หลังจากที่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วรวมทั้งการค้าก็ประสบความสำเร็จไปอย่างงดงาม จางอี้หมิงจึงเลือกซื้อเกลือ ข้าวสารคุณภาพปานกลาง ธัญพืชหยาบ ถั่วเขียว แป้งต่าง ๆ เครื่องเทศต่าง ๆ รวมถึงหม้อใบใหญ่และไหเปล่ากลับบ้าน
“เกลือสองจินหนึ่งร้อยสามสิบอีแปะ ข้าวสารสองกระสอบสามร้อยอีแปะ ธัญพืชหยาบสองกระสอบหนึ่งร้อยอีแปะ ถั่วเขียวหนึ่งจินสิบอีแปะ หม้อสามใบใหญ่หนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ ไหขนาดต่าง ๆ แปดสิบอีแปะ เครื่องเทศต่าง ๆ ห้าสิบอีแปะ แป้งสาลีสี่จินแปดสิบอีแปะ แป้งมันสองจินสี่สิบอีแปะ ซีอิ้วสองไหหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ รวมทั้งหมดหนึ่งตำลึงหกสิบอีแปะ” เถ้าแก่หวังคิดเลข เขาชี้นิ้วไปที่ของแต่ละอย่าง
“หักค่าน้ำตาลผักไปสามร้อยอีแปะ ยอดคงเหลือที่เจ้าต้องจ่ายเพิ่มคือเจ็ดร้อยหกสิบอีแปะ ข้าคิดเพียงเจ็ดร้อยอีแปะเท่านั้น”
“นี่ขอรับ” จางอี้เทานำเงินหนึ่งตำลึงจ่ายให้กับเถ้าแก่หวังและรับเงินทอนมาสามร้อยอีแปะ
“เถ้าแก่หวัง ข้ากับท่านพ่อยังต้องไปซื้ออย่างอื่นอีก ของพวกนี้รบกวนฝากท่านให้คนขนขึ้นรถม้าด้วยได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงรีบบอก
“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะบอกคนขับรถม้าให้”
“ขอบคุณเถ้าแก่มากขอรับ”
จางอี้หมิงสะกิดบอกบิดาให้จ่ายเงินให้กับอาคุน เด็กขายของ เพื่อให้ช่วยล้างถ้วยกับช้อนที่เขาหยิบยืมมาใช้เป็นจำนวนสิบอีแปะ อาคุนยิ้มรับ ทำงานให้ด้วยความเต็มใจ
หลังจากออกจากร้านขายของชำแล้ว สองพ่อลูกบ้านจางจึงเดินไปที่ร้านผ้าแห่งหนึ่ง จางอี้เทาเป็นฝ่ายสอบถาม เนื่องจากเขาเติบโตมากับกิจการค้าผ้า จึงมีความรู้ในเรื่องนี้ไม่น้อย แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นอาจารย์ก็ตามที
“ผ้าฝ้ายที่นี่ขายอย่างไร”
“ตรงนี้คือฝ้าฝ้ายเนื้อหยาบ ขายพับละสี่สิบอีแปะ ส่วนที่เจ้าสัมผัสอยู่คือผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ขายพับละเจ็ดสิบอีแปะ และตรงนี้คือผ้าลายดอก ขายพับละแปดสิบอีแปะ” พนักงานขายร้านผ้าเอ่ยตอบด้วยความคล่องแคล่ว ไม่มีการดูถูกสองพ่อลูกแต่อย่างใด แม้จะแต่งกายด้วยชุดที่เก่าโทรมก็ตามที
“ข้าต้องการผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสองพับ ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสองพับ ผ้าลายดอกหนึ่งพับ รบกวนห่อให้ด้วย”
จางอี้เทาคำนวณผ้าที่ต้องใช้อย่างรวดเร็ว เขาต้องการผ้าห่มสี่ผืน ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสองพับ ส่วนชุดของทุกคนก็เอาผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสองพับกับผ้าลายดอกหนึ่งพับสำหรับมารดาและภรรยา ผ้าที่เหลือยังเอาไปทำรองเท้า ถุงเท้าได้อีกด้วย
เขาไม่อยากซื้อชุดสำเร็จเนื่องจากมันมีราคาแพง อีกอย่างหลี่อ้าย ภรรยาของเขาก็ตัดชุดได้สวยงามมากอยู่แล้ว สำหรับฟูกนอนนั้นมีขนาดที่ใหญ่ พวกเขาคงขนกลับไปเองไม่ไหว ต้องเป็นคราวหน้า
“ทั้งหมดเป็นเงินสามร้อยอีแปะขอรับ”
พนักงานขายผ้าจัดการห่อผ้าให้เรียบร้อย จางอี้เทาขอฝากไว้ที่ร้านก่อนเพราะพวกเขายังต้องไปที่ร้านขายเนื้อในตลาดสดเป็นที่สุดท้ายสำหรับวันนี้
เมื่อมองดวงอาทิตย์ก็เห็นว่าเป็นเวลาสายมากแล้ว แต่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ จางอี้เทาจึงพาเด็กน้อยไปกินบะหมี่น้ำที่ร้านริมทาง เขาสั่งบะหมี่น้ำสองชามให้ตนเองและบุตรชาย ราคาชามละห้าอีแปะ รวมสองชามเป็นสิบอีแปะ จางอี้หมิงถึงกับน้ำตาไหลพราก เพราะเขาเบื่อที่ต้องกินโจ๊กธัญพืชเต็มที
ช่วงเวลาที่เข้ามาในโลกแห่งนี้ เพิ่งจะเคยได้กินอาหารดีๆ ครั้งแรก...
หลังจากท้องอิ่ม เรี่ยวแรงก็กลับมา สองพ่อลูกจึงเดินไปที่ตลาดขายเนื้อ ตอนแรกจางอี้เทาจะไม่ซื้อเนื้อ แต่ก็ขัดลูกอ้อนของบุตรชายไม่ได้
คนขายเนื้อเป็นชายวัยกลางคน เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
“พวกเจ้าจะซื้อเนื้อหรือ ต้องการเท่าไรล่ะ”
“เนื้อพวกนี้ขายยังไง” จางอี้เทาชี้นิ้วไปยังเนื้อที่วางอยู่บนถาดไม้
“เนื้อแดง จินละสี่สิบห้าอีแปะ เนื้อสามชั้นจินละยี่สิบห้า อีแปะ ส่วนไส้ มันหมูกับกระดูกข้าไม่ได้ขาย เพราะข้าจะเอาไปทิ้ง” คนขายเนื้อใช้มีดชี้ไปยังส่วนต่าง ๆ ตามที่เขาบอกไป
“ข้าเอาเนื้อแดงสองจิน เนื้อสามชั้นห้าจิน และหากท่านจะเอาพวกกระดูก ไส้และมันหมูไปทิ้ง ข้าขอทั้งหมดเลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ย
“พวกเจ้าจะเอาไปทำไม มันกินไม่ได้ พวกเจ้าหิ้วกลับไปก็หนักเสียเปล่า” คนขายเนื้อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าช่วยท่านเอาขยะไปทิ้งไม่ดีหรือขอรับ ข้าจ่ายให้ท่าน ห้าอีแปะสำหรับของพวกนี้ ครั้งต่อไปให้ท่านเก็บของพวกนี้ไว้ให้ข้าอีกได้หรือไม่” จางอี้หมิงเสนอ
“ได้ ๆ ดียิ่ง”
คนขายเนื้อกุลีกุจอจัดการตัดเนื้อให้กับสองพ่อลูก มากไปกว่านั้น เขาไม่ต้องเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้เสียเวลา แถมยังได้เงินเพิ่มมาอีกห้าอีแปะ ถือว่าโชคสองชั้น
“ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบห้าอีแปะ” คนขายห่อเนื้อพร้อมกับไส้ กระดูกและมันหมูยื่นให้จางอี้เทา เขาใส่ลงไปในตะกร้าสะพายหลังและยื่นเงินส่งให้กับคนขายเนื้อ
“พ่อหนุ่ม คราวหลังมาซื้อเนื้อที่ร้านข้าอีกนะ ข้าจะเก็บของพวกนี้ไว้ให้เจ้า” พ่อค้าเนื้อเอ่ยขอบใจพร้อมกับยิ้มให้ด้วยความเป็นกันเอง
“ขอเพียงเนื้อของร้านท่านสดใหม่ ข้ากับบุตรชายต้องมาอุดหนุนร้านท่านอีกบ่อย ๆ แน่ เพราะลูกชายชอบอาหารจานเนื้อยิ่งนัก อีกอย่างเขาตัวเล็กเกินไป ข้าอยากจะขุนให้เขาอ้วนท้วนขึ้นอีกหน่อย”
“หมูร้านข้ารับรองความสดใหม่แน่นอน” พ่อค้าตะโกนบอกเมื่อพวกเขาเริ่มเดินออกมาไกล
ระหว่างทางเดินกลับไปที่ร้านเถ้าแก่หวัง จางอี้เทาพาบุตรชายไปซื้อซาลาเปามาสิบลูก เขาซื้อไปฝากมารดากับภรรยาด้วย สำหรับจางอี้หมิง เด็กน้อยลงทุนซื้อขนมน้ำตาลปั้น จำนวนสามไม้ ไม้ละหกอีแปะ เขาอยากเอาไปฝากซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่
ไม้นิดเดียวราคาตั้งหกอีแปะ น้ำตาลคงเป็นของแพงจริงๆ ขนมพวกนี้ชาวบ้านทั่วไปคงยากที่จะได้กินบ่อย ๆ แน่
วันนี้บ้านจางขายน้ำตาลผักได้สามร้อยอีแปะ และเงินมัดจำค่าน้ำตาลผักอีกสามตำลึง สองพ่อลูกซื้อของไปทั้งหมดจากร้านเถ้าแก่หวังหนึ่งตำลึง ร้านผ้าอีกสามร้อยอีแปะ ร้านเนื้อสองร้อยยี่สิบห้าอีแปะ น้ำตาลปั้นของอี้หมิงสิบแปดอีแปะ บะหมี่น้ำ สิบอีแปะ ซาลาเปายี่สิบอีแปะ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดหนึ่งตำลึงกับอีกห้าร้อยเจ็ดสิบสามอีแปะ ยังเหลือเงินกลับบ้านอีกหนึ่งตำลึงเจ็ดร้อยยี่สิบเจ็ดอีแปะ
จางอี้เทาไม่คิดเลยว่าบ้านเขาจะมีเงินตำลึงอีกครั้งหลังจากที่โดนโจรปล้นในครั้งนั้น ต้องยกความดีความชอบให้กับบุตรชายตัวเล็ก ตั้งแต่ฟื้นมาจากความเจ็บป่วย จางอี้หมิงก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่เว้นวัน อย่างเช่นวันนี้ บุตรชายของเขาสามารถค้าขายได้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ สองพ่อลูกบ้านจางจูงมือกันเดินกลับมาที่ร้านเถ้าแก่หวัง พอดีกับคนขับรถม้าขนไหเปล่ารวมทั้งของที่จางอี้หมิงซื้อไว้ขึ้นรถม้าเสร็จเรียบร้อย เมื่อทุกคนขึ้นรถม้าแล้ว จางอี้เทาจึงบอกให้คนขับรถม้าไปรับผ้าที่ฝากไว้ แล้วออกเดินทางกลับบ้าน ส่วนจางอี้หมิงได้แต่ยิ้มกับตนเองในใจไปตลอดทาง
วันนี้เขาจะได้กินข้าวกับอาหารจานเนื้อแล้ว
สวรรค์ น้ำตาจะไหล
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?