีบถาม “ชายชราสองคนนั้นทะเลาะกันด้วยเหตุใด”

“เหตุเพราะเจ้านั่นแหละ หมิงหมิงน้อย”

“เพราะข้าหรือขอรับ” เด็กน้อยขมวดคิ้ว เขาเพิ่งจะมาถึงได้ไม่ถึงครึ่งเค่อ เหตุใดจึงบอกว่าเป็นเพราะเขากันเล่า

“ใช่แล้ว เห็นทีว่าเหตุมันเกิดมาจากเจ้าแล้ว”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ