ตอนที่ 40 ทางออกที่คาดไม่ถึง

“พี่ซีฮัน ข้ากับท่านพ่อเพิ่งมาถึง เหตุใดข้าจึงเป็นสาเหตุของเรื่องราววุ่นวายได้ล่ะขอรับ”

จางอี้หมิงเกาหัวตนเองอย่างสับสนมึนงง เขาไม่เข้าใจว่าตนเองไปเป็นต้นเหตุของเรื่องราวได้เช่นไร เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาได้ไม่เท่าไรก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุเสียแล้ว เสียงดังโหวกเหวกพวกนี้มีมาก่อนหน้านี้แล้วมิใช่หรือ

“เพราะรายการอาหารใหม่ที่จำกัดจำนวนการขายเป็นความเห็นของเจ้าเช่นไรเล่า ลูกค้าพวกนั้นถึงทะเลาะกันอยู่อย่างนี้” ซีฮันถึงกับเล่าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาต้องยืนอยู่ตรงกลางชายชราทั้งสองคนมานานกว่าสองเค่อแล้ว

เห็นว่าเป็นชายชราเช่นนั้นหรือ ฮึ! หลอกลวงทั้งเพ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ไม่เห็นใจคนที่อยู่ตรงกลางเช่นเขาเลยสักนิด

“พี่ซีฮันอย่าเพิ่งโมโหไปขอรับ รบกวนพี่ซีฮันไปแจ้งแก่พวกเขาทุกคนว่าให้อยู่ในความสงบ ขอข้าได้รับฟังเรื่องราวสักนิด คงใช้เวลาไม่นานที่จะหาทางออกของปัญหาให้ขอรับ” 

“ได้ ๆ” เสี่ยวเอ้อร์อันดับหนึ่งของเหลาอาหารซิ่งฝูรีบไปจัดการตามที่เจ้านายตัวน้อยกล่าว เมื่อเขานำความไปแจ้งแก่ลูกค้ากลุ่มนั้น พวกเขาจึงเงียบเสียงลงและเดินไปนั่งรอคอยว่าเหลาอาหารซิ่งฝูจะจัดการปัญหาเช่นไร

จางอี้หมิงกับบิดาเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งห่างออกมาไม่ไกลจากลูกค้าเจ้าปัญหาทั้งหลายมากนัก

“พี่ซีฮัน ตอนนี้สมควรเล่าเรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้แล้วขอรับ” จางอี้หมิงบอก เขาอยากทราบปัญหาใจจะขาดแล้ว

“เมื่อสองวันก่อนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประมูลอาหารขึ้นมา ท่านเฉินเจียกับท่านฉีหมิงได้ป่าวประกาศไปทั่วถึงความอร่อยของอาหารชนิดใหม่ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองที่ไหนมาก่อน เรื่องนี้จึงเหมือนควันไฟถูกลมกระพือ คหบดี เศรษฐี พ่อค้า คุณหนู คุณชายของจวนต่าง ๆ รวมถึงข้าราชสำนักทั้งหลาย ต่างส่งบ่าวไพร่มาทำการจองรายการอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ รายการอาหารถูกจองจนครบเกือบหมดทุกรายการ เหลือเพียงสามสหายท่องหล้าอยู่หนึ่งที่”

“คนอื่นก็เข้าใจ จึงได้ทำการจองไว้ในรอบต่อไปแทน แต่มีเพียงท่านผู้เฒ่าสองคนนี้ที่ไม่มีใครยอมใคร เพราะทั้งสองคนต่างต้องการเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในสามสหายท่องหล้าจานสุดท้ายนี้ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละ” ซีฮันถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่หลังจากที่เล่าจบแล้ว

“พี่ซีฮัน ทำไมไม่ให้สิทธิ์คนที่มาก่อนเล่าขอรับ”

“ท่านผู้เฒ่าทั้งสองมาพร้อมกันน่ะสิ”

อ้าว เป็นงั้นไปซะได้ 

อี้หมิงคิดในใจ เขาถอนใจออกมาเบา ๆ แล้วถามถึงเจ้าของเหลาอาหาร

“แล้วท่านปู่มิได้อยู่ที่เหลาอาหารหรือขอรับ เหตุใดปล่อยให้พี่ซีฮันจัดการเรื่องนี้อยู่คนเดียว”

จางอี้หมิงเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วเพื่อมองหาเจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝู แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แวว

“เถ้าแก่ไม่อยู่น่ะสิหมิงหมิงน้อย ท่านไปเชิญครอบครัวท่านเจ้าเมืองเพื่อให้มาในวันเปิดรายการอาหารจานใหม่ของเหลาซิ่งฝูอีกเจ็ดวันข้างหน้า เถ้าแก่จะจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่เชียว เพื่อทดแทนที่เหลาซิ่งฝูไม่มีรายการอาหารใหม่ ๆ มานานหลายปี...และเถ้าแก่หวังว่ารายการอาหารครั้งนี้อาจจะทำให้เหลาซิ่งฝูมีโอกาสได้เป็นเหลาอันดับหนึ่ง” ซีฮันเอ่ยตอบจางอี้หมิงตามปกติ ก่อนจะเอียงศีรษะเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูขาวสะอาดของเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่เบาลงในตอนท้าย จางอี้หมิงพยักหน้าหงึกหงักรับทราบ

“ท่านลุงอู๋เจ๋อก็ไม่อยู่หรือขอรับ” จางอี้หมิงถามต่อ

“ท่านอู๋ไม่อยู่ ออกไปธุระให้เถ้าแก่น่ะ ดังนั้นจึงเหลือข้าที่ต้องรับหน้าอยู่คนเดียว” ซีฮันตอบด้วยน้ำเสียงปกติเพราะตอนนี้สงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว

และเพราะเสี่ยวเอ้อร์หนุ่มเชื่อมั่นว่าเจ้านายตัวน้อยจะแก้ปัญหาให้เขาได้แน่นอน จะว่าอย่างไรดีล่ะ ที่ผ่านมา เด็กชายก็พิสูจน์ให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนในเหลาอาหารอย่างชัดเจนแล้ว

จางอี้หมิงพยักหน้ารับรู้ เขาหันไปเจรจากับสองผู้เฒ่าที่เป็นต้นเหตุความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความสุภาพเรียบร้อย

“ขอถามท่านปู่ทั้งสอง พวกท่านสามารถเลื่อนการชิมอาหารไปในครั้งหน้าได้หรือไม่ ข้าจะให้พี่ซีฮันให้ท่านอยู่ลำดับแรก ๆ เลยขอรับ” 

“เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาแทรกการสนทนาของผู้ใหญ่” ผู้เฒ่าคนแรกเอ่ยถามขึ้น

จางอี้หมิงพิจารณาการแต่งกายของคนตรงหน้าแล้ว คาดว่าคงจะไม่ใช่คหบดีหรือเศรษฐี ถ้าเดาไม่ผิดอาจจะเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของจวนไหนสักแห่ง

“ตอบท่านปู่ ข้าชื่อจางอี้หมิง เป็นหลานชายบุญธรรมของท่านปู่หลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูขอรับ” จางอี้หมิงลุกขึ้นยืนตัวตรง ยกมือคารวะไปยังสองผู้เฒ่าพร้อมกับตอบคำถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนฉะฉาน

“หน้าตาของเจ้าช่างคุ้นนัก มิใช่เด็กน้อยที่ตะโกนขายน้ำตาลผักที่ร้านเถ้าแก่หวังหรอกหรือ”

“เป็นข้าเองขอรับ” 

“ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นถึงหลานชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินไห่ ข้าชื่อหานอี้ เป็นหัวหน้าพ่อบ้านคหบดีหานอี้ฝาน รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ให้มาทำการจองลำดับในวันนี้ แต่ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอกับเจ้าเฒ่าหน้าเหม็นจวนผิงไปเสียได้” หานอี้อธิบาย เขามองไปยังผู้เฒ่าอีกคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“เจ้าเฒ่าหาน อย่ามากล่าวหาข้าลอย ๆ เช่นนี้ นึกว่าข้าจะอยากมาเจอตาเฒ่าเช่นเจ้าหรือไร เพียงแต่ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ของจวนผิงให้มาทำการจองลำดับในวันนี้เช่นกัน” ชายชราอีกคนที่เป็นคู่วิวาทโต้ตอบกลับไป

“พี่ซีฮัน เหตุใดท่านผู้เฒ่าทั้งสองถึงดูว่าไม่ถูกชะตากันเลยเล่าขอรับ” จางอี้หมิงกระตุกชายแขนเสื้อซีฮันเบา ๆ เพื่อถามไถ่ จากบทสนทนาที่ได้ยินมา ทำให้เด็กน้อยคิดเป็นอื่นไปไม่ได้จริง ๆ ว่าทั้งสองจวนนี้คงไม่ถูกกันเป็นแน่

“เพราะในวันงานเลี้ยงที่ท่านเจ้าเมืองจะพาครอบครัวมาด้วย ข้าได้ยินข่าวลือมาอีกทีว่าคุณหนูใหญ่ของทั้งสองจวนต่างก็หมายตาคุณชายรอง บุตรชายของท่านเจ้าเมืองอยู่ ลองคิดดูสิว่าถ้าในวันงานเลี้ยง คุณหนูคนใดคนหนึ่งได้มีโอกาสมาร่วมงานด้วย นั่นหมายถึงว่าคุณหนูคนนั้นจะมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับคุณชายรองจวนท่านเจ้าเมืองเชียวนะ”

“ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเหล่าคุณหนูทั้งหลายต่างอยากเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ท่านเจ้าเมืองกันทั้งนั้น จริงหรือไม่เล่า” ซีฮันถึงกับใช้มือป้องปากกระซิบเล่าสาเหตุให้เด็กชายฟัง

“อ๋อ อยากจะจีบหนุ่มนี่เอง” อี้หมิงรำพึงเบา ๆ ดูแล้วสาวสมัยโบราณนี้ก็ไม่เบาเลย

“จะ เจ้าว่า จะ จี อะไรนะ” ซีฮันคิ้วขมวด

มันมาอีกแล้ว...คำประหลาดที่เขาไม่เคยได้ยินจากผู้ใดมาก่อน

“ไม่มีอะไรขอรับ อืม เหลือแค่ลำดับจานเดียว และยังเป็นอาหารชนิดเดียวกันอีกด้วย แต่มีคนต้องการถึงสองคน แล้วจะจัดการเช่นใดให้ถูกใจทั้งสองฝ่ายเล่า” จางอี้หมิงถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับถึงปัญหาเฉพาะหน้านี้

“เด็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าต้องได้สามสหายท่องหล้าจานสุดท้ายนั้น” หานอี้เอ่ยออกมายืนยันความตั้งใจเดิม

“เจ้าเฒ่าหานหน้าเหม็น อย่าหวังว่าข้าจะยอม จวนผิงของข้าต้องได้สามสหายท่องหล้าจานสุดท้ายนั่นเช่นกัน”

จางอี้หมิงถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองคนนั้นเริ่มถกเถียงกันขึ้นมาอีกแล้ว

โอ้ย จะให้เวลาเขาคิดหน่อยได้หรือไม่ เขาไม่ใช่คนฉลาดอะไรมากมายเหมือนในนิยายจีนย้อนเวลาที่เคยอ่านนะ  เขามันแค่มนุษย์บ้าน ๆ ธรรมดาเท่านั้นเอง

ในระหว่างที่จางอี้หมิงยังหาคำตอบไม่ได้ เสียงที่เอ่ยดังขึ้นมาไม่ไกลก็เหมือนดั่งสวรรค์มาโปรด

“เกิดเหตุอันใดขึ้น”

จางอี้หมิงรีบหันไปมองก่อนที่จะถลาลุกไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้นทันที

“ท่านปู่ ท่านกลับมาแล้ว”

หลินไห่เดินเข้ามาหาหลานชายของตนเองก่อนที่จะช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอุ้มและหอมลงไปบนแก้มนุ่ม ๆ นั้นอย่างรักใคร่

“ปู่กลับมาแล้ว ไม่นึกว่าเจ้าจะมาหาปู่ในวันนี้ ไหนว่าจะไม่เข้ามาในเมืองอีกนานล่ะฮึ”

“หลานมีเหตุจำเป็นต้องเข้ามาในเมืองขอรับ”

“คารวะท่านหลินขอรับ” จางอี้เทาลุกขึ้นยกมือทำความเคารพเถ้าแก่หลิน เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูพยักหน้ารับบิดาของหลานชาย

“เถ้าแก่ เด็กน้อยคนนี้ใช่หรือไม่ที่ท่านเล่าให้ท่านพ่อฟัง” เสียงทุ้มให้ความรู้สึกสบายใจเอ่ยถามเถ้าแก่หลิน ทำให้จางอี้ หมิงเพิ่งสังเกตุเห็นว่าท่านปู่ของเขามิได้กลับมาคนเดียว ยังมีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีเดินตามเข้ามาด้วย เขาแต่งกายด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีฟ้าเข้ม ในมือข้างหนึ่งถือพัดโบกสะบัดไปมาช้า ๆ 

ชายผู้นั้นรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่เข้าสัดส่วน จมูกโด่งและริมฝีปากสีระเรื่อดูสุขภาพดี ท่าทางราวกับบัณฑิตหนุ่มมากความรู้ ใครเห็นก็คงหลงเสน่ห์ได้โดยง่าย

อื้อหือ ยังกะคุณชายในซีรีส์เลยแหะ

“ใช่แล้วขอรับคุณชายหวง อี้หมิง ทำความเคารพคุณชายหวงห่าวหรานเสียสิ คุณชายหวงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมือง คุณชายหวงขอรับ เด็กน้อยคนนี้เป็นหลานบุญธรรมของข้า ชื่อว่าจางอี้หมิง และนั่นจางอี้เทา บิดาของเขาขอรับ” หลินไห่เอ่ยแนะนำอี้หมิงให้รู้จักกับชายหนุ่ม

“คารวะคุณชายหวง” สองพ่อลูกสกุลจางเอ่ยทักทายตามคำบอกของเถ้าแก่หลิน

“ยินดีที่ได้รู้จักเด็กฉลาดเช่นเจ้านะ หมิงหมิงน้อย เห็นทีว่าเถ้าแก่หลินคงไม่สะดวกในวันนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนดีหรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยถามเสียงทุ้ม

“ขอบคุณขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบ แต่ในใจกลับคิดไปไกล 

หล่อโอ้ปป้าเกาหลีแบบนี้นี่เอง คุณหนูใหญ่ของทั้งสองจวนถึงแย่งกันขนาดนี้ แม้แต่การพูดยังคุณช๊ายคุณชาย 

“คุณชายหวงอย่าได้เป็นกังวล ข้าขอจัดการปัญหาสักครู่ เชิญคุณชายนั่งรอก่อนขอรับ” หลินไห่วางเด็กน้อยลงบนพื้นก่อนที่จะหันไปเชิญหวงห่าวหรานให้นั่งลงก่อน

“ซีฮัน เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เถ้าแก่หันไปถามคนงานด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ซีฮันจึงเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เขาเปิดรับการจองลำดับอาหารทั้งหลายตามจำนวนที่เถ้าแก่ได้สั่งไว้ แต่ปรากฏว่าสามสหายท่องหล้าอันดับสุดท้ายนั้น เขาไม่รู้จะมอบให้กับใคร จนจางอี้หมิงมาถึงก็ยังแก้ไข้ปัญหาไม่ได้

“…เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละขอรับ” 

อืม ช่างตัดสินใจลำบากจริง ๆ จะทำออกมาเพิ่มก็ไม่ได้ เพราะกำหนดจำนวนจานออกไปแล้ว หากครั้งนี้อะลุ่มอล่วย ครั้งต่อไปคำประกาศคงไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นแน่ แล้วจะทำเช่นใดดี 

เถ้าแก่หลินไห่ใช้เวลาคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้อยู่นาน เพราะทั้งสองจวนต่างก็เป็นบุคคลที่มีอำนาจในเมืองไห่ถัง การทำให้จวนทั้งสองไม่พอใจจึงไม่ใช่หนทางที่คนฉลาดทั่วไปจะทำกัน

เถ้าแก่เหลาอาหารจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปนั่งกับกลุ่มของชายชราทั้งสองคนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

จางอี้หมิงเห็นว่าท่านปู่ต้องการเวลาในการแก้ไขปัญหาจึงลุกขึ้นและเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหวงห่าวหราน เอียงใบหน้านิดๆ เอ่ยถามคล้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา

“คุณชายหวงขอรับ เหตุใดท่านถึงได้รูปงามเช่นนี้ โตขึ้นข้าจะรูปงามเช่นคุณชายหรือไม่ ข้าอยากรูปงามเช่นคุณชายขอรับ” 

“หมิงเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท เจ้าอย่าได้ไปรบกวนคุณชายหวงเช่นนั้น” จางอี้เทากล่าวตักเตือนเมื่อเห็นบุตรชายกำลังไร้มารยาทโดยไม่รู้ตัว

“หามิได้ หมิงหมิงน้อย ข้าเชื่อว่าโตขึ้นเจ้าต้องรูปงามเป็นแน่ แต่รูปงามอย่างเดียวไม่ได้ เจ้าต้องมีความรู้ในศาสตร์และศิลป์ด้วย คุณสมบัติพวกนี้จะช่วยให้เจ้ามีความก้าวหน้าในอนาคต” คุณชายหวงกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ท่านช่างรูปงาม มีความรู้รอบด้าน ผู้ที่ได้เป็นฮูหยินของท่านต้องเป็นหญิงสาวที่โชคดียิ่ง หากโตขึ้นข้ารูปงามและมีความรู้เช่นคุณชาย หญิงสาวทั่วเมืองไห่ถังคงอยากเป็นฮูหยิน ของข้า” 

“หมิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังเสียมารยาทอยู่รู้หรือไม่ ต้องขออภัยคุณชายหวงด้วยนะขอรับที่บุตรชายข้าเสียมารยาทและรบกวนคุณชายถึงเพียงนี้” จางอี้เทาเอ่ยเตือนบุตรชายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ก่อนจะหันไปยกมือคารวะหวงห่าวหรานเพื่อขออภัยให้กับความไร้มารยาทของบุตรชาย

“ไม่เป็นไร ๆ ข้าเองตอนนี้ก็อยู่ว่าง ๆ มีเด็กน้อยที่กล้ามาพูดคุยกับข้าก็เป็นความสุนทรีย์อย่างหนึ่ง ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครเข้ามาพูดคุยกับข้ามากนัก” หวงห่าวหรานยกมือโบกไปมาสองสามครั้งบ่งบอกถึงความไม่ถือสา

“ขอบคุณคุณชายหวง” จางอี้เทากล่าว

“เด็กน้อย เจ้าช่างแก่แดดนัก ข้ายังมิมีฮูหยิน ตัวเจ้าเล็กจ้อยเพียงนี้เหตุใดถึงคิดเรื่องความรักแล้วเล่า” หวงห่าวหรานยกพัดเคาะไปที่หน้าผากจางอี้หมิงเบา ๆ หนึ่งทีอย่างหยอกล้อ

“โอ้ยคุณชาย เหตุใดท่านถึงได้ตีหัวข้าเล่าขอรับ ก็ข้าอยากโตขึ้นแล้วเป็นเช่นคุณชายนี่นา ข้าผิดเช่นนั้นหรือขอรับ” จางอี้หมิงโอดครวญพร้อมกับลูบหน้าผากตนเองไปด้วย ก่อนที่จะชะงักและทวนคำพูดก่อนหน้านี้

“หมิงหมิงน้อย เจ้านี่ช่างแสดงละครเก่งยิ่งนัก ข้าเพียงเคาะไปเบา ๆ เท่านั้น” คุณชายรองหวงห่าวหรานถึงกับส่ายหน้าให้กับท่าทางเกินจริงเหล่านั้น ทำราวกับเขาทำร้ายร่างกายไปเสียได้

“คุณชายขอรับ ท่านคงชื่นชอบภาพวาด บทกวี ดนตรีมากเป็นแน่” จางอี้หมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ใช่แล้วเด็กน้อย ข้านั้นชื่นชอบภาพวาด บทกวี ดนตรีและยังรวมถึงอาหารเลิศรสด้วย ข้าถึงได้มากับเถ้าแก่หลินในวันนี้เพื่อชมภาพวาดที่เถ้าแก่ได้มาจากพ่อค้าเร่ ภาพวาดนี้อาจจะได้เป็นตัวแทนแคว้นฉินเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้แคว้นจ้าวในการส่งเครื่องบรรณาการครั้งต่อไปก็เป็นได้ ข้ากำลังใช้ความรู้ความสามารถช่วยท่านพ่อทำงานอยู่”

“เครื่องบรรณาการเช่นนั้นหรือขอรับ ข้าเคยได้ยินเถ้าแก่หวังพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถ้าภาพวาดของท่านปู่หลินได้เป็นตัวแทนของแคว้นฉิน จะมีความสำคัญเช่นไรหรือขอรับ” จางอี้ หมิงรู้สึกสนใจเรื่องเครื่องบรรณาการขึ้นมาทันที เพราะเขาได้ยินเรื่องนี้มาสองครั้งแล้ว

“เมื่อถึงคราวครบกำหนดส่งเครื่องบรรณาการ ทุกเมืองในแคว้นฉินจะต้องหาเครื่องบรรณาการที่ล้ำค่าที่สุดส่งเข้าไปให้กับเมืองหลวงเพื่อคัดเลือกเป็นสิ่งของล้ำค่า ราวกับเป็นตัวแทนแคว้นฉินส่งมอบให้กับแคว้นจ้าว หากเมืองไหนได้รับเลือก เมืองนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษีที่จะต้องส่งให้กับเมืองหลวง และยังได้เงินอีกจำนวนหนึ่งเป็นของรางวัลด้วย เมืองไห่ถังมิเคยได้รับเลือกเป็นตัวแทนสักครั้ง ท่านพ่อจึงหวังว่าในครั้งหน้า เมืองไห่ถังจะได้รับเลือก”

“ท่านเจ้าเมืองช่างเป็นคนดียิ่ง” จางอี้เทาเปรยออกมาอย่างชื่นชม

“แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนในการหาสิ่งของที่มีมูลค่า จะประกาศออกไปก็เห็นทีจะทำไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นการเปิดเบาะแสให้เมืองอื่นนำความคิดไปใช้ ข้าได้ข่าวลับมาว่าแคว้นจ้าวกำลังหาของขวัญเพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดกับองค์หญิงพระองค์หนึ่งซึ่งหลงใหลในภาพวาดและงานเขียนเป็นอย่างมาก ท่านพ่อจึงคิดจะหาภาพวาดเพื่อมอบให้กับองค์หญิง” หวงห่าวหรานถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เขาพูดออกมาเสียยืดยาวโดยลืมคิดไปเลยว่าเด็กตัวกระจ้อยแค่นี้จะมาเข้าใจอะไร

“หมิงหมิงน้อย ข้าขอโทษเจ้าด้วย เจ้ายังเป็นเด็ก ข้าก็ช่างเลอะเลือน เอาปัญหามาเล่าให้เจ้าฟังเสียได้ ช่างมันเสียเถิด คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน แต่เหตุใดป่านนี้แล้วเถ้าแก่หลินยังไม่เสร็จธุระอีกหรือ” หวงห่าวหรานเอ่ยพลางขมวดคิ้ว

 เขามองเด็กชายตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เหตุใดหลานชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินถึงได้เงียบไปเช่นนี้ ปล่อยให้เขาพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนาน

“คุณชายรอง ข้าคิดออกแล้วว่าจะแก้ไขปัญหาได้เช่นใด” จางอี้หมิงส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ทำไมเขาเพิ่งคิดได้กันนะ เสียแรงที่ทำงานหาข้อมูลมาตั้งหลายปี 

“หมิงหมิงน้อย เจ้าคิดอันใดออกเช่นนั้นหรือ” หวงห่าวหรานเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ 

“ก็ปัญหาของเหลาซิ่งฝูที่กำลังประสบอยู่ ณ ตอนนี้ ปัญหาเรื่องเครื่องบรรณาการของท่านเจ้าเมือง และปัญหาเรื่องท่านที่ยังไม่มีฮูหยินน่ะสิขอรับ”

“โอ้ หมิงหมิงน้อย ข้าชักสนใจเจ้าขึ้นมาแล้ว ไหนลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าจะแก้ปัญหานี้เช่นไร” หวงห่าวหรานถึงกับก้มตัวลงอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตักตนเองโดยไม่รังเกียจว่าเป็นเพียงเด็กน้อยชาวบ้าน

“คุณชายรองท่านรู้หรือไม่ ปัญหาที่ท่านปู่กำลังไปแก้ไขอยู่นั้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากตัวท่านเอง ท่านปู่สองคนนั้นต่างเป็นพ่อบ้านที่ได้รับคำสั่งให้มาจองลำดับการชิมอาหารชนิดใหม่เพราะคุณหนูใหญ่ของทั้งสองจวนทราบมาว่าท่านจะมาในงานเลี้ยงด้วย คุณหนูทั้งหลายต่างก็อยากมาร่วมงานเลี้ยงทั้งนั้น ดังนั้นท่านต้องรับผิดชอบ เพราะปัญหาเกิดมาจากท่านขอรับ”

“หมิงหมิงน้อย เหตุใดข้าถึงต้องรับผิดชอบด้วยเล่า ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” คุณชายหวงไม่ยินยอม เขายังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ

“เรื่องนี้ท่านไม่รับผิดชอบว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่เรื่องเครื่องบรรณาการท่านคงปฏิเสธไม่ได้ ข้ามีข้อเสนอขอรับ หากท่านไม่ต้องการให้เมืองอื่นรู้ว่าเมืองไห่ถังกำลังตามหาภาพวาดที่มีค่าอยู่ ทางออกนี้ง่ายมากขอรับ เพียงท่านจัดงานเลี้ยงฟังดนตรี ชิมอาหาร วิจารณ์ศิลป์ขึ้นที่เหลาอาหารซิ่งฝูเพียงเดือนละครั้งเมื่อถึงรอบการชิมอาหารใหม่”

“นอกจากท่านจะได้ตามหาภาพวาดต่าง ๆ ท่านยังได้มีโอกาสได้พบเจอกับหญิงสาวมากมายที่ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านคงอยากได้คนรักที่ชอบในสิ่งเดียวกันใช่หรือไม่ หากเป็นชาย ท่านอาจจะได้สหายที่รู้ใจก็เป็นได้ ผู้คนก็จะคิดว่าท่านกำลังจัดงานเลี้ยงเพื่อคัดเลือกหญิงงามหรือสหายรู้ใจ แทนที่จะคิดว่าท่านกำลังตามหาภาพวาดอยู่”

“ทางเหลาซิ่งฝูยินดีให้ท่านได้ชิมอาหารชนิดใหม่โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว และเมื่อมีอาหารชนิดใหม่ ท่านจะได้เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ชิมรสชาติด้วย เช่นนี้ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ”

“งานเลี้ยงฟังดนตรี ชิมอาหาร วิจารณ์ศิลป์เช่นนั้นหรือ เป็นความคิดที่ดียิ่ง เช่นนี้ก็ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงแล้ว แต่เด็กน้อยเช่นเจ้า เหตุใดถึงได้เจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้ฮึ! เจ้าเอาข้ามาบังหน้าจัดงานเลี้ยงที่ฟังดูหรูหราเช่นนี้ แต่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์กลับเป็นเหลาอาหารซิ่งฝูไปเสียได้”

“นอกจากเจ้าจะได้กระจายชื่อเสียงของเหลาซิ่งฝูและอาจจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นเหลาอันดับหนึ่งแล้ว เจ้ายังแก้ไขปัญหาเรื่องลำดับอาหารที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ณ ตอนนี้ด้วย อย่านึกว่าข้ารู้ไม่ทันเจ้านะ เด็กเจ้าเล่ห์” หวงห่าวหรานถึงกับใช้มือดีดไปบนหน้าผากน้อย ๆ นั้นด้วยความมันเขี้ยว

คุณชายรองจวนเจ้าเมืองไม่นึกสงสัยในคำบอกเล่าของเถ้าแก่หลินอีกแล้ว เมื่อเช้านี้ เถ้าแก่หลินไห่ได้ไปเชิญท่านพ่อและครอบครัวของเขาให้มาในการเปิดตัวอาหารชนิดใหม่ เห็นเถ้าแก่เล่าถึงความฉลาดและเรื่องราวของเด็กน้อยบนตักให้ทุกคนได้รับฟังด้วยความภูมิใจนักหนา เขายังแปลกใจปนสงสัยในความฉลาดเกินเด็กของหลานชายบุญธรรมเถ้าแก่ไม่น้อย แต่หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอนี้แล้ว เขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไป

หวงห่าวหรานหันหน้าไปมองจางอี้เทา แม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ความคิดความอ่านช่างดีนัก สามารถสอนบุตรชายให้เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ น่าคบหาเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว

“พี่ชายอี้เทา ท่านช่างสอนหมิงหมิงน้อยได้ดียิ่งนัก เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาเถ้าแก่หลินไห่เถอะ บอกว่าเจ้าแก้ไขปัญหาได้แล้ว และข้ายินดีทำตามที่เจ้าต้องการ จะทำเช่นไรนั้นค่อยปรึกษากันทีหลัง ดีหรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยชมจางอี้เทา ก่อนก้มหน้ายอมรับข้อเสนอของเด็กน้อยบนตักตนเองด้วยรอยยิ้ม

สมแล้วที่เป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมือง เพียงได้ฟังคำบอกจากเขาก็เข้าใจได้ทั้งหมด

จางอี้หมิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มกว้างตอบ ขยับตัวลงจากตักของคุณชายหวงแล้ววิ่งไปหาท่านปู่หลินทันที

“ท่านปู่ขอรับ ท่านมีทางออกหรือยังขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามเมื่อไปถึงโต๊ะอาหารที่เถ้าแก่หลินนั่งอยู่

“ยังเลยเจ้าตัวน้อย เพราะทั้งสองคนต่างไม่มีใครยินยอมสักคน ปู่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาเช่นไรแล้ว” หลินไห่ตอบคำถามหลานชายด้วยความเหนื่อยใจ

“ท่านปู่หานอี้ ท่านปู่ผิงชุน ข้ามีทางออกให้กับท่านปู่ทั้งสองแล้วขอรับ ข้าจะไม่รับจองลำดับการชิมอาหารของจวนท่านทั้งสองในครั้งนี้ เพราะพวกท่านต่างไม่มีใครยอมเสียสละทั้งสองคน และทางเหลาซิ่งฝูไม่สามารถเพิ่มปริมาณจานอาหารได้ ถือว่ายุติธรรมแล้วที่เหลาซิ่งฝูจะไม่รับจองจากจวนท่านทั้งสอง”

“แต่ว่าท่านปู่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะถูกคุณหนูใหญ่ของจวนตำหนิ เพราะในอนาคต คุณชายหวงจะจัดงานเลี้ยงฟังดนตรี ชิมอาหาร วิจารณ์ศิลป์ขึ้นทุกหนึ่งเดือน คุณชายหวงจะส่งเทียบเชิญคุณหนูใหญ่ของจวนท่านเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย หากท่านปู่ทั้งสองยังไม่พอใจ ข้าคงช่วยอันใดท่านมิได้แล้ว หวังว่าท่านคงพอใจกับทางออกนี้นะขอรับ”

สองผู้เฒ่าเมื่อได้ยินทางออกของปัญหาถึงกับรีบเอ่ยปากตกลง เพราะถึงแม้จะได้มางานเลี้ยงช้าไปอีกนิดแต่ว่าเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวมากกว่า เช่นนี้คุณหนูใหญ่ของพวกเขาจะไม่ตำหนิแน่นอน และยังอาจตบรางวัลให้อีกด้วย สองผู้เฒ่ากระหยิ่มยิ้มย่องในใจด้วยความเปรมปรีดิ์แล้วจึงลากลับจวนไป

จางอี้หมิง หลินไห่และซีฮันถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สุดท้ายปัญหาก็ได้รับการแก้ไขไปได้อีกครั้ง ประจวบเหมาะกับคุณชายหวงได้เดินมาตรงที่ทั้งสามคนยืนอยู่พอดี

“เถ้าแก่หลิน เช่นนี้ท่านคงมีเวลาพาข้าไปชมภาพวาดแล้วใช่หรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

ดูท่าว่าปัญหาคงจะคลี่คลายแล้ว เช่นนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะได้ชมภาพวาดเสียที

คุณชายหวงยกยิ้มเบา ๆ ด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะยกยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยไปหนึ่งที เห็นความเฉลียวฉลาดเช่นนี้แล้วช่างถูกใจยิ่งนัก หากมีโอกาสได้พบท่านพ่อ คงสามารถช่วยงานได้หลากหลาย เป็นเด็กที่มองแล้วอนาคตไกลเสียจริง

โปรดติดตามตอนต่อไปในเล่มที่สาม

บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง เล่ม 2 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไรท์หวังว่าคุณรี้ดที่น่ารักทั้งหลายจะสนุกสนานกับเรื่องราวการสร้างฐานะของหมิงหมิงน้อยอย่างมีความสุข

ไรท์เพียงอยากขอรบกวนคุณรี้ด ช่วยกดหัวใจให้คะแนน และรีวิวความเห็นหลังจากที่ได้อ่านจบไปแล้ว เพื่อเป็นกำลังใจให้กับไรท์ในการพัฒนางานเขียนเรื่องต่อไปในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

Thank you for support.

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ