เช้าวันนี้ เหล่าวิหคต่างบินออกจากรังเพื่อหาอาหารตั้งแต่อาทิตย์ขึ้น เหมือนกับครอบครัวจางที่ตื่นขึ้นมาพร้อมหน้า บรรยากาศในวันนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อวานยิ่งนัก มันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสดใส
อาหารที่นางหูและหลี่อ้ายจัดทำสำหรับมื้อเช้าในวันนี้จึงเป็นอาหารจานโปรดของเด็กน้อยประจำบ้าน นั่นก็คือข้าวผัดไข่ กับซุปผักหวาน ๆ
เนื่องจากเป็นวันที่นายช่างเหอจะเริ่มก่อสร้างบ้านให้ครอบครัวจางเป็นวันแรก สมาชิกบ้านสกุลจางจึงตกลงกันจะสร้างความประทับใจให้กับนายช่างเหอด้วยการทำผัดผักบุ้งเครื่องเทศเลี้ยงคนงาน ถือว่าเป็นการต้อนรับอีกทางหนึ่ง
เมื่อวานนี้ หลังจากที่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำตาลผักแล้ว สมาชิกในครอบครัวได้มีโอกาสปรึกษาหารือกันถึงเรื่องที่จะยกสิทธิ์การทำหัวเชื้อน้ำตาลผักให้กับบ้านซุนไป เนื่องจากจางอี้หมิงไม่ต้องการให้นางหูทำงานหนัก จากการที่ทดลองทำมาเมื่อหลายวันก่อน ท่านย่าอายุมากเกินกว่าจะนั่งทำงานหนักแล้ว เมื่อคำนวณรายได้ที่จะเกิดขึ้น จึงถือว่าครอบครัวจางไม่เดือนร้อนอะไร ในทางตรงกันข้าม ถือว่าบ้านจางจะมีฐานะร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านหลัวถงเสียอีก
“ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ นายช่างเหอมาถึงแล้วขอรับ” จางอี้ หมิงที่เดินเล่นอยู่หน้าบ้านกล่าวออกมา เขาตื่นเต้นเล็กน้อยเนื่องจากว่าความฝันของเขาจะเป็นจริงขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างแล้ว เด็กน้อยร้องตะโกนเรียกคนในบ้านให้ออกมาต้อนรับขบวนของนายช่างใหญ่
“หมิงเอ๋อร์ ไม่ต้องตะโกนเสียงดัง ย่ารู้แล้ว” นางหูกุลีกุจอออกมานอกบ้านพร้อมด้วยบุตรชายและลูกสะใภ้ ทุกคนมายืนออกันอยู่หน้าบ้านเมื่อขบวนรถม้าของนายช่างเหอมาถึงที่หมายและจอดลง
“คารวะท่านอาจารย์เทียน นายช่างเหอขอรับ” จางอี้หมิงและจางอี้เทาเอ่ยทักทายผู้สูงวัยทั้งสองคน
“ไม่ต้องมากพิธี” ทั้งคู่ตอบรับ
“ท่านแม่ น้องหญิง นี่คือท่านอาจารย์เทียนอี้ ท่านมากับหนิงอ๋อง ส่วนนั่นคือนายช่างเหอซี ผู้ที่จะมาสร้างบ้านให้กับเรา” จางอี้เทาเอ่ยแนะนำมารดากับภรรยาให้รู้จักกับผู้สูงวัยทั้งสองคนตรงหน้า
“คารวะท่านอาจารย์เทียน คารวะนายช่างเหอเจ้าค่ะ”
“หมิงหมิงน้อย เจ้าดูนี่” ท่านอาจารย์เทียนพยักหน้ารับและผายมือออกไปทางเบื้องหลัง
ครอบครัวจางมองตามมือของอาจารย์เทียน สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเป็นรถม้าหลังใหญ่ที่สวยงาม มีม้าตัวอ้วนพีสองตัวยืนส่งเสียงฟืดฟาดอยู่
“รถม้าคันนี้ท่านอ๋องประทานให้ครอบครัวเจ้าสำหรับเอาไว้ใช้ในการทำภารกิจของท่านอ๋อง หมิงจูและหมิงจินทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน พวกเขาจะทำหน้าที่ดูแลม้าและเป็นผู้ช่วยในการทำภารกิจต่าง ๆ พวกเราจะอยู่ที่บ้านของเจ้าตลอดฤดูหนาวนี้รวมถึงข้าด้วย” อาจารย์เทียนอี้อธิบาย
“ข้า นายช่างเหอยินดีที่ได้รู้จักครอบครัวจาง ข้าว่าพวกเราไปดูพื้นที่สำหรับสร้างบ้านกันดีหรือไม่” เหอซีออกปากถามเมื่อเห็นว่าอาจารย์เทียนเสร็จสิ้นธุระแล้ว
“เชิญพวกเจ้าตามสบาย ข้าจะกลับไปรายงานท่านอ๋องว่าได้ส่งมอบคนและรถม้าให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว หมิงจูกับหมิงจินจะอยู่กับพวกเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าขอลา” อาจารย์เทียนกล่าวอีกครั้งแล้วจึงเดินไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับเข้าไปในตัวเมือง โดยมีหมิงจูเป็นคนขับรถม้าไปส่ง ส่วนหมิงจินไม่ได้ไปด้วย
“นายช่าง เชิญขอรับ” จางอี้เทาเมื่อยกมือคารวะอาจารย์เทียนแล้วจึงหันมาเชิญนายช่างเหอและเริ่มพาเดินสำรวจที่
“นายช่างใหญ่ พื้นที่ตรงนี้ให้ว่างไว้ บ้านข้ายังไม่มีแผนที่จะสร้างสิ่งใด ส่วนบ้านเล็กสองหลัง ให้สร้างบริเวณนี้ขอรับ สำหรับบ้านชั่วคราวของท่านอาจารย์เทียนและทหาร รวมทั้งที่พักม้าสร้างด้านหลังขอรับ”
“เช่นนั้นบ้านของท่านอาจารย์เทียนกับที่พักม้าน่าจะเป็นสิ่งเร่งด่วน ข้าจะแบ่งคนมาทำตรงนี่ก่อน ส่วนบ้านหลักของเจ้ารวมทั้งบ้านเล็กสองหลังที่เจ้าว่าก็ทำตามไปทีหลัง อี้เทา พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ในเรื่องของค่าสร้างบ้าน ท่านอ๋องได้จ่ายค่าสร้างบ้านทั้งหมดแก่ข้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เหอซีถึงกับยกยิ้มมุมปากเมื่อครอบครัวจางต่างพากันอ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาบอกไป
“นายช่างใหญ่ ทะ ท่านว่าอันใดนะเจ้าคะ” นางหูเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก
“พวกเจ้าฟังไม่ผิดหรอก ท่านอ๋องเรียกข้าไปพบเมื่อวานตอนเย็น และได้ทำการจ่ายค่าสร้างบ้านของพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว ท่านอ๋องยังสั่งให้ข้าสร้างบ้านพวกเจ้าให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน หากขาดแคลนแรงงานท่านอ๋องจะให้ทหารมาช่วย พวกเจ้าโชคดียิ่งนักเพราะเครื่องเรือนที่นำมาใช้ในบ้านของเจ้าท่านอ๋องยังประทานให้อีกต่างหาก ข้าได้ไปสั่งเครื่องเรือนไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะมาหาพวกเจ้าในวันนี้”
“ถะ ถึงกับให้เครื่องเรือนมาด้วย” นางหูเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ใช่ ดังนั้นพวกเจ้าก็มิต้องเป็นกังวลในเรื่องของบ้าน ท่านอ๋องต้องการให้เจ้าให้ความสำคัญกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายมามากกว่า” นายช่างเหออธิบายเพิ่ม
“ขอบคุณนายช่างใหญ่ขอรับ แต่ว่าบ้านจางได้แจ้งนายช่างไปแล้วว่าพวกเราไม่ต้องการบ้านที่สวยงามใหญ่โต พวกเราต้องการบ้านเฉกเช่นชาวบ้านทั่วไป มิทราบว่านายช่างยังจำได้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยถามนายช่างเหอ เพราะเขาเป็นกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มิต้องเป็นกังวล ท่านอ๋องมิได้เปลี่ยนแปลงแบบบ้านของเจ้าเพียงแต่ว่าให้ใช้วัสดุที่ดีที่สุดเพียงเท่านั้น ฤดูหนาวนี้พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว”
จางอี้หมิงที่ยืนอยู่ด้วยถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำยืนยันของนายช่างใหญ่เช่นนั้น เพราะเขายังไม่ต้องการให้ชาวบ้านเกิดการเปรียบเทียบ
“นายช่างใหญ่ขอรับ วันนี้บ้านจางขอเลี้ยงอาหารนายช่างและคนงานในตอนกลางวันนะขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยบอกนายช่างเหอให้รับรู้ไว้ จะได้ไม่ต้องหาเสบียงมาเป็นมื้อกลางวันให้เหนื่อยเปล่า
“โอ้ ขอบใจบ้านจางที่มีน้ำใจ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอาหารพวกข้า” นายช่างใหญ่ตอบอย่างเกรงใจ เขารับสร้างบ้านที่ไหนก็ไม่เคยมีใครเลี้ยงอาหารสักครั้ง
“ไม่เป็นไรขอรับ ถือว่าเป็นน้ำใจตอบแทนจากบ้านจาง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนนายช่างแล้ว ถ้าหากนายช่างมีอันใดให้พวกข้าช่วยเหลือ นายช่างให้คนไปตามข้าได้ที่ในบ้านนะขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยอีกครั้งก่อนพยักหน้าให้สัญญาณกับสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ พวกเขาพากันแยกตัวไปที่ลำธารเพื่อเก็บผักบุ้ง
เหอซีเห็นเจ้าของบ้านแยกตัวไปแล้ว เขาจึงหันหลังเดินกลับไปรวมตัวกับคนงานแล้วแจกจ่ายงานตามหน้าที่ต่อไปตลอดช่วงเช้า
ตามที่ได้สัญญาไว้กับนายช่างใหญ่ว่าจะเลี้ยงอาหารวันนี้ เมื่อถึงเวลาพักกินอาหาร สมาชิกบ้านจางจึงได้ยกหม้อที่เต็มไปด้วยผัดผักบุ้งเครื่องเทศเดินไปทางสถานที่ก่อสร้างบ้านของตนเอง ทุกคนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสดชื่น เนื่องจากสุดท้ายแล้ว บ้านจางจะไม่ต้องทนทรมานในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้เป็นแน่
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงสถานที่ก่อสร้าง คนงานก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่เห็นมีใครพักซักคน จางอี้หมิงจึงเดินไปหานายช่างที่กำลังสั่งให้คนตัดไม้ตามขนาดต่าง ๆ อยู่
“นายช่างใหญ่ขอรับ”
“อ้าว เจ้าตัวเล็ก มีอันใดหรือ”
“ข้ายกอาหารมาให้ขอรับ คนงานจะพักกินข้าวกลางวันเร็ว ๆ นี้หรือไม่ขอรับ”
“โอ้ ขอบใจมาก เช่นนั้นก็พักกินข้าวกันก่อน” เหอซีสั่งพักกินข้าวเมื่อได้ยินเด็กน้อยกล่าวเช่นนั้น คนงานทั้งหลายจึงพากันหยุดพัก พวกเขาไปล้างไม้ล้างมือนำแล้วข้าวห่อของตนเองมาแกะกิน
“ทุกคน วันนี้บ้านจางมีน้ำใจทำอาหารมาเลี้ยง พวกเจ้าก็ไปรับได้ที่ฮูหยินจางเถอะ” นายช่างเหอตะโกนบอกคนงานของตนเอง จางอี้ หมิงเห็นว่าแต่ละคนดูมึนงงแต่ก็ลุกขึ้นเดินถือถ้วยไปรับผัดผักบุ้งเครื่องเทศที่นางหูและหลี่อ้าย
“ฮูหยิน อาหารนี้ช่างหอมยิ่งนัก มันเรียกว่าอันใดหรือขอรับ” คนงานคนหนึ่งถามขึ้นระหว่างยื่นถ้วยโจ๊กธัญพืชให้นางหูตักผัดผักบุ้งวางลงไป
“ผัดผักบุ้งเครื่องเทศ” นางหูตอบ
“โอ้ ข้ามิเคยได้ยินอาหารชนิดนี้มาก่อน เอ๊ะ มิใช่ว่าเป็นอาหารของเหลาซิ่งฝูเช่นนั้นหรือ”
“คนละอย่างกันขอรับพี่ชาย แต่ก็ใกล้เคียงกัน” เป็นจางอี้หมิงที่เดินมาหาท่านย่ากับมารดาตอบคำถามแทน
“ข้าช่างโชคดีนัก เกิดข่าวลือไปทั่วในเมืองไห่ถังเกี่ยวกับเหลาอาหารซิ่งฝูที่จะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวอาหารชนิดใหม่ในอีกสองวันข้างหน้านี้”
“อย่าเพิ่งคุยได้หรือไม่ ข้ารออยู่” คนงานที่รอต่อแถวเอ่ยเร่งคนข้างหน้าจนคนงานที่กำลังจะอ้าปากถามต้องรีบหยุดตัวเอง
“ขอบคุณขอรับ ต่อไปเจ้าแล้ว” ชายคนนั้นรีบกล่าวขอบคุณและจากไป
หลังจากที่กินข้าวมื้อกลางวันเสร็จแล้ว จางอี้หมิงจึงให้นางหูทำน้ำชาผักหอม ๆ เย็น ๆ จากหัวเชื้อน้ำตาลผักไปแจกจ่ายให้คนงานด้วย เรียกเสียงขอบคุณเซ็งแซ่ เหล่าคนงานรู้สึกขอบคุณและยินดีช่วยงานมากกว่าครั้งไหน
ยามบ่ายคล้อยในวันเดียวกัน หลังจากที่แจกจ่ายอาหารและน้ำชาผักให้กับคนงานเสร็จแล้ว สองพ่อลูกสกุลจางจึงตัดสินใจเดินจูงมือกันไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการทำหัวเชื้อน้ำตาลผัก โชคดีที่ผู้ใหญ่ของบ้านซุนอยู่พร้อมกันทุกคน ยกเว้นซูลี่กับหมิงเย่ที่ไปเล่นแถวริมชายหาด
จางอี้เทาเอ่ยเรียกคนในบ้านซุนอยู่สองสามที เจียวเม่ยเป็นคนมาเปิดประตูให้ ก่อนที่จะพาแขกอย่างจางอี้เทาและจางอี้หมิงไปพบหัวหน้าหมู่บ้านและสามีที่นั่งคุยกันอยู่ตรงโถงบ้าน
“อี้เทา ลมอันใดหอบเจ้ามาหาข้าในวันนี้ ข้าได้ข่าวว่าวันนี้เจ้าสร้างบ้านมิใช่รึ” ซุนซูเย่เอ่ยถามเมื่อยกมือรับการคารวะจากสองพ่อลูกบ้านจางแล้ว
“ท่านลุงถง ท่านพี่เย่ ข้ามีเรื่องมาปรึกษาขอรับ” จางอี้เทาตอบพลางนั่งลงตรงแคร่ไม้
“มีเรื่องอันใดงั้นหรือ หรือว่าเงินไม่พอในการสร้างบ้าน” ซุนถงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มิใช่ขอรับท่านลุงถง ข้าต้องการมาปรึกษาเรื่องน้ำตาลผักขอรับ”
“อาเทา หลังจากที่กลับมาจากประชุมในวันนั้นข้าก็คิดมาตลอด แต่หาทางออกได้ไม่” ซุนถงตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มิใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยแต่ก็จนปัญญา คิดไม่ออกว่าจะช่วยได้อย่างไร
“ข้าหาทางออกได้แล้วขอรับ เพียงแต่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากบ้านซุน”
“อาเทา บอกมาได้เลย ถ้าบ้านซุนสามารถช่วยได้ พวกข้ายินดีช่วยเหลือเต็มที” ซุนถงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงใจ ทำให้จางอี้เทากับจางอี้หมิงหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มด้วยความยินดีที่สกุลจางตัดสินใจไม่ผิดว่าจะส่งต่อสูตรหัวเชื้อน้ำตาลผักให้กับบ้านซุน
เพราะถึงแม้ยังไม่รู้ว่าบ้านจางจะให้ช่วยอย่างไร บ้านซุนก็ไม่รีรอที่จะตกปากรับคำช่วยเหลือด้วยความมั่นใจ
“ท่านลุงถง ท่านพี่เย่ ถ้าหากครอบครัวสกุลจางจะมอบสูตรทำหัวเชื้อน้ำตาลผักให้กับบ้านสกุลซุน พวกท่านยินดีรับไว้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ โดยที่ไม่ได้หลบสายตาของสองพ่อลูกบ้านซุนแม้แต่น้อย
“เจ้าว่าอะไรนะอาเทา ข้าได้ยินไม่ผิดไปใช่หรือไม่” ซุนซูเย่ถึงกับลุกขึ้นยื่นแล้วตะโกนถามด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านพี่เย่ ท่านได้ยินไม่ผิดขอรับ บ้านจางยินดีมอบสูตรหัวเชื้อน้ำตาลผักให้กับบ้านซุนด้วยความเต็มใจ เมื่อวานนี้ข้ากับหมิงเอ๋อร์ได้ไปพบท่านอ๋องมา นำปัญหาเรื่องฟืนที่เราไม่สามารถส่งน้ำตาลผักให้ได้ขึ้นกราบทูล แต่กลุ่มการค้าหลัวถงสามารถส่งมอบหัวเชื้อน้ำตาลผักได้ในจำนวนหนึ่งพันไห เช่นนี้เรื่องฟืนจึงไม่เป็นปัญหาแล้ว” จางอี้เทาอธิบาย
“เพียงแต่ว่าสกุลจางจะขอค่าสูตรจากบ้านสกุลซุนเป็นจำนวนสองส่วนจากราคาที่ขายให้กับเถ้าแก่หวัง เช่นนี้ไม่ทราบว่าพวกท่านพอรับขอเสนอของพวกเราได้หรือไม่”
“อาเทา อย่าว่าแต่สองส่วนเลย ต่อให้แปดส่วนบ้านซุนก็ให้ได้” ซุนถงเอ่ยขึ้นมาทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะจำนวนเงินที่จะได้จากการขายครั้งนี้มันเพียงพอให้บ้านซุนอยู่ได้ไปอีกหลายปี
“สกุลจางมิใช่คนที่เอาเปรียบ บ้านจางรู้สำนึกในบุญคุณของสกุลซุน เพียงสองส่วนถือว่าเหมาะสมแล้วขอรับ อีกอย่าง พวกข้ามิได้ทำอันใด เป็นบ้านสกุลซุนที่ลงทุนทุกอย่าง สกุลจางมิกล้ารับส่วนแบ่งมากไปกว่านี้หรอกขอรับ”
“อาเทา หมิงหมิงน้อย ข้า ข้า ข้า”
ซุนถงถึงกับพูดอันใดไม่ออกเมื่อได้รับโอกาสเช่นนี้จากครอบครัวสกุลจาง ไม่นึกว่าบ้านจางจะตอบแทนบุญคุณได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ด้วยสูตรหัวเชื้อน้ำตาลผักที่จะทำให้บ้านซุนมีรายได้ไปตลอดชีวิต เพราะหลังจากที่ขายให้กับท่านอ๋องแล้ว สกุลจางยังขายให้กับกลุ่มการค้าหลัวถงเพื่อทำออกขายในเมืองไห่ถังหรือภายในแคว้นฉินด้วย
ด้วยตะหนักถึงข้อนี้ ซุนถงถึงกับพูดอันใดไม่ออก น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาทันที
“ท่านปู่ถง ร้องไห้ทำไมขอรับ หรือบ้านจางขอร้องพวกท่านมากเกินไป” จางอี้หมิงเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“ไม่ใช่ หมิงหมิงน้อย ข้าดีใจต่างหากเล่า ปู่ขอบใจหมิงหมิงน้อยและอาเทามากเลยนะ ที่คิดถึงครอบครัวซุนก่อนเป็นอันดับแรก ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง และข้ายังจะดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดีตามที่สกุลจางต้องการตั้งแต่แรกด้วย ผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว เมื่อเรื่องฟืนไม่เป็นปัญหา ป่านนั้นพวกเราค่อยมาตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง ข้าไม่ต้องการเอาเปรียบบ้านจาง” ซุนถงตอบและสรุปความในคราวเดียว
“ท่านปู่ถง บ้านจางพอใจกับส่วนแบ่งแล้วขอรับ ในอนาคต บ้านจางจะมีของมาให้กลุ่มการค้าหลัวถงได้ผลิตอีกหลายอย่าง ในเมื่อท่านปู่ไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้บ้านจาง ท่านปู่ถงจะได้ไม่ต้องหักเงินจากชาวบ้านไว้ ชาวบ้านจะได้มีเงินเยอะ ๆ”
“ได้ ปู่จะหักเข้าส่วนกลางหนึ่งส่วน ในส่วนของปู่เองเช่นนี้ก็ไม่ต้องหักในส่วนของชาวบ้านแล้ว ปู่ขอเป็นตัวแทนชาวบ้านขอบคุณพวกเจ้าที่คิดถึงพวกเขาเสมอนะ”
“สกุลจางก็ขอบคุณสกุลซุนด้วยที่พวกท่านยอมช่วยเหลือ พรุ่งนี้เถ้าแก่หวังจะเอาไหเปล่ามาให้เพื่อแจกให้กับชาวบ้านสำหรับใส่เกลือผัก รบกวนท่านลุงถงแจกให้ชาวบ้านด้วยนะขอรับ ข้าจะมาที่บ้านซุนด้วยในวันพรุ่งนี้ เพราะถึงเวลาที่ชาวบ้านจะเอาตัวอย่างมาให้ตรวจสอบแล้ว” อี้หมิงว่า
เมื่อตกลงกันได้แล้ว จางอี้เทาจึงขอตัวกลับเพราะต้องการไปดูการสร้างบ้านของตนเองด้วย จางอี้หมิงไม่ขัดอะไร เขารีบสาวเท้าก้าวตามบิดากลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม
วันนี้ครอบครัวสกุลจางช่างมีแต่ความสุขยิ่งนัก ปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไข บ้านเริ่มก่อสร้างแล้ว และที่โชคดียิ่งกว่าสิ่งใดเป็นเพราะท่านอ๋องจ่ายค่าก่อสร้างบ้านให้ครบหมดทุกอย่าง แม้แต่เครื่องเรือนก็ไม่เว้น
จางอี้หมิงถือว่าเขาไม่ติดหนี้บุญคุณท่านอ๋องเช่นบ้านซุนที่เคยช่วยเหลือครอบครัวในยามทุกข์ยาก เพราะท่านอ๋องต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน ในขณะที่บ้านซุนช่วยเหลือด้วยความจริงใจ สองพ่อลูกคุยกันไปตลอดทางอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยเอ่ยท้าทายท่านพ่อให้มาเล่นไล่จับกันแต่ยังไม่ทันที่บิดาจะได้ตอบอะไร เขาก็วิ่งนำไปก่อนถึงสิบเก้า ทำเอาจางอี้เทาต้องวิ่งตามจนเหงื่อซก
จางอี้หมิงยกยิ้ม วิ่งหน้าตั้งอย่างเบิกบานใจ เขาชอบความรู้สึกในตอนนี้เหลือเกิน อยากจะรักษามันเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
รอยยิ้มจากครอบครัวที่เคยคิดหามาตลอด...มันดีแบบนี้นี่เอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?