ตอนที่ 84 สำนึกผิด

ภายในจวนอ๋องเมืองไห่ถังเงียบสงัดกว่าวันไหน ๆ เวลาต้นยามห้าย(21.00 – 22.59) ท่านหมอกู้ก็เปิดประตูออกมาจากห้องที่ทำการรักษาจางอี้หมิง ทำให้จางอี้เทา หลี่อ้าย และองครักษ์ทั้งหมดกรูเข้าไปสอบถามด้วยความรีบเร่ง

“ท่านหมอ หมิงเอ๋อร์ บุตรชายของข้าเป็นเช่นไรบ้าง” จางอี้เทาและหลี่อ้ายเอ่ยถามออกไปพร้อมกัน

“ท่านหมอ ท่านอ๋องน้อยปลอดภัยแล้วหรือไม่” องค์รักษ์อีเองก็ถามออกไปบ้าง

“หยุด พวกเจ้าหยุดก่อน ข้าเหนื่อยยิ่งนัก ขอเวลาให้ข้าได้นั่งพักสักครู่” ท่านหมอกู้เดินนำไปนั่งลงบนโต๊ะกลมในอีกห้องหนึ่งซึ่งจัดไว้เป็นที่พักของหมอและผู้ช่วย ชายชรายกแก้วชาขึ้นดื่มหลังจากที่สาวใช้รินใส่ถ้วยไว้ให้

“ท่านอ๋องน้อยปลอดภัยแล้ว อาการไม่น่าเป็นห่วง เพียงแต่ต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือน”

“ลูกข้าปลอดภัยแล้วเหตุใดถึงต้องพักรักษาตัวนานเช่นนั้นเล่าท่านหมอ” จางอี้เทาถามต่อด้วยความวิตกกังวล หากอาการปลอดภัยแล้ว เหตุใดจึงต้องนอนพักนานถึงเพียงนั้นเล่า

“ท่านอ๋องน้อยแขนข้างซ้ายหัก ข้าต้องดามแขนไว้ หากเป็นไปได้ก็อย่าใช้แขนข้างนั้นจนกว่าจะหายดี นอกจากนี้มีอาการปากแตก ลำตัวมีรอยฟกช้ำจากการโดนของแข็งกระแทก และยังมีอาการจุกปวดจากการถูกเหวี่ยงลงพื้นด้วย โชคดีที่ท่านอ๋องน้อยบอบช้ำภายในไม่มากนัก ปอด ตับ ไตไม่ฉีกขาด เพราะร่างกายยังเป็นเด็กการฟื้นตัวถือว่าเร็วกว่าผู้ใหญ่อยู่บ้าง”

“เช่นนั้นก็ดีแล้วที่หมิงเอ๋อร์ปลอดภัย” หลี่อ้ายกล่าวออกมาด้วยความโล่งอก

“ข้าขอเข้าไปเยี่ยมลูกชายได้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยถามท่านหมอกู้ต่อ เขาอยากเข้าไปพบลูกชายเหลือเกิน

“อย่าเพิ่งเลย ท่านอ๋องน้อยต้องการพักผ่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว สมควรแยกย้ายกันไปพักผ่อน พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้จัดการให้หมอผู้ช่วยคอยดูแลท่านอ๋องน้อยตลอดเวลา หากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันข้าจะรีบให้องครักษ์ไปแจ้งพวกเจ้าสองคนโดยไว” ท่านหมอกู้ห้ามและอธิบาย

“เช่นนั้นข้ากับภรรยาขอตัวไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ยามเช้าจะรีบมาขอรับ” จางอี้เทาไม่ดื้อรั้นที่จะเข้าเยี่ยมบุตรชาย หากท่านหมอบอกว่าปลอดภัยก็คงปลอดภัยจริง อีกไม่กี่ชั่วยามก็เช้าแล้ว อดทนอีกนิดคงมิเป็นไร

สาวใช้ในจวนนำทางสองสามีภรรยาบ้านจางไปพักยังห้องรับรองแขก ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงชาวบ้านแต่ก็เป็นบิดาและมารดาที่แท้จริงของเจ้านายตัวน้อย นางและคนรับใช้อื่นจึงต้องให้ความเคารพอยู่ขั้นหนึ่ง

ทางด้านครอบครัวซุนและนางหูที่นั่งรออยู่ สาวรับใช้ก็เข้ามาแจ้งข่าวว่าจางอี้หมิงปลอดภัยแล้วและนำทุกคนแยกย้ายไปยังห้องรับรองเพื่อพักผ่อน

ณ จวนอ๋อง ในเวลายามเหม่า (05.00 -06.59) จางอี้เทาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยองครักษ์ปา(8) ที่เร่งรีบเข้ามาแจ้งให้จางอี้เทาไปพบท่านอ๋องน้อยที่ห้องโดยพลัน จางอี้เทารีบลุกออกไปทันที ด้วยความวิตกกังวลถึงอาการป่วยของบุตรชาย เขาไม่แม้แต่จะล้างหน้า ทำเพียงหยิบชุดนอกขึ้นมาสวมทับชั้นในไปเท่านั้น

“น้องหญิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามพี่ไปที่ห้องหมิงเอ๋อร์นะ”

จางอี้เทาเอ่ยบอกภรรยาก่อนจะก้าวท้าวตามองครักษ์ปาไปอย่างร้อนรน ในหัวมีแต่ความคิดตีวนไปต่าง ๆ นานาถึงบุตรชายที่นอนเจ็บอยู่อีกฝากหนึ่งของจวน เมื่อไปถึงทหารรักษาการณ์หน้าห้องก็เปิดประตูให้บิดาท่านอ๋องน้อยได้เข้าไปข้างในทันที

จางอี้หมิงตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกำลังอดกลั้นกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ จางอี้เทาเห็นบุตรชายมีสีหน้าเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปนั่งข้างเตียง เขาใช้สายตากวาดมองอย่างรวดเร็วไปครั้งหนึ่ง จางอี้หมิงมีปากที่บวมเจ่อ แขนข้างซ้ายมีร่องรอยการดามกับไม้ เด็กชายนอนนิ่งอยู่บนเตียง

“หมิงเอ๋อร์ เป็นเช่นไรบ้าง พ่ออยู่นี่แล้ว” จางอี้เทายกมือลูบใบหน้าบุตรชายด้วยความรักและเป็นห่วง เห็นเด็กน้อยลืมตาอย่างนี้คนเป็นพ่อก็เบาใจลงไปบ้าง

“ท่านจาง ท่านอ๋องน้อยต้องการทำธุระส่วนตัวขอรับ แต่ไม่ยอมให้พวกข้าหมอผู้ช่วยเข้ามาช่วยเหลือ องครักษ์ปาจึงต้องไปตามท่านจางตั้งแต่เช้า” เป็นหมอผู้ช่วยคนหนึ่งที่เข้ามารายงาน

“ท่านพ่อ ข้าอยากปลดทุกข์ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยเสียงเบา ที่เขาเสียงแผ่วเช่นนี้เพราะหนึ่งด้วยความอายและสองเพราะปากที่แตกทำให้การขยับปากพูดเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

“โธ่ หมิงเอ๋อร์ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพ่อจะช่วยเจ้าเอง” จางอี้เทาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอันใด

“ข้าน้อยขอบังอาจแนะนำ ท่านอ๋องน้อยยังบาดเจ็บเดินเหินไม่คล่อง การดูแลให้พวกข้าน้อยที่เป็นหมอดูแลจะเป็นการดีกว่านะขอรับ อย่างน้อยในช่วงเจ็ดวันนี้ ความปลอดภัยและอาการของท่านอ๋องน้อยมิอาจทำตามใจได้ คาดว่าพวกข้าน้อยคงรับความพิโรจของท่านอ๋องมิไหว หากเกิดอันใดขึ้นกับท่านอ๋องน้อยขอรับ” หมอผู้ช่วยออกความเห็นด้วยความนอบน้อมอีกครั้ง

“หมิงเอ๋อร์ มิใช่ว่าพ่อรังเกียจที่จะดูแลเจ้า แต่พ่อเห็นด้วยกับท่านหมอนะ ขอเพียงผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีดีหรือไม่”

จางอี้เทานิ่งไปสักพักเพื่อพิจารณาตามคำเตือนของหมอผู้ช่วย เขาเห็นสมควรตามคำแนะนำจึงได้แจ้งแก่บุตรชาย

จางอี้หมิงเมื่อได้ฟังคำเตือนของหมอผู้ช่วยและบิดาก็ได้แต่ข่มกลั้นความอาย พยักหน้าให้บิดาและหมอผู้ช่วยคนนั้นอย่างจำยอม จางอี้เทาจึงเดินออกไปรอนอกห้อง

จางอี้หมิงสูดลมหายใจเข้า ใบหน้าก็แดงก่ำ เด็กน้อยโอดครวญในใจไปตลอดทางเข้าห้องน้ำ

ทำไงได้ ก็เขาอายนี่นา ถึงแม้จะเป็นเด็กก็ตามที แต่วิญญาณมิใช่เด็กนี่ หากเพียงแค่ปวดเบาคงพอทำใจได้ แต่นี้เขาต้องการปลดทุกข์นักเชียวนะ เขาก็เกรงใจเป็นธรรมดา อย่างน้อยให้บิดาช่วยเหลือก็ยังเป็นชายเหมือนกันและยังถือเป็นบิดาเขาจึงพอทำใจได้

หลี่อ้ายและจางอี้เทาพากันมานั่งรออยู่ตรงห้องรับแขกเพื่อเข้าเยี่ยมบุตรชายในเช้านี้ ทั้งสองนั่งรอไม่นาน ครอบครัวซุนและนางหูก็มาสมทบ

“อาเทา หมิงเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง” นางหูเอ่ยถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง

“ท่านแม่ หมิงเอ๋อร์ปลอดภัยดีแล้ว ตอนนี้กำลังล้างหน้าทำธุระส่วนตัวอยู่ขอรับ”

“ลี่เอ๋อร์ เมื่อคืนเกิดอันใดขึ้น พอจะเล่าให้น้าสะใภ้ฟังได้หรือไม่” เป็นหลี่อ้ายที่ต้องการรู้รายละเอียดถามออกมา เนื่องจากเมื่อคืนนางไม่สะดวกในการสอบถามเรื่องราว ซุนซูลี่จึงเล่าเรื่องราวออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วหลี่อ้ายถึงกับยกมือทาบอก

“ลี่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ ข้าในฐานะมารดาของหมิงเอ๋อร์ ต้องขอโทษแทนบุตรชายของข้าด้วย ขอลี่เอ๋อร์กับเย่เอ๋อร์ยกโทษให้กับพวกเราครอบครัวจางด้วย” หลี่อ้ายรีบเอ่ยขอโทษเด็กน้อยบ้านซุนทันที เพราะความซนของบุตรชายนางเกือบทำให้พี่น้องบ้านซุนถูกนำไปขายหอที่นางโลม

“พี่เย่ ท่านปู่ถง ข้าในฐานะบิดาของหมิงเอ๋อร์ ต้องขออภัยครอบครัวซุนด้วยที่เกิดเหตุร้ายนี้ขึ้น” จางอี้เทายกมือคารวะไปทางท่านหัวหน้าหมู่บ้านและซุนซูเย่ด้วยความรู้สึกเสียใจ

“อาเทา ช่างมันเถอะ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตอนนี้ลี่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ ต่างก็ปลอดภัยแล้ว เป็นหมิงหมิงน้อยเสียอีกที่เจ็บหนัก พวกเราครอบครัวซุนมิได้ติดใจโกรธเคียงอันใดอีก บ้านจางต่างก็เป็นผู้มีพระคุณของบ้านซุน ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ” ซุนถงตอบกลับ

“ข้าขอขอบคุณท่านปู่ถงที่มิได้ติดใจเอาความอันใดกับหมิงเอ๋อร์” จางอี้เทาเป็นตัวแทนบ้านจางขอโทษบ้านซุนด้วยความจริงใจอีกครั้ง

เมื่อคืนหลังจากที่ซุนซูลี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับทุกคนได้รับฟัง ในตอนที่แยกย้ายกันไปพักผ่อน ซุนซูเย่ก็ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับบิดาแล้วเรียบร้อยและได้ข้อตกลงว่าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ต่อให้จะโกรธหรือต้องการให้จางอี้หมิงรับผิดชอบก็คงทำไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งของเด็กชาย บุญคุณที่บ้านจางช่วยเหลือให้อาชีพทำมาหากิน อีกทั้งเด็กบ้านซุนก็มิได้เจ็บปวดอันใด ซึ่งตรงกันข้ามกับจางอี้หมิงที่เจ็บหนักเมื่อชั่งน้ำหนักทุกอย่างแล้วพวกเขาจึงได้ข้อตกลงตามนี้

กว่าที่หมอผู้ช่วยจะจัดการช่วยจางอี้หมิงให้ได้ปลดหนักปลดเบา เช็ดตัว ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วยาม ไม่นานท่านหมอกู้กับหัวหน้าองครักษ์อีก็มาถึง

“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าขอเข้าไปตรวจอาการท่านอ๋องน้อยก่อน เสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที” ท่านหมอกู้บอกทุกคนที่กำลังรอเข้าเยี่ยมจางอี้หมิง

“เจ้าค่ะ/ขอรับ”

คล้อยหลังเมื่อท่านหมอเข้าไปตรวจจางอี้หมิงไม่ถึงหนึ่งเค่อ เขาก็ออกมาแจ้งข่าวแก่ทั้งสองครอบครัว

“ท่านอ๋องน้อยอาการดีขึ้นมาก ข้าว่าตอนนี้พวกเจ้าสมควรไปกินข้าวให้เรียบร้อย หมอผู้ช่วยจะได้ป้อนข้าวท่านอ๋องน้อยด้วย เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยมาเยี่ยมก็ยังมิสาย จนกว่าอาการของท่านอ๋องน้อยจะหายดีคงต้องให้พักที่จวนอ๋องไปก่อน สำหรับเรื่องต่าง ๆ พวกเจ้าก็ถามท่านหัวหน้าอีเองเถอะ” ท่านหมอกู้แจ้งข่าวกับทุกคนแล้วแยกตัวออกไป

ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม เถ้าแก่หลินไห่กับตู้จินเหมยก็ได้เดินทางมายังจวนอ๋อง หลังจากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ครอบครัวจาง ครอบครัวซุน และทุกคนจึงได้เข้าเยี่ยมจางอี้หมิงโดยแบ่งการเข้าเยี่ยมเป็นสามครั้งเพราะองครักษ์อีต้องการให้ท่านอ๋องน้อยได้พักผ่อน

จางอี้เทาและหลี่อ้ายจะพักที่จวนอ๋องเป็นเวลาอีกเจ็ดวัน โดยครอบครัวซุนจะเดินทางกลับหมู่บ้านหลัวถงในตอนบ่ายวันนี้ ส่วนเถ้าแก่หลินไห่หลังจากที่เยี่ยมหลานชายบุญธรรมเสร็จแล้วจึงกลับไปที่เหลาซิ่งฝูเนื่องจากจางอี้หมิงไม่ต้องการให้การสอนทำอาหารและประชาสัมพันธ์น้ำมันลูกหนาม รวมถึงรายการอาหารต่าง ๆ หยุดชะงักลง

จางอี้เทาเอ่ยสั่งสอนบุตรชายถึงความประมาทที่เกือบทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังทำให้พี่สาวพี่ชายบ้านซุนตกใจเสียขวัญด้วย

“อาเทา รอให้หมิงเอ๋อร์รักษาตัวให้หายก่อนได้หรือไม่ หมิงเอ๋อร์รู้สำนึกแล้ว ก็อย่าลงโทษอีกเลย” นางหูเข้าไปขอร้องบุตรแทนหลานชายที่นอนเจ็บอยู่แค่เห็นหลานชายเพียงคนเดียวเจ็บหนักถึงเพียงนี้ใจก็จะขาดเสียให้ได้แล้ว

“ท่านแม่ ข้าต้องสอนเขาในตอนที่กำลังเจ็บนี้ถูกต้องแล้วขอรับ ต่อไปจะได้จำว่าจะเกิดอันใดขึ้นหากตั้งอยู่บนความประมาท”

“ท่านพ่อ ต่อไปข้าสัญญาจะทำอันใดจะคิดให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ข้าจดจำไว้แล้วขอรับ”

จางอี้หมิงเอ่ยปากรับคำสั่งสอนของบิดา ด้วยตนเองสำนึกผิดแล้วอย่างแท้จริง เมื่อยามหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเกือบถูกโจรชั่วนั่นกระทืบเท้าลงมา

“ท่านพี่ หมิงเอ๋อร์ ตัวเล็กและเด็กเพียงเท่านี้อาจจะคิดอ่านการณ์อันใดผิดพลาดไปบ้าง เช่นไรตอนนี้ลูกก็สำนึกผิดแล้ว ต่อไปคงจดจำไม่กล้าดื้อรั้นและซุกซนอีกแล้ว ก็ขอให้จบเรื่องเพียงเท่านี้เถอะเจ้าค่ะ เรายังต้องคิดอ่านเรื่องขอโทษบ้านซุนอีกนะเจ้าคะ” หลี่อ้ายเอ่ยเตือนสามี

“ได้ เช่นนั้นในครั้งนี้หมิงเอ๋อร์ต้องสัญญากับพ่อว่าจะต้องไม่เอาตนเองไปเสี่ยงอันตรายอีก”

“ขอรับ ข้าสัญญา”

องครักษ์ซาน(3) ถูกหัวหน้าองครักษ์อี (1) ลงโทษที่ละเลยต่อหน้าที่ทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับท่านอ๋องน้อย

แต่จางอี้หมิงขอร้องให้องครักษ์ลดโทษให้กับองครักษ์ซาน เนื่องจากจางอี้หมิงคิดว่าหากไม่ได้องครักษ์ซานช่วยเหลือตนไว้ ตนเองจะเป็นตายร้ายดีเช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้

เขาต้องขอบคุณท่านองค์รักษ์เสียด้วยซ้ำที่มาได้ทันท่วงที...ถึงแม้ว่าจางอี้หมิงจะไม่รู้ว่าตนเองมีองครักษ์คอยคุ้มครองอยู่ก็ตาม

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ