หลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวอันแสนโหดร้าย แสงแดดอุ่นก็แทรกเข้ามาแทนที่หิมะสีขาว ตอนนี้หมู่บ้านหลัวถงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มตัว ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทางการได้นำเสบียงอาหารมาคืนชาวบ้านหลังจากกลุ่มโจรถูกจับกุมได้เจ็ดวัน ท่านหัวหน้าหมู่บ้านซุนถงจึงได้ทำการแจกจ่ายให้ทุกครัวเรือนอย่างเท่า ๆ กันและหลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ทหารจึงนำพืชพันธุ์สำหรับเพาะปลูกมาแจกให้ชาวบ้านตามที่ท่านเจ้าเมืองได้ประกาศไว้ด้วย
แต่ละครอบครัวต่างลงมือเพาะปลูกพืชผักอย่างเต็มที่ บ้านจางย้ายไปอยู่บ้านที่สร้างให้กับท่านอาจารย์เทียนและสองหมิง สำหรับบ้านหลังใหม่นั้นพวกเขาคิดไว้ว่าจะเก็บเงินให้ได้มากอีกสักหน่อย อาจจะสักหนึ่งถึงสองปีจึงจะทำการก่อสร้างบ้านที่มีขนาดใหญ่โตและถาวรสำหรับให้พวกเขาได้ลงหลักปักฐานอย่างแท้จริง
“นายน้อยอี้เทา นายน้อยอี้เทา อยู่บ้านหรือเปล่าขอรับ” เสียงของใครบางคนที่ร้องตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านทำให้จางอี้หมิงที่ตอนนี้มิได้ทำอันใดเป็นคนออกไปดูว่าใครกันที่มาเรียกอยู่เสียงดัง
“พี่ซีฮัน เหตุใดถึงมาบ้านจางเวลานี้ขอรับ”
จางอี้หมิงเอ่ยทักซีฮัน เสี่ยวเอ้อร์อันดับหนึ่งของเหลาอาหารซิ่งฝูที่ตอนนี้กำลังลงจากรถม้ามุ่งตรงมาหาคุณชายน้อยของตนเอง ตั้งแต่เถ้าแก่หลินไห่รับครอบครัวจางเป็นบุตรและหลานบุญธรรมแล้ว พวกคนงานจึงเรียกจางอี้เทาว่านายน้อยอี้เทาและจางอี้หมิงว่าคุณชายน้อยอี้หมิง
“คุณชายน้อย ข้าได้รับคำสั่งจากเถ้าแก่ให้มาแจ้งให้นายน้อยกับคุณชายน้อยเข้าไปพบเถ้าแก่ที่เหลาอาหารซิ่งฝูในวันพรุ่งนี้ขอรับ” ซีฮันเอ่ยแจ้งความตามที่ได้รับคำสั่งมา
“พี่ซีฮันรู้หรือไม่ขอรับว่าท่านปู่เรียกท่านพ่อกับข้าไปพบด้วยเหตุใด”
“มิทราบขอรับ ข้าเพียงได้รับคำสั่งให้มาแจ้งเพียงเท่านั้น”
“ขอบคุณพี่ซีฮัน ฝากความไปบอกท่านปู่ด้วยว่าข้ากับท่านพ่อจะไปพบท่านปู่หลินในวันพรุ่งนี้แน่นอนขอรับ” จางอี้หมิงตอบกลับ
ซีฮันเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าและขอตัวกลับทันที จางอี้หมิงมองดูรถม้าวิ่งหายไปจนลับสายตาแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านก็พบบิดากำลังเตรียมการสอน มารดาและท่านย่ากำลังนั่งปักผ้าด้วยกัน
“หมิงเอ๋อร์ ผู้ใดมาส่งเสียงโวยวายอยู่หน้าบ้านแต่เช้าเช่นนี้” หลี่อ้ายเงยหน้าจากผืนผ้า นางเอ่ยถามบุตรชายเสียงนุ่ม
“เป็นพี่ซีฮันจากเหลาอาหารซิ่งฝูขอรับ ท่านปู่ต้องการให้ท่านพ่อกับข้าไปพบพรุ่งนี้ขอรับ” จางอี้หมิงตอบมารดาและแจ้งข่าวสารไปด้วย
“อืม น่าสงสัยยิ่งนัก ไม่รู้จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกหรือไม่” นางหูเปรยออกมาเบา ๆ
“ท่านแม่ อย่าเป็นกังวลไปเลยขอรับ พรุ่งนี้ข้ากับหมิงเอ๋อร์ไปพบท่านพ่อบุญธรรมก็คงทราบเอง แต่เรื่องคงไม่ได้ร้ายแรงอันใดหรอกขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยปลอบมารดาเบา ๆ
“ท่านพ่อ เตรียมการสอนเสร็จหรือยังขอรับ เช่นนั้นข้าว่าไปเก็บหอยหินมาทำน้ำปรุงรสดีหรือไม่ขอรับ พรุ่งนี้จะได้เอาไปให้ท่านปู่ได้ทดลองทำอาหารที่เหลาซิ่งฝู และข้าอาจจะได้เอาไปถามเถ้าแก่หวังด้วย”
จางอี้หมิงเอ่ยถามบิดาขึ้นมา เนื่องจากเมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้ว ชาวบ้านได้สร้างสถานศึกษาชั่วคราวขึ้นในพื้นที่ของบ้านจาง ตรงบริเวณบ้านที่ถูกไฟไหม้ ทว่าความจริงแล้วคือห้องโล่ง ๆ ที่มีโต๊ะเรียนอยู่สามสิบห้าชุด ทางกลุ่มการค้าหลัวถงได้ว่าจ้างอาจารย์ในเมืองมาทำการสอนให้กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน โดยมีจางอี้เทาได้ช่วยสอนในบางครั้งด้วย
“พ่อเห็นด้วย เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
จางอี้เทาเห็นด้วยกับบุตรชาย สำหรับตัวเขานั้นไม่เก่งในเรื่องของการทำอาหาร แต่ภรรยากับมารดาเก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากได้รับการเคี้ยวกร่ำการทำอาหารจากบุตรชายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ตลอดบ่ายนั้นจางอี้เทากับหลี่อ้ายจึงช่วยกันทำน้ำปรุงรสจากหอยหินที่สองพ่อลูกไปเก็บมาก่อนที่จะบรรจุลงในไหเพื่อนำไปเป็นตัวอย่างสินค้าในวันพรุ่งนี้
พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าและนภายังมืดมิด สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยส่งผลให้ต้นไม้ไหวเอนกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าต่าง เสียงใบไม้ที่เสียดสีกันคล้ายทำนองเพลงกล่อมเด็กให้นิทรา ถึงแม้ว่าบ้านจางอยากจะนอนต่อมากเพียงไหน แต่ภารกิจวันนี้ก็ต่างทำให้สมาชิกบ้านจางตื่นขึ้นมากันทุกคน
หลี่อ้ายกลายเป็นขวัญใจของเหล่าฮูหยินหมู่บ้านหลัวถงไปเสียแล้ว เพราะเนื่องจากจะสอนเรื่องของการปักผ้าอย่างง่าย ๆ แล้ว บ้านจางยังริเริ่มผลิตสินค้าออกมาเพื่อจำหน่ายด้วย ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นเพียงการสอนขั้นตอนการเรียนรู้อยู่ก็ตามที แต่ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากเห็นสิ่งที่กลุ่มการค้าหลัวถงได้ทำมาเมื่อปีที่แล้ว
เมืองไห่ถังถึงแม้จะเผชิญกับภัยหนาว ชาวบ้านอดอยาก หากแต่หลังจากหิมะเริ่มละลาย การเดินทางสัญจรไปมาสะดวกสบาย เถ้าแก่ร้านขายของต่าง ๆ ก็รีบนำสินค้าที่ได้จากเมืองหลวงและกองคาราวานพ่อค้าเร่ออกมาขาย ราวกับว่าเมื่อสามสี่เดือนก่อนมิมีปัญหาภัยหนาวแม้แต่น้อย มารู้ทีหลังว่าภัยหนาวมิได้เกิดทั่วแคว้นฉิน เกิดขึ้นแค่เพียงบางเมืองเท่านั้น
“ท่านพ่อเร็วเข้าขอรับเดี๋ยวจะไม่ทันเกวียนท่านลุงผิน น้ำปรุงรสเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยเร่งบิดาให้รีบไปขึ้นเกวียนด้วยท่าทางรีบร้อน
“หมิงเอ๋อร์ ช้า ๆ ขอพ่อเอาไหน้ำปรุงรสใส่ตะกร้าไม้ไผ่ก่อน” จางอี้เทาเอ่ยกับบุตรชาย
“ท่านย่า ท่านแม่ต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปเอ่ยถามท่านย่าและมารดาเมื่อเห็นว่าท่านพ่อกำลังง่วนกับการจัดตะกร้าของตนเอง
“แม่ไม่ต้องการสิ่งใด หมิงเอ๋อร์รักษาตัวด้วย อย่าดื้อ อย่าซน เชื่อฟังท่านพ่อเข้าใจหรือไม่” หลี่อ้ายมิวายเอ่ยเตือนบุตรชายหลังจากที่สวมเสื้อกันหนาวตัวบางให้กับจางอี้หมิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าอากาศก็ยังถือว่าเย็นไปหน่อยสำหรับเด็กน้อย
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“ท่านพี่รบกวนฝากจดหมายและห่อผ้านี้ส่งให้กับเถ้าแก่เนี้ยด้วยนะเจ้าคะ ลำพังงานในกลุ่มการค้าหลัวถงและการทำสินค้าตัวใหม่ก็เยอะมากพอแล้ว ข้าเกรงใจเถ้าแก่เนี้ยเจ้าค่ะ”
จางอี้เทาพยักหน้าพร้อมยื่นมือไปรับจดหมายและห่อผ้าของภรรยานำไปใส่ในตะกร้า หลี่อ้ายยกเลิกการปักผ้าให้กับเถ้าแก่เนี้ยเนื่องจากว่าไม่มีเวลาในการทำ
“ได้ เช่นนั้นพี่จะรีบไปรีบกลับนะ” จางอี้เทาบอกภรรยาแล้วจึงก้มหน้าลงไปหอมแก้มนวลอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านพี่ทำอันใดกัน” หลี่อ้ายตีแขนสามีไม่หนักมากนักพลางเขินอายจนหน้าแดงไปหมด
จางอี้หมิงมองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา เด็กน้อยถอนหายใจอยู่ภายในใจอีกครั้ง
เห้อ! ท่านพ่อนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ไม่เห็นมีวี่แววว่าเขาจะมีน้องมาให้ชื่นใจเลย หรือท่านพ่อไม่มีน้ำยา เห็นทีเขาต้องหายาบำรุงมาให้ท่านพ่อเสียแล้ว
สองสามีภรรยามองหน้ากันพร้อมยิ้มกว้าง มันหวานหยดจนคนเป็นลูกเริ่มคิดหายาบำรุงมาให้บิดาจริงๆ
“ฮัดชิ้ว”
จางอี้เทาจามออกมาเสียงดังและหลังจากนั้นก็ได้แต่จามไปตลอดทางโดยหารู้ไม่ว่าตนเองถูกปรามาสจากบุตรชาย
สองคนพ่อลูกบ้านจางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว เกวียนลุงผินพาผู้โดยสารมาจอดยังจุดพักเกวียนใกล้กำแพงเมือง หลังจากที่จ่ายค่านั่งเกวียนและรับทราบถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านในวันนี้แล้ว ทั้งสองคนจึงมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารซิ่งฝู ซึ่งกลับมาเปิดเหลาอาหารตามปกติแล้ว ลูกค้ายังเนื่องแน่นอยู่เช่นเดิม ทว่าไม่มีคนมารอต่อแถวเพื่อกินอาหารแล้ว เนื่องจากเหลาซิ่งฝูทำระบบการออกใบจอง ทำให้เหลานักชิมทั้งหลายต่างพอใจเป็นอย่างมาก
“อรุณสวัสดิ์ขอรับพี่ซีฮัน” พ่อลูกบ้านจางเอ่ยทักเสี่ยวเอ้อร์อันดับหนึ่งของเหลาอาหารซิ่งฝูด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ขอรับนายน้อย คุณชายน้อย พวกท่านมาแล้วเถ้าแก่รออยู่ที่ห้องทำงานขอรับ” ซีฮันเอ่ยต้อนรับเมื่อเห็นสองพ่อลูกบ้านจางเดินมาถึงแล้ว
“ขอบคุณขอรับ”
จางอี้เทาเพียงพยักหน้ารับและจางอี้หมิงเอ่ยขอบคุณซีฮันก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องทำงานของเถ้าแก่หลินไห่ เมื่อไปถึงสองพ่อลูกก็เห็นว่าเถ้าแก่กำลังนั่งทำบัญชีของทางเหลาอาหารอยู่ หลังจากทักทายกันเรียบร้อยจางอี้เทาจึงเอ่ยถามถึงกิจธุระที่พ่อบุญธรรมต้องการทันที
“ท่านพ่อบุญธรรมมิทราบว่ามีเรื่องอันใดที่จะแจ้งให้ข้าทราบหรือขอรับ”
“ใช่ ๆ ท่านเจ้าเมืองมาหาข้าเมื่อเจ็ดวันก่อนนี้ให้ช่วยเรื่องของบุตรสาวที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว แต่แม่นางหวังกินอาหารอันใดมิได้เสียจนร่างกายผ่ายผอม ท่านหมอเองก็หมดหนทางแล้ว หากยังเป็นแบบนี้คาดว่าคงรักษาไว้ไม่ได้ทั้งแม่ทั้งลูก ท่านเจ้าเมืองร้อนใจจึงมาขอให้ข้าช่วยทำรายการอาหารที่คิดว่าบุตรสาวท่านเจ้าเมืองจะพอกินได้บ้าง
อู๋เจ๋อทำอาหารไปให้ทุกรายการที่ทางเหลาซิ่งฝูมีแล้ว ทว่าแม่นางหวังก็ยังกินอันใดมิได้ ข้าจนหนทางแล้วจึงได้ให้ซีฮันไปตามเจ้าสองคนพ่อลูกมา เผื่อว่าจะมีรายการอาหารอันใดที่จะช่วยให้แม่นางหวังกินอาหารและอาการดีขึ้นได้บ้าง” หลินไห่เอ่ยเล่าเรื่องราวให้ทั้งสองคนได้ฟัง
“ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เช่นนี้ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินรวมทั้งน้องห่าวหรานคงจะร้อนใจมากเป็นแน่” จางอี้เทาเปรยขึ้นมา
“หมิงหมิงน้อย เจ้าพอมีรายการอาหารอันใดบ้างที่คิดว่าแม่นางหวังพอจะกินได้บ้างหรือไม่” เถ้าแก่หลินเอ่ยถามหลานชายตัวน้อยอย่างคาดหวังคำตอบ
“ท่านปู่ ข้าพอมีรายการอาหารอยู่ขอรับ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าแม่นางหวังจะกินได้หรือไม่” จางอี้หมิงเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ในที เพราะเขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มจึงไม่คุ้นชินเกี่ยวกับอาหารของคนตั้งครรภ์นัก
อืม คนท้องไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ๆ ต่างก็ต้องชอบกินของเปรี้ยวกันทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นทุกคน ถ้าไม่ใช่ของเปรี้ยวเห็นที่ก็ต้องเป็นของหวาน และต้องเป็นอาหารที่ไม่มีกลิ่นแรงด้วย
“ท่านปู่ขอรับ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะขอไปค้างแรมที่เรือนท่านปู่สักสามวัน เพื่อทดลองทำอาหารที่ข้าคิดว่าแม่นางหวังจะสามารถกินได้ แต่ว่าต้องให้ท่านแม่ของข้าไปด้วยนะขอรับและถ้าได้พี่ชายหมินไปช่วยด้วยได้จะดีมาก อย่างน้อยท่านแม่กับพี่ชายหมินก็คุ้นเคยกันดีกับข้าแล้ว อีกอย่างท่านแม่ก็เคยตั้งครรภ์มาก่อนคงให้คำแนะนำกับข้าได้ขอรับ”
จางอี้หมิงเอ่ยปรึกษากับเถ้าแก่หลินไห่ เพราะเขาตรึกตรองแล้วว่าคงไม่สามารถไปกลับหมู่บ้านหลัวถงและในเมืองได้ในวันเดียว กันอีกหนึ่งเหตุผลคือการทดลองทำอาหารที่แม่นางหวังจะสามารถกินได้ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ และก็ไม่แน่ใจว่าต้องทำกี่อย่างด้วย ดังนั้นการมาพักที่เรือนของท่านปู่ในเมืองจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้
“ปู่เห็นด้วยกับหมิงหมิงน้อยนะ ท่านย่าใหญ่ต้องดีใจเป็นแน่ที่เจ้าจะมาค้างด้วยหลายวัน” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยสนับสนุนความคิดของหลายชายอย่างยินดี
“ท่านพ่อเล่าขอรับจะมาค้างที่บ้านท่านย่าใหญ่หรือไม่” จางอี้หมิงหันไปสอบถามบิดา
“หมิงเอ๋อร์ ท่านย่าเจ้าต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อน เช่นนั้นหมิงเอ๋อร์ก็มากับท่านแม่เพียงสองคนเถิด” จางอี้เทาเอ่ยตอบบุตรชายพร้อมทั้งอธิบายเหตุผล
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ท่านปู่ข้ามีของดีมาฝากขอรับ ท่านลุงอู๋ต้องชอบใจเป็นแน่ ท่านพ่อขอน้ำปรุงรสด้วยขอรับ” จางอี้หมิงเห็นว่าได้ข้อสรุปเรื่องของแม่นางหวังแล้วจึงคิดได้ว่าตนเองทำน้ำปรุงรสเพื่อนำมาให้ท่านปู่ลองดูด้วย จึงได้เอ่ยขอไหจากบิดา
จางอี้เทาจึงหันกลับไปหยิบไหน้ำปรุงรสขึ้นมาและวางไว้บนโต๊ะ
“น้ำปรุงรสเช่นนั้นหรือหมิงหมิงน้อย หรือว่ามันคือเครื่องปรุงชนิดใหม่” หลินไห่ได้ยินเช่นนั้นจึงเดาสิ่งที่หลานชายตัวน้อยกล่าวถึง
“ใช่แล้วขอรับท่านปู่ เป็นน้ำปรุงรสที่บ้านจางคิดค้นขึ้นมา มันจะทำให้อาหารที่ปรุงมีรสชาติอร่อยมากกว่าการปรุงด้วยซีอิ๊ว เกลือ และน้ำตาล ขอรับ”
“โอ้ เจ้าถึงกับรู้วิธีทำน้ำปรุงรส ปู่อยากจะลองชิมเสียแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปที่ห้องครัวกันเถอะ” หลินไห่ชวนสองพ่อลูกบ้านจางไปที่ห้องครัวในทันที เพราะทุกครั้งที่จางอี้เทากับจางอี้หมิงมาแจ้งเรื่องรายการอาหารชนิดใหม่เมื่อไหร่ เขาจะได้ชิมอาหารเลิศรสทุกครั้ง
“อู๋เจ๋อ เจ้าดูว่าใครมา” หลินไห่เอ่ยทักพ่อครัวอันดับหนึ่งของเหลาซิ่งฝูขึ้นเสียงดัง เมื่อก้าวข้ามประตูไปในห้องครัว
“เถ้าแก่ยังมิถึงวันที่หมิงหมิงน้อยจะให้รายการอาหารชนิดใหม่นี่ขอรับ” อู๋เจ๋อเอ่ยทักขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ท่านลุงอู๋ วันนี้ข้ามิได้มาสอนอาหารชนิดใหม่แต่ข้ามีน้ำปรุงรสชนิดใหม่มาให้ลุงอู๋ได้ชิมต่างหากเล่าขอรับ ข้ารับรองได้ว่าท่านลุงอู๋ต้องชอบเป็นแน่” จางอี้หมิงเป็นคนตอบคำถามนั้นด้วยตนเอง
“โอ้ เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ ข้าสักอยากชิมเสียเเล้วสิ อาหารของเจ้าของดีทั้งนั้น” อู๋เจ๋อเอ่ยเย้าเด็กน้อยที่ความสามารถมิน้อยตามตัวเสียงทุ้ม
“เช่นนั้นท่านลุงอู๋ก็เตรียมทำงานหนักได้เลยขอรับ เพราะว่าลูกค้าจะต้องล้นเหลาซิ่งฝูเป็นแน่” จางอี้หมิงตอบแล้วหัวเราะด้วยเสียงน่ารัก
ตลอดหนึ่งชั่วยามที่จางอี้หมิงใช้เวลากับอู๋เจ๋อและคนงานในครัว เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินไม่ขาดสาย
ลูกค้าที่มาทานอาหารที่เหลาซิ่งฝูในวันนี้คงแปลกใจมิน้อยว่าเหตุใดอาหารรายการเดิม ๆ แต่กลับรู้สึกว่าอร่อยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว นั่นเพราะจางอี้หมิงได้ใส่น้ำปรุงรสไปในอาหารในวันนี้ด้วยเกือบทุกรายการ
เห็นทีว่าสินค้าตัวใหม่นี้คงสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวจางได้เป็นอย่างดี...
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?