เป็นอีกครั้งที่วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งยังคงดำเนินตามครรลองคล้ายหลับไปเพียงตื่นหนึ่งจากวันที่นัดคุยแผนการกับท่านเจ้าเมือง
จางอี้หมิงหายจากอาการบาดเจ็บ ร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ เด็กน้อยจึงเดินทางกลับมาอาศัยที่หมู่บ้านหลัวถงได้สามวันแล้ว โดยมีองครักษ์ซานและชีติดตามมาด้วย
โจรสองคนที่หวังจับตัวซุนซูลี่เพื่อนำไปขายให้หอนางโลมถูกหัวหน้าอีเค้นเอาความและทรมานร่างกายตามแบบฉบับของหน่วยเหลียงไป๋ จนพวกมันยอมคายความลับ บอกเส้นทางการทำงานและหอนางโลมที่เข้าร่วมมาจนหมด
จางอี้หมิงจึงให้ส่งตัวโจรร้ายแก่หัวหน้ามือปราบฉีหมิง เพื่อทำการปราบปรามจนหมดสิ้นในคราเดียว แต่เชื่อเถอะว่า...ความโลภและโจรร้ายไม่เคยหมดไปจากแผ่นดิน
ในส่วนของเถ้าแก่เกาจ้าน เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูก็ถือว่าได้รับผลกรรมนั้นอย่างสมน้ำสมเนื้อ เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสในตระกูลต่างขับไล่และตัดขาดความสัมพันธ์กับเถ้าแก่เกาอย่างสิ้นเชิง โดยมิให้ความช่วยเหลือใด ๆ
เหลาอาหารเฟิงฟู่ที่เคยโด่งดังกลับซบเซา เนื่องจากชาวบ้านโกรธแค้นกับการกระทำของเขา แม้แต่บรรดาคหบดี เศรษฐี ที่ถึงแม้ว่าจะถือตน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายเชกเช่นที่ชายชราได้กระทำลงไป
ไม่นานเถ้าแก่เกาก็เสียชีวิตในคุก หลังจากโดนขังไปเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น อาจเนื่องมาจากความบอบช้ำทางร่างกายจากการที่โดนชาวบ้านทุบตีขว้างปาหินใส่แล้วมิได้รับการรักษา รวมทั้งทางด้านจิตใจที่ตนเองเคยเป็นคนมีชื่อเสียง มีผู้คนรายล้อมเอาใจ แต่ต้องมาถึงคราวอับจนเช่นนี้ เมื่อหลายปัจจัยรวมกัน ชายชราจึงรับความทุกข์นี้ไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
“หมิงหมิงน้อย เจ้ารู้เรื่องเถ้าแก่เกาเสียชีวิตแล้วหรือไม่” เถ้าแก่หลินเอ่ยถามจางอี้หมิงเมื่อมาเยี่ยมหลานชายที่จวนอ๋อง ก่อนเด็กน้อยจะกลับไปที่หมู่บ้านหลัวถง
“ท่านเจ้าเมืองส่งคนมาแจ้งข้าไม่กี่วันก่อนนี้แล้วขอรับ” เด็กน้อยถอนหายใจในจุดจบของเถ้าแก่เกา
“ว่าแล้วก็น่าสงสารเถ้าแก่เกา ข้ากับเขาแข่งขันกันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นหนุ่ม เมื่อจุดจบเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจมิน้อย น่าสงสารเขาที่ทำทุกอย่างเพื่อตระกูล แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกตระกูลที่ตนเองรักทอดทิ้ง เอ้อ! ปู่เห็นป้ายประกาศขายเหลาอาหารเฟิงฟู่ หมิงหมิงน้อยสนใจซื้อไว้หรือไม่”
“ขายราคาแพงมากน้อยเพียงไหนขอรับ” จางอี้หมิงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับความรุ่งเรืองในสมัยก่อน ตระกูลเกาคงยอมปล่อยขายราคาถูกดีกว่าไม่ได้สักตำลึงเป็นแน่ นี่เห็นว่าสมาชิกในตระกูลอับอายกับการกระทำของเกาจ้าน จนอาจจะย้ายตระกูลไปอยู่ที่เมืองอื่น ถ้าหมิงหมิงน้อยอยากได้ ปู่ซื้อให้ดีหรือไม่” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยถาม
“ท่านปู่ซื้อไว้เลยขอรับ แต่ข้าจะจ่ายเงินค่าเหลาอาหารด้วยตนเอง อาจจะต้องรอเงินค่าสินค้ารอบแรกจากกองกำลังเหลียงอันก่อนขอรับ”
จางอี้หมิงบอก เขามีความคิดจะปรับปรุงเหลาอาหารเฟิงฟู่ให้เป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มการค้าหลัวถง เพื่อความสะดวกในการทำการค้ากับต่างแคว้นต่าง ๆ
เมื่อจางอี้หมิงกลับมาอาศัยที่หมู่บ้านหลัวถง ครอบครัวจางก็ได้เริ่มก่อสร้างบ้านใหม่ในพื้นที่บริเวณบ้านที่ได้เว้นว่างไว้ตามแผนเดิม ซึ่งมีนายช่างเหอเป็นผู้มาก่อสร้างให้เช่นคราวแรก เงินที่นำมาก่อสร้างบ้านก็มาจากเงินส่วนแบ่งหุ้นส่วนการค้าต่าง ๆ
ท่านเจ้าเมืองมีโครงการก่อสร้างสถานศึกษาในเมืองไห่ถังเพื่อเปิดให้ลูกหลานของชาวบ้านและขุนนางได้เข้าเรียนโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น
โดยเงินทั้งหมดที่นำมาใช้ในการพัฒนาเมืองไห่ถังเองก็เกิดจากการผลิตถ่านและน้ำมันลูกหนามส่งไปขายยังต่างแคว้น
กำลังหลักของการผลิตสินค้ามาจากชาวบ้านหลัวถงทั้งหมด มีท่านหัวหน้าหมู่บ้านซุนถงเป็นผู้ควบคุมการผลิต หลวนซานทำหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน เนื่องจากชาวบ้านไม่มีความมั่นใจ ด้วยพวกเขายังคงฝั่งใจกับการกระทำของชายหนุ่มในอดีต ดังนั้นหน้าที่ยามจึงเหมาะสมที่สุด
“หน้าที่ยามรักษาการณ์เป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งพี่หลวนซานรู้หรือไม่ หากพี่หลวนซานทำหน้าที่บกพร่อง มีกลุ่มคนอื่นที่ไม่หวังดีเข้ามาในหมู่บ้าน สูตรการผลิตสินค้าต่าง ๆ หลุดรอดออกไป เช่นนี้มิทำให้เสียหายมากหรอกหรือ ดังนั้นอย่าได้คิดว่าหน้าที่นี้ต้อยต่ำเลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยบอกหลวนซานให้ตระหนักถึงความสำคัญของหน้าที่ที่ตนเองได้รับด้วยไม่อยากให้พี่ชายนึกลำท่อนความสำคัญของตนเองจนเกินไป
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ ในอนาคตข้าจะทำให้พวกเจ้ายอมรับข้าให้ได้”
หลวนซานได้ฟังคำของจางอี้หมิงจึงยิ่งมีความฮึกเหิม นอกจากจะไม่คัดค้านแล้ว เขายังขยันทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและคอยช่วยเหลืองานอื่นแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ของตนก็ตาม เขาต้องการพิสูจน์ให้ชาวบ้านหลัวถงยอมรับในตัวตนว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
จางอี้หมิงหวังว่าบทเรียนครั้งนี้ของหลวนซานคงเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชาวบ้านคนอื่นที่คิดจะทรยศคนในหมู่บ้านไม่มากก็น้อย หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ความสามัคคีและซื่อสัตย์สมควรเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ
“คุณชายน้อย คุณชายน้อยขอรับ”
ในระหว่างที่กำลังยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงของอาซานที่เร่งเข้ามาหาจางอี้หมิงในเรือนสำหรับทดลองการผลิตเกลือก็ดังขึ้นมา
“มีอันใดหรือพี่อาซาน”
“ท่านเจ้าเมืองฝากจดหมายมาให้คุณชายน้อยขอรับ” อาซานตอบแล้วจึงยื่นจดหมายนั่นให้กับเจ้านาย
จางอี้หมิงรับจดหมายมาถือไว้พร้อมกับเปิดออก เด็กน้อยไล่สายตาอ่านจนจบก่อนจะยิ้มออกมา
“มีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่ขอรับ”
“เป็นข่าวดีพี่อาซาน ท่านเจ้าเมืองส่งจดหมายมาแจ้งว่าทางราชสำนักประกาศตามหาผู้ที่รู้สูตรการผลิตเกลือแล้ว อีกไม่นานประกาศคงมาถึงเมืองไห่ถัง”
จางอี้หมิงยื่นจดหมายกลับคืนให้องครักษ์ส่วนตัว พลางกล่าวขอบคุณท่านอ๋องในใจเงียบ ๆ ที่หนิงอ๋องสามารถทำตามคำขอร้องของเขาได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก็นะของฟรีไม่เคยมีในโลก ท่านอ๋องเองก็มีขอแลกเปลี่ยนการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นอาหารที่แปลกใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งท่านอ๋องยินดีรับซื้อตามปกติ จางอี้หมิงมีหรือจะไม่ดีใจที่สามารถหาตลาดมารองรับสินค้าของตนเองที่คิดจะผลิตขึ้นมาในอนาคตได้ในคราวเดียว
ไม่รู้ว่าจะเคี่ยวไปหรือไม่ แต่หากอยากได้ของเร็วๆก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนเป็นธรรมดา จางอี้หมิงส่ายหน้าเพื่อหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะหันไปบอกองครักษ์ส่วนตัว
“พี่อาซานกลับไปแจ้งท่านเจ้าเมืองด้วยว่า ให้ท่านเจ้าเมืองทำตามแผนการขั้นต่อไปได้เลย”
หลังจากที่ราชสำนักแคว้นฉินมีประกาศเกี่ยวกับการค้าเกลือออกมา ก็ยังไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เรื่องการผลิตเกลือเลยสักคน ท่านเจ้าเมืองไห่ถังจึงเริ่มลงมือทำตามแผนกการขั้นต่อไป...
ท่านเจ้าเมืองได้จัดการว่าจ้างขอทานหรือชาวบ้านให้ลือถึงวิธีการทำเกลือจากน้ำทะเล เมื่อมีคนเล่าลือมาก ๆ เข้า ก็มีคนเอาไปทดลองทำและปรากฎว่าได้ผลจริง
“นี่พวกเจ้าได้ยินเรื่องการทำเกลือจากน้ำทะเลหรือไม่” ชายคนหนึ่งที่นั่งขายผักอยู่ในตลาดเอ่ยถามแม่ค้าพ่อค้าด้วยกัน
“ใช่ ๆ ข้าก็ได้ยินมา เห็นว่าราชสำนักรับซื้อในราคาสูง ข้าว่าจะลองเอาไปทำดู ขายผักเช่นนี้อีกกี่ปีถึงจะมีเงินมากพอ ดูเจ้าของร้านขายเนื้อนั่นสิ เห็นว่าหยุดไปทำเกลือขาย ตอนนี้สร้างบ้านใหม่แล้ว”
“หรือพวกเราจะลองทำดู”
“...”
“...”
และอีกมากมายต่างเป็นที่ทุ่มเถียงกันในหมู่ชาวบ้าน เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน เกลือก็ถูกผลิตออกมาด้วยฝีมือชาวบ้าน
ด้วยราคาเกลือในท้องตลาดที่ถูกขายให้ราชสำนักนั้นมีราคาแพงอยู่แล้ว ในคราวแรกชาวบ้านจึงได้กำไรเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทางราชสำนักต้องการเกลือเพื่อนำไปเป็นเครื่องบรรณาการของแคว้นจ้าว จึงจำใจต้องรับซื้อในราคาเดิม
ซึ่งก็เป็นไปตามที่จางอี้หมิงวางแผนไว้กับท่านเจ้าเมือง คุณภาพของเกลือที่ชาวบ้านผลิตออกมาได้กลับไม่เป็นไปตามที่ทางราชสำนักต้องการ เนื่องจากเกลือมีส่วนผสมของสิ่งสกปรก สีไม่สะอาดตา ทำให้ราชสำนักกลัดกลุ้มใจมิน้อยในขณะนี้
ภายในอาคารของกลุ่มการค้าหลัวถง ขณะนี้ ซุนถง ซุนหมิงเย่ จางอี้เทาและชายอีกห้าคนที่ร่วมเป็นหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ กำลังนั่งฟังการอธิบายถึงวิธีแก้ไขปัญหาเกลือสกปรกให้กลับมาเป็นเกลือที่มีคุณภาพดี
ถึงแม้จะทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ช่วงที่ราชสำนักต้องการเกลือเพื่อส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้แคว้นจ้าว แต่หากต่อไปในอนาคตก็คงไม่สามารถขายได้ราคาดีเช่นนี้อีก
แต่จางอี้หมิงหาได้สนใจไม่ เพราะจุดประสงค์ของเขาในอนาคตคือการได้เกลือมาใช้โดยไม่ต้องจ่ายราคาแพงต่างหากเล่า เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นไปตามกลไกตลาด เมื่อมีสิ่งของออกมาขายเยอะ ราคาย่อมถูกลง กำไรจากการนำเกลือมาถนอมอาหารต่างหากที่จางอี้หมิงคาดหวังไว้
“ท่านปู่ถง อย่าลืมนะขอรับ ในการทำถ่านต้องตากแดดและอบไม้ให้แห้ง มิเช่นนั้นถ่านจะจุดไฟติดยาก เมื่อนำไปใช้ในแคว้นเหลียงที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่แล้ว ถ่านจะมีความชื้นมาก จะทำให้คุณภาพลดลง” จางอี้หมิงเอ่ยเตือนหัวหน้าหมู่บ้านซุนถงซึ่งรับหน้าที่ดูแลการผลิตถ่าน
ในการทำถ่านนั้นจะเป็นการนำกากต้นลูกหนามที่ต้มและทำเป็นน้ำมันลูกหนามแล้วมาตากแดดและอบให้แห้ง นำไปผสมกับใบแขนงของต้นลูกหนามสับ แล้วนำไปอบและตากให้แห้งเช่นกัน เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้ว จึงนำมาผสมกับน้ำแป้งมันในปริมาณน้อยเพียงให้พอมีความชื้นแล้วอัดลงไปบนแบบที่ทำขึ้นมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกลางใหญ่ ลดหลั่นกันไป
เสร็จแล้วจึงนำไปตากแดดอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็ได้ถ่านที่ง่ายต่อการขนส่ง เก็บรักษา และคุณภาพของความร้อนที่มากกว่าถ่านไม้โดยทั่วไปแล้ว
จางอี้หมิงให้ชาวบ้านหยุดการทำเกลือผัก แต่น้ำตาลผักยังแบ่งคนไปทำอยู่กลุ่มหนึ่งนั่นก็คือกลุ่มคนแก่ เพราะวิธีการทำไม่ยุ่งยากและไม่ต้องใช้แรงงานมาก คนแก่เมื่อมีงานทำก็รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า นอกจากนี้ยังมีเงินเก็บเป็นของตนเองด้วย
“ปู่ไม่ลืมแน่นอนหมิงหมิงน้อย ชาวบ้านที่ทดลองใช้ถ่านที่เราผลิตต่างก็ถูกใจกันทั้งนั้น” ปู่ถงเอ่ยรับคำ
“ท่านลุงเย่ ในการปลูกต้นลูกหนามขยายออกไป ก็อย่าลืมต้องเว้นพื้นที่ตามที่ข้าได้บอกไว้ด้วยนะขอรับ ต่อไปการขนส่งและการดูแลจะง่ายขึ้น” จางอี้หมิงเห็นว่าหัวหน้าหมู่บ้านเข้าใจดีแล้วจึงหันไปอธิบายให้ซุนซูเย่ผู้รับหน้าที่ปลูกต้นลูกหนามเพิ่มได้ทำความเข้าใจกับการทำงาน
“หมิงหมิงน้อยไม่ต้องเป็นห่วง อีกสามวันข้าก็จะไปสอนการปลูกและขยายพันธุ์ให้กับหมู่บ้านอื่นด้วย พวกเขาก็รู้สำนึกในบุญคุณนะ ยอมจ่ายค่าสอนเป็นกำไรจำนวนหนึ่งส่วนด้วย”
“เป็นเรื่องที่ดีขอรับ”
จางอี้หมิงยิ้มรับด้วยความดีใจ เขาให้ซุนซูเย่ทำหน้าที่สอนการปลูกและดูแลรักษา รวมถึงการบำรุงต้นลูกหนามให้กับชาวบ้านหมู่บ้านอื่น ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีในการปลูกก็ตาม
จางอี้หมิงให้ความสำคัญกับหมู่บ้านอื่นด้วยเพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะนำลูกหนามดิบมาส่งให้กลุ่มการค้าหลัวถงอยู่ดี
“หลวนซานทำหน้าที่ได้ดีมากขอรับ” เป็นอาห้าวที่เอ่ยขึ้น
“ข้าก็หวังว่าอาซานจะดีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานชาวบ้านคงยอมรับได้อย่างสนิทใจ” หัวหน้าหมู่บ้านหลัวถงออกความเห็น
“เอาล่ะขอรับ แล้วกลุ่มการค้าหลัวถงของเรามีปัญหาเรื่องเกลือสกปรกหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามต่อในที่ประชุม
“ไม่มีนะหมิงหมิงน้อย เพราะเจ้าได้เตือนพวกเราไว้ก่อน กลุ่มของเราจึงไม่มีปัญหาเกลือสกปรก ข้าไม่นึกมาก่อนเลยว่าน้ำทะเลนั้นสามารถเอามาทำเป็นเกลือได้ แถมขั้นตอนยังง่ายอีกด้วย” หนึ่งในชายห้าคนเอ่ยชมจางอี้หมิงด้วยความเคารพนับถือ
ถึงแม้ว่าจางอี้หมิงจะเป็นเพียงเด็กน้อย แต่ชีวิตของทุกคนในหมู่บ้านหลัวถงดีขึ้นเพราะเด็กน้อยคนนี้ทั้งนั้น ชาวบ้านจึง เคารพรัก และเกรงใจครอบครัวจางที่สุด ยิ่งมารู้ว่าเด็กน้อยมีตำแหน่งเป็นถึงอ๋องน้อยแคว้นเหลียงด้วยแล้ว จึงมีแต่คนเทิดทูนเด็กชายตรงหน้านี้มากขึ้น
จางอี้หมิงได้บอกให้ชาวบ้านทำโอ่งกรองน้ำให้สะอาดก่อนที่จะนำเอาน้ำทะเลไปต้ม ทำให้น้ำทะเลไม่มีสิ่งเจือปน พอนำไปต้มจึงได้เกลือที่มีคุณภาพดี อีกทั้งรสชาติยังไม่เค็มโดดด้วย ในส่วนของเชื้อเพลิงก็ได้จากถ่านที่ทำมาจากกากต้นลูกหนาม
“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ แล้วเราผลิตได้มากน้อยเพียงใดแล้ว” จางอี้หมิงพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“เนื่องจากเราทำการผลิตก่อนชาวบ้านจะเริ่มผลิตเกลือ ทำให้ตอนนี้เรามีสินค้าทั้งหมดตามที่ราชสำนักต้องการ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ราชสำนักประกาศหาเกลือที่มีคุณภาพมากกว่านี้ เถ้าแก่หวังจะสามารถนำส่งให้ราชสำนักได้ทันท่วงทีตามที่หมิงหมิงน้อยคาดการณ์ไว้แน่นอน” ซุนซูเย่เอ่ยตอบออกมา
“แล้วนอกจากนี้มีปัญหาอะไรอีกหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงถามต่อ
“ในตอนนี้ยังไม่มีอันใดนะ ใช่หรือไม่พวกเรา” ซุนถงกวาดสายตามองไปยังรอบ ๆ ก่อนจะเป็นผู้ตอบคำถาม
“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ หากมีปัญหาอันใดต้องรีบแจ้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยนะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยสำทับอีกครั้ง
หลังจากนั้นทุกคนจึงปรึกษาหารือกันอีกไม่นานก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
คล้อยหลังเมื่อทุกคนออกไปจากที่ประชุมหมดแล้ว จางอี้เทาก็เดินเข้ามาตบมือลงไปบนบ่าของบุตรชายเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ เขารู้ว่าบุตรชายทำงานหนักเพียงไหนเพื่อครอบครัวและชาวบ้านหลัวถงแห่งนี้
จางอี้หมิงเงยหน้ามองบิดาแล้วยกมือสวมกอดเอวเอาไว้เบาๆ เขาเองรู้ดีว่าครอบครัวจางเป็นห่วงตนเองมากเพียงไหน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาอยากให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่สมาชิกในครอบครัวแต่รวมถึงชาวบ้านหลัวถงด้วย
จางอี้เทาจึงอุ้มบุตรชายขึ้นมาและเดินออกไปพร้อมกัน เขาอยากให้เด็กน้อยได้กลับไปพักผ่อนเสียหน่อย หากโลกใบนี้ทำให้จางอี้หมิงต้องเหนื่อยล้า ครอบครัวจางก็จะเป็นที่พักพิงให้ทุกเมื่อ
กลับไปพักเอาแรงใจที่บ้านเรากันนะหมิงเอ๋อร์...
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?