ตอนที่ 79 ผลการตัดสิน

เสียงเอ่ยคัดค้านของเกาจ้านดังขึ้นเรียกความสนใจจากชาวเมืองและคณะผู้ตัดสินให้หันไปมองเป็นตาเดียว เจ้าของเหลาอาหารเฟิงฟู่เดินเข้ามาอย่างถือตนและขอให้ตัดสิทธิ์เหลาอาหารซิ่งฝูเสีย ส่งผลให้ทุกคนในที่นั้นเงียบเสียงลงโดยมิได้นัดหมาย

“เกาจ้าน เจ้าว่าเหลาอาหารซิ่งฝูสมควรถูกตัดสิทธิ์การเข้าร่วมแข่งขัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น”

ท่านเจ้าเมืองที่ได้สติก่อนเป็นคนแรกจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

“เรียนท่านเจ้าเมือง สาเหตุเป็นเพราะเหลาซิ่งฝูทำผิดกฎการแข่งขันขอรับ ในกฎการแข่งขันระบุให้ทำอาหารเพียงรายการเดียว แต่เหลาซิ่งฝูทำอาหารมาสองรายการขอรับ นั่นจึงเป็นเหตุผลในการถูกตัดสิทธิ์” เกาจ้านตอบคำถามด้วยความมั่นใจ

“เหลาซิ่งฝูพวกเจ้ามีข้อแก้ตัวหรือไม่” หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบเป็นผู้หันไปเอ่ยถามทางด้านผู้ถูกกล่าวหา

“เรียนท่านเจ้าเมือง ท่านหัวหน้าผู้ตรวจสอบ เหลาอาหารซิ่งฝูมิได้ทำผิดกฎขอรับ พวกเราทำอาหารเพียงรายการเดียวเท่านั้น มิใช่สองรายการขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบด้วยความสงบ มิได้ลนลานแต่อย่างใด

“ฮะ ฮะ ฮะ เด็กน้อยเจ้าช่างน่าขันยิ่งนัก ไม่ว่าใครต่างก็เห็นว่าเหลาซิ่งฝูทำอาหารมาสองรายการคือไข่ม้วนข้าวผัดกุ้งและข้าวปั้นไข่สามรส ไหนเจ้าลองบอกข้ามาสิว่ามันกลายเป็นอาหารรายการเดียวได้เช่นไร” เกาจ้านหัวเราะออกมาเสียงดังพลางเอ่ยถามคล้ายกำลังต้อนเด็กน้อยให้จนมุม

“ในตอนที่ข้าแนะนำอาหารให้กับพวกท่านได้รู้จัก ข้าเพียงอธิบายว่าทำมาจากอันใด มีส่วนประกอบอันใดบ้าง แต่ข้ายังมิได้แจ้งว่ารายการอาหารชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอันใดเลยก็ถูกท่านอาวุโสเอ่ยคัดค้านขึ้นมาเสียก่อน ถ้าหากว่าพวกท่านรออีกสักนิดก็จะทราบว่า ไข่ม้วนข้าวผัดกุ้งรวมกับข้าวปั้นไข่สามรส จึงได้รายการอาหารที่มีชื่อว่า ข้าวปั้นไข่ม้วน ต่างหากเล่าขอรับ”

“จะ เจ้า ถึงกับกลับกลอกเช่นนี้เชียวหรือ”

“ข้าหาได้กลับกลอกไม่ ท่านไม่สังเกตหรือขอรับว่าข้าจัดอาหารนี้เป็นชุดกันลงบนใบไม้เพียงหนึ่งใบ ด้วยเหตุนี้ ข้าวปั้นไข่ม้วนจึงเป็นเพียงอาหารรายการเดียวขอรับ”

จางอี้หมิงอธิบายอย่างใจเย็น ซึ่งทำให้ตอนนี้เกาจ้านหน้าขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโมโหในความเจ้าเล่ห์ของเด็กน้อยบนเวทีนั่น ใช่ เพราะการจัดอาหารเป็นชุดกันจึงไม่ถือว่าเป็นรายการอาหารสองชนิด รวมทั้งการตกแต่งจัดจานอาหารที่นำไปส่งก็ยังคล้ายคลึงกันอีกด้วย ข้อหานี้ของเกาจ้านจึงตกไป

“ถึงแม้ว่าจะไม่ผิดกฎการแข่งขัน แต่ข้าวปั้นไข่ม้วนก็ไม่คู่ควรเป็นรายการอาหารที่ชนะการแข่งขันจนได้ตำแหน่งไปครอบครอง” คราวนี้เป็นเล่อหยุนที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง

“เล่อหยุน เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนั้น จงบอกเหตุผลให้ชาวประชาได้รับฟังด้วยเถิด” ในฐานะที่เป็นเจ้าเมือง ท่านเจ้าเมืองจึงต้องวางตัวเป็นกลางจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ เขาหันไปถามอดีตพ่อครัวหลวงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อาหารที่จะคู่ควรกับตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมือง สมควรเป็นรายการอาหารเลิศรส ปรุงจากเนื้อ มิใช่เพียงไข่เท่านั้น ไข่อันนี้ชาวบ้านก็หาซื้อได้มิยากอันใด บางบ้านอาจจะเลี้ยงไว้กินเองอีกด้วย อาหารของเหลาซิ่งฝูมิคู่ควรกับตำแหน่งแม้แต่น้อย เนื่องจากผู้ที่มาซื้ออาหารต่างก็เป็นเหล่าข้าราชสำนัก คหบดี เศรษฐี แล้วท่านจะให้พวกเขาเหล่านี้ลดตัวลงไปในระดับล่างเฉกเช่นชาวบ้านเช่นนั้นหรือ”

เมื่อเหล่าคหบดี เศรษฐี และข้าราชสำนักได้ยินเช่นนั้นต่างก็ส่งเสียงสนับสนุนเห็นด้วย เพราะพวกเขาถือตนว่าเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะดีกว่าชาวบ้านมากนัก เหล่าชาวบ้านมิอาจเทียบเทียมตนได้

ครั้นเมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวของพ่อครัวซึ่งเคยเป็นถึงอดีตพ่อครัวหลวงก็ทำให้สถานการณ์อึดอัดขึ้นมาทันที เกิดเสียงดังอืออึ้งไปทั่วลานเมือง เนื่องจากสิ่งที่เล่อหยุนกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ

การแบ่งชนชั้นชัดเจนยิ่ง ชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะเทียบเท่าพ่อค้า คหบดี หรือข้าราชสำนักได้ หากตัดสินให้รายการอาหารข้าวปั้นไข่ม้วนชนะการแข่งขัน เห็นทีจะเป็นที่น่าอับอายขายหน้าของเมืองต่างๆ แล้ว แต่ทว่าก็มิอาจปฏิเสธได้เลยว่ารายการอาหารธรรมดาเช่นข้าวปั้นไข่ม้วนนี้มันอร่อยจริง ๆ

คณะผู้ตรวจสอบจากเมืองหลวงได้ฟังเช่นนั้นจึงต้องปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด จากประสบการณ์ทำงานในเมืองหลวงไหนเลยจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ หากตัดสินให้เหลาอาหารซิ่งฝูชนะก็เกรงว่าตำแหน่งหน้าที่การงานของตนในเมืองหลวงคงได้ถูกเล่าลือและอับอายขายหน้าเป็นแน่

“หึ พวกเจ้าอ้างว่าอาหารที่จะต้องชนะนั้นควรเป็นอาหารของชนชั้นสูง พวกเจ้าหาว่าเด็กน้อยจางอี้หมิงเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ไหนเลยจะเหมาะสมกับเหลาอันดับหนึ่งเช่นนั้นหรือ พวกเจ้าจะดูถูกแคว้นเหลียงของข้าเกินไปแล้ว” หนิงอ๋องตวาดขึ้นเสียงดังจนทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับแปลกใจ เหตุใดหนิงอ๋องจึงได้ตรัสออกมาเช่นนั้น เด็กน้อยคนนี้เกี่ยวข้องอันใดกับแคว้นเหลียงของหนิงอ๋องเล่า

แต่ในความสับสน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นิ่งเงียบ ไม่แปลกใจในคำพูดของท่านอ๋องแม้แต่น้อย

“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงหมายความว่าเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” เป็นเล่อหยุนที่เอ่ยถามด้วยความสงสัย พ่อครัวหลวงมีน้ำเสียงนอบน้อมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“จางอี้หมิงที่พวกเจ้ากำลังดูถูกว่าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดานั้น ไหนเลยจะคู่ควรกับอาหารของเหลาอันดับหนึ่ง หากให้เหลาซิ่งฝูชนะในวันนี้ เหล่าพ่อค้า คหบดี ข้าราชสำนักจะขายหน้า มิยินยอม เช่นนั้นมิใช่ว่าพวกเจ้าก็กำลังล่วงเกินหาว่าข้าเป็นเพียงชนชั้นล่างหาได้คู่ควรกับอาหารของพวกเจ้าเช่นนั้นหรอกหรือ ในเมื่อจางอี้หมิงคืออ๋องน้อย บุตรชายอีกคนของเรา เขาเป็นอ๋องน้อยแห่งแคว้นเหลียง เป็นเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเหลียง” หนิงอ๋องตรัสพร้อมกวาดสายพระเนตรมองเหล่าผู้คัดค้าน

“พวกเจ้าที่เป็นเพียงพ่อค้า คหบดี หรือเพียงเจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็ก ๆ ทั้งยังเป็นเมืองขึ้นของแคว้นจ้าว พวกเจ้ากล้าท้าทายอำนาจราชวงศ์แคว้นเหลียงเช่นนั้นหรือ”

หลังจากหนิงอ๋องตรัสเสร็จแล้ว ยิ่งทำให้เสียงที่ดังเซ็งแซ่อยู่แล้วดังขึ้นไปอีก

“เด็กน้อยคนนั้นเป็นถึงอ๋องน้อย”

“...”

“...”

จางอี้หมิงมิได้ปฏิเสธหรือยอมรับในคำกล่าวของหนิงอ๋อง เนื่องจากว่าเป็นการดียิ่งหากตำแหน่งอ๋องน้อยของแคว้นเหลียงจะทำให้กิจการการค้าต่าง ๆ ที่เขาตั้งใจนำพากลุ่มการค้าหลัวถงให้ขยายกิจการไปทั่วแคว้นและต่างแคว้นด้วย

มีขาทองคำให้เกาะคงทำให้เหนื่อยน้อยลงหน่อยก็เป็นได้ เพราะไหน ๆ ก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว ดังนั้นข้าสมควรใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดสินะ

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเค่อก็ยังมีการถกเถียงถึงคำพูดของเล่อหยุนและหนิงอ๋องกันเซ็งแซ่ กลายเป็นเปิดตัวจางอี้หมิงในฐานะอ๋องน้อยของแคว้นเหลียงไปเสียได้ ความชุลมุนเกิดขึ้นจนหนิงอ๋องทนไม่ไหวเพราะตนเองต้องรีบเดินทางในวันถัดไปแต่เขาก็อยากจะอยู่ดูความสำเร็จของบุตรชายก่อน ซึ่งเขาก็มั่นใจในความสามารถของคนของตนเองดี เขาจึงได้เอ่ยขึ้น

“เกาจ้าน เล่อหยุน ตำแหน่งอ๋องน้อยของแคว้นเหลียงคงเพียงพอให้มีฐานะเข้าแข่งขันและมีสิทธิ์ชนะการแข่งขันได้แล้วใช่หรือไม่” หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกดดันส่งผลให้ทั้งคู่ถึงกับเหงื่อตกทั้งที่อากาศมิได้ร้อนเลยแม้แต่น้อย

“พ่ะย่ะค่ะ” ทั้งคู่ตอบรับพร้อมกัน

“ท่านเจ้าเมือง ท่านคงมิลืมว่าผลการแข่งขันมาจาก 2 ส่วนนะ เมื่อท่านได้ประกาศวิธีการแข่งขันไปแล้ว ไม่ว่าเช่นไรก็ต้องทำตามนั้น แล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ก็ให้ชาวบ้านชาวเมืองและคะแนนเป็นผู้ตัดสินเถิด”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะที่กรุณาแนะนำ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้ดำเนินการต่อไป”

ท่านเจ้าเมืองกล่าวขอบคุณหนิงอ๋องเสร็จแล้วก็พยักหน้าให้ผู้ช่วยได้ดำเนินการแข่งขันต่อไป

“ทุกคนเงียบเสียงลงก่อน ท่านเจ้าเมืองรับทราบถึงความจริงในข้อที่พ่อครัวเหลาอาหารเฟิงฟู่กล่าวได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ากฎการแข่งขันได้ประกาศออกไปแล้ว เช่นนั้นก็จงดำเนินการต่อไป ขอยืนยันคำเดิมว่าคะแนนจะได้มาจาก 2 ส่วน คือจากคณะผู้ตรวจสอบจากเมืองหลวงและชาวบ้าน เช่นนั้นก็เริ่มได้” ผู้ช่วยท่านเจ้าเมืองเมื่อประกาศออกไปแล้วจึงเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่เยื้องไปทางเจ้านายตนเอง

เวลาผ่านไปไม่นานก็มีทหารนำกล่องไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออกมา พวกเขาวางกล่องไม้นั้นตรงจุดสองจุดที่เขียนป้ายกำกับชื่อของแต่ละเหลาอาหารไว้ โดยมีผู้ช่วยเจ้าเมืองประกาศว่ากล่องไม้อันไหนเป็นของเหลาอาหารไหนเพื่อเป็นการให้ความสะดวกแก่ชาวบ้านที่อ่านหนังสือมิออก

เนื่องด้วยชาวเมืองมากันเป็นจำนวนมากทำให้มีผู้ร่วมลงคะแนนอย่างล้นหลาม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาท่านเจ้าเมืองจึงให้ทหารเป็นผู้นับจำนวนเงินไปด้วย ลงคะแนนไปด้วย ใช้เวลาไปอีกหนึ่งชั่วยามผลการตัดสินจึงอยู่ในมือของผู้ช่วยท่านเจ้าเมือง

“ทุกคนฟังทางนี้ ผลการนับคะแนนออกมาแล้วปรากฎว่า เหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังได้แก่.....” ผู้ช่วยท่านเจ้าเมืองกล่าวเพียงเท่านั้นก็หยุดเสียงลงไม่กล่าวต่อ

“ได้แก่ แล้วมันได้แก่ผู้ใด เหตุใดจึงไม่ประกาศเล่า” เสียงของผู้ที่มาชมการแข่งขันเอ่ยถามขึ้นอย่างอยากรู้

ผู้ช่วยท่านเจ้าเมืองมองดูผลในมืออีกครั้งและอีกครั้ง เขาหันไปมองหน้าคณะผู้ตัดสินอย่างลืมตัว เมื่อมั่นใจว่าผลผู้ชนะในมือไม่ผิดเพี้ยนจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

“เหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังได้แก่.....ไม่มี” สุดท้ายจึงประกาศออกมาได้ในที่สุด

“หา เหตุใดจึงไม่มี”

“เกิดอันใดขึ้น”

“ข้าไม่เข้าใจ หรือว่าข้าฟังผิดไป”

“...”

เสียงอื่นๆ อีกมากมายดังขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำประกาศของผู้ช่วยเจ้าเมืองเอ่ยจบลง ชาวเมืองต่างตกตะลึงกับผลการแข่งขัน จะกี่ปีต่อกี่ปีที่ผ่านมานั้นยังไม่เคยมีเหตุการณ์เสมอกันมาก่อน

“มันเกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงไม่มีใครได้อันดับหนึ่งเล่า” เป็นเกาจ้านที่ถึงกับลุกขึ้นยืนตะโกนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“หยุดก่อน พวกเจ้าทุกคนจงเงียบ ให้ท่านเจ้าเมืองได้อธิบายก่อน”

ผู้ช่วยเจ้าเมืองเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทุกคนเงียบเสียงลงแล้ว ท่านเจ้าเมืองจึงได้ลุกขึ้นเดินออกมายังหน้าปะรำพิธีแล้วเอ่ยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องราว

“สาเหตุที่ไม่มีเหลาอาหารไหนได้อันดับหนึ่งเนื่องจาก คะแนนของทั้งสองเหลาอาหารนั้นเท่ากัน พวกทหารนับคะแนนเพื่อยืนยันไม่ให้ผิดพลาดแล้วถึงสามรอบ และทั้งสามรอบก็ได้ผลลัพธ์อันเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีเหลาอาหารใดได้อันดับหนึ่ง”

ท่านเจ้าเมืองเอ่ยอธิบายแล้วจึงหยุดพูด

“ข้าไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่คะแนนของเหลาอาหารซิ่งฝูจะเท่ากันกับเหลาอาหารเฟิงฟู่ของข้า มันต้องมีความผิดพลาด เหลาอาหารซิ่งฝูต้องโกงการแข่งขันเป็นแน่” เกาจ้านอุทานออกมาเสียงดังคล้ายกับกำลังตกใจในผลลัพธ์นี้

ไม่จริง! เหลาอาหารเฟิ่งฟูไม่เคยเสมอให้กับเหลาอาหารซิ่งฝู จะผ่านมากี่ปีเหลาอาหารของข้าก็ต้องเป็นอันดับหนึ่ง!

“ใช่แล้ว ข้าเล่อหยุนก็ไม่ขอยอมรับผลการตัดสินในครั้งนี้ ข้าในฐานะที่เคยเป็นถึงพ่อครัวหลวง ปรุงอาหารเลิศรสมากมายในพระราชวังมาแล้ว หากแต่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของข้าที่สะสมมาทั้งชีวิตมิด่างพร้อยหรอกหรือ ข้าไม่ยอมรับการตัดสินในครั้งนี้” เล่อหยุนเอ่ยความตั้งใจของตนเองออกมาบ้าง

“เล่อหยุน เถ้าแก่เกาจ้าน เช่นนั้นพวกเจ้ากำลังกล่าวหาข้าว่ามียุติธรรมเช่นนั้นหรือ” ท่านเจ้าเมืองถึงกับหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำคัดค้านของเหลาอาหารเฟิงฟู่ทั้งสองคน

“ท่านเจ้าเมือง ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ” เกาจ้านรีบออกหน้าอธิบายด้วยความร้อนรน

“มิใช่หมายความเช่นนั้น แล้วเจ้าหมายความเช่นใดเล่า”

“ข้ามิเชื่อว่าคะแนนของเหลาอาหารซิ่งฝูจะได้เท่ากันกับเหลาอาหารของข้าขอรับ” เกาจ้านยังยืนยันคำกล่าวของตนเองอีกครั้ง

“เหตุใดจะไม่น่าเชื่อเล่า ในตอนที่นับคะแนนพวกเจ้ามิเห็นหรือว่าชาวบ้านชาวเมือง ต่างลงคะแนนให้กับเหลาอาหารซิ่งฝูมากมายเพียงใด” ผู้ช่วยเจ้าเมืองเอ่ยออกมาบ้าง

“แต่ท่านผู้ช่วย ถึงแม้จะมีจำนวนมากแต่ก็เป็นเพียงคะแนนละหนึ่งอีแปะเพียงเท่านั้นนะขอรับ” เล่อหยุนเอ่ยออกความเห็นบ้าง

“แล้วเจ้ามิเคยเห็นหรือว่าเพียงหนึ่งอีแปะแต่ถ้ามันเป็นจำนวนเกือบทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ จำนวนอีแปะก็กลายเป็นตำลึงได้” ผู้ช่วยเจ้าเมืองตอบ

ในขณะที่ทางเหลาอาหารเฟิงฟู่กำลังถกเถียงกับท่านเจ้าเมืองและผู้ช่วยอยู่นั้นช่างผิดกับทางเหลาอาหารซิ่งฝู พวกเขาต่างยิ้มรับหน้าบาน นั่นเป็นเพราะว่าหลายปีมานี้เหลาอาหารซิ่งฝูมิเคยมีโอกาสชนะหรือเสมอเหลาอาหารเฟิงฟู่เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ท่านเจ้าเมืองขอรับ ข้าในฐานะเป็นตัวแทนของเหลาอาหารซิ่งฝูมีคำพูดประโยคหนึ่ง มิทราบว่าข้ากล่าวออกมาได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปถามท่านเจ้าเมืองด้วยความนอบน้อม ท่านเจ้าเมืองได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวอนุญาต

“ได้สิ ข้าอนุญาต”

ท่านเจ้าเมืองกำลังปวดหัวกับสองคนนั้นได้โอกาสหยุดการตอบคำถาม เขาหันมาอนุญาตให้ทางเหลาอาหารซิ่งฝูได้ออกความเห็นบ้างหลังจากที่ทางฝั่งนี้เงียบมานาน

จางอี้หมิงค้อมศีรษะขอบคุณ เด็กน้อยหันหน้ากลับไปยังฝูงชนก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งแล้วกล่าวออกไปด้วยเสียงอันดังกว่าปกติเล็กน้อยด้วยความมั่นใจ

“ข้า จางอี้หมิง ในฐานะที่เป็นตัวแทนของเหลาอาหารซิ่งฝู ขอขอบคุณพวกท่านทุกคนที่ได้ลงคะแนนให้กับรายการอาหารข้าวปั้นไข่ม้วนในครานี้ ถึงแม้ว่าในวันนี้เหลาอาหารซิ่งฝูจะไม่สามารถคว้าชัยชนะได้รับตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังไปได้

แต่ข้ากับท่านปู่หลินไห่และพ่อครัวเหลาซิ่งฝูกลับไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่น้อย ท่านปู่และข้าหวังว่ารายการข้าวปั้นไข่ม้วนในครานี้จะสามารถสอนให้กับชาวบ้านทุกคนได้เรียนรู้และทำกินเองได้ที่บ้าน

มันเป็นรายการอาหารที่ง่าย ทำได้ไม่ยาก ใช้วัตถุดิบน้อย พวกท่านมิจำเป็นที่จะต้องเดินทางมากินถึงเหลาอาหารให้สิ้นเปลืองค่าอาหารมากมาย แต่พวกท่านยังได้กินรายการอาหารที่ใช้ในการแข่งขันเพื่อครองตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่งอีกด้วย

ที่สำคัญยิ่งในการทำข้าวปั้นไข่ม้วน คือต้องช่วยกันทำขอรับ จึงถือเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวในอีกทางด้วย สุดท้ายนี้ รางวัลผู้ชนะเลิศข้าขอสละสิทธิ์ให้กับเหลาอาหารเฟิงฟู่ เพราะตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่งในใจของชาวบ้านเมืองไห่ถังกลับถือว่ายิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราเหลาอาหารซิ่งฝูพอใจถึงที่สุดแล้วขอรับ”

หลังจากที่จางอี้หมิงพูดจบแล้ว เด็กชายจึงยกมือขึ้นคารวะไปยังชาวบ้านที่มาร่วมชมการแข่งขันทำอาหารในครั้งนี้ ส่งผลให้ชาวเมืองต่างโห่ร้องชื่นชมในความเอาใจใส่ที่เด็กน้อยให้ความสำคัญกับเหล่าชาวบ้านซึ่งไร้ฐานะ ไร้ปากเสียง ไร้ซึ่งอำนาจได้มีโอกาสแสดงความเท่าเทียมในการเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

ผิดกับเหลาเฟิงฟู่ ทางฝั่งนั้นกลับมีแต่ตั้งคำถาม สร้างความลำบากใจให้กับท่านเจ้าเมืองและคณะผู้ตรวจสอบจากเมืองหลวง พวกเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเมื่อเห็นถึงการแสดงออกของทั้งสองฝ่าย

“หมิงหมิงน้อย เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ข้าแน่ใจขอรับท่านเจ้าเมือง ข้าหมายความตามที่บอกไปขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงและแย้มยิ้มกว้าง

“ได้ เช่นนั้นข้าในฐานะเจ้าเมืองจึงขอประกาศว่า เหลาอาหารเฟิงฟู่เป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังประจำปีนี้”

ท่านเจ้าเมืองประกาศผลการตัดสินการแข่งขันอย่างเป็นทางการด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน เขาก็ไม่สามารถทำอันใดได้ในเมื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันสละสิทธิ์ไปเอง

เมื่อสิ้นสุดสุรเสียงของท่านเจ้าเมือง...เหลาอาหารเฟิ่งฟูได้ครองตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่งไปอีกหนึ่งปี

“ข้าขอคัดค้านการตัดสินขอรับ”

ใครมาอีกละนั่น

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ