หลังจากวันที่ทหารมาขนเอาลูกหนามจากหมู่บ้านหลัวถงไปแจกจ่าย เวลาก็ผ่านมากว่าสิบวันแล้ว เรื่องเชื้อเพลิงของชาวเมืองไห่ถังได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที หิมะหยุดตกมาได้สองวันทำให้ท้องฟ้าเริ่มปลอดโปร่ง ทว่าอากาศยังคงหนาวเย็น หิมะยังไม่ละลายไปเสียทีแต่ก็เบาบางลงมาก ตอนนี้หนาเพียงหน้าแข้งเท่านั้น ปัญหาใหม่ที่ทำให้ทุกคนหวั่นวิตกจึงเป็นเรื่องอาหารขาดแคลน
สำหรับกลุ่มการค้าหลัวถง จางอี้หมิงได้จ่ายเงินซื้ออาหารมาเก็บไว้แล้วแจกเสบียงอาหารให้กับชาวบ้านไปจนหมดตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ซุนถงนำเงินกองกลางที่เก็บไว้มาจ่ายคืนให้กับบ้านจางแล้วเรียบร้อย
“ท่านย่าเป็นเช่นไรบ้างขอรับ” จางอี้หมิงเดินมานั่งข้างท่านย่า
หญิงชรากำลังนั่งอยู่หน้าเตา นางใช้ความร้อนจากเปลวไฟอบอุ่นร่างกาย
“หมิงเอ๋อร์ ย่าอาการดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วงย่า” นางหูยกมือที่เหี่ยวย่นบ่งบอกว่าเจ้าของมือข้างนี้ผ่านเวลามายาวนานเพียงไหน
“ท่านย่าจะรับชาผักไหมขอรับ ข้าจะไปเอามาให้” จางอี้หมิงยังคงเอ่ยถามนางหูด้วยความใส่ใจ
“ขอบใจเจ้ามาก ได้จิบชาอุ่น ๆ ก็คงดีไม่น้อย” นางหูยิ้มให้หลานชาย
จางอี้หมิงได้ยินเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปในครัวที่มีมารดากำลังทำอาหารมื้อกลางวันอยู่ เขาแจ้งให้หลี่อ้ายทราบถึงความต้องการของท่านย่าแล้วจึงวิ่งกลับมานั่งอยู่กับหูไป๋หงเช่นเดิม ไม่นานจางอี้เทาจึงเดินเข้ามาในบ้าน หลี่อ้ายได้ยินว่าจางอี้เทากลับมาแล้วจึงนำชามาให้ทั้งแม่สามีและสามีของนางด้วย
“ท่านพ่อ ท่านปู่ถงว่าเช่นใดบ้างขอรับ” จางอี้หมิงเห็นว่าบิดาดื่มชาเสร็จแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะบิดาเพิ่งกลับจากการประชุมหมู่บ้าน คงได้รับข่าวสารใหม่ๆมาบ้าง
“อาหารที่แจกไปนั้นเริ่มขาดแคลนแล้ว หมดปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงก็มาเจอกับปัญหาอาหารขาดแคลน อาจจะเพราะฤดูหนาวยาวนานขนาดนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้หิมะจะหยุดตกแล้ว แต่ชาวบ้านยังคงปลูกผักไม่ได้ ไปหาผักตามป่าก็น่าจะไม่รอดจากหิมะ หากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไปชาวบ้านและชาวเมืองไห่ถังต้องเดือดร้อนอีกเป็นแน่ อาหารในคลังก็หมดลงแล้ว ท่านเจ้าเมืองก็จนใจ แต่ถ้าหากหิมะละลายจนหมด อาจจะขอความช่วยเหลือไปยังเมืองหลวงได้ ไม่ตายเพราะหนาวตายก็จะตายเพราะไม่มีอะไรกิน พวกเราจะทำเช่นไรกันดี”
จางอี้เทาเอ่ยด้วยความวิตกกังวล บ้านจางกำลังมีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ มีบ้าน มีเพื่อนบ้านที่ดี เหตุใดธรรมชาติถึงได้โหดร้ายกับมนุษย์เช่นนี้
“น้องหญิง อาหารของบ้านเราเป็นเช่นไรบ้าง” จางอี้เทาเอ่ยถามภรรยาต่อ
“ท่านพี่ อาหารบ้านเรายังคงพอมีเหลือแต่ก็ไม่น่าจะอยู่ได้เกินเจ็ดวันเจ้าค่ะ ท่านพี่พวกเราทำถูกแล้วหรือไม่ อาหารของกลุ่มการค้าที่หมิงเอ๋อร์สะสมไว้ต่างหากก็มอบให้ชาวบ้านไปทั้งหมด ข้าน่าจะใจแข็งเก็บไว้ให้มากหน่อย แต่ข้าก็ทำใจไม่ได้ ไม่สามารถทำได้จริง ๆ”
หลี่อ้ายยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ประณามตนเองที่คิดถึงแต่ผู้อื่นจนลืมนึกถึงครอบครัวของตนเอง จนจางอี้เทาถึงกับต้องคว้าเอาภรรยาเข้ามากอดไว้แล้วเอ่ยปลอบใจเสียงทุ้มเย็น
“น้องหญิง พวกเราตกลงกันแล้วถ้าหากไม่มอบให้พวกเขา พวกเราก็ทนเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ อย่างน้อยถ้าจะรอดก็รอดด้วยกัน ถ้าจะต้องตายก็ตายด้วยกัน พวกเราจะได้ไม่เหงาเช่นไรเล่า”
“ท่านแม่ อย่าได้โทษตัวเองไปเลยขอรับ พวกเราทุกคนตัดสินใจกันดีแล้วขอรับ” จางอี้หมิงเห็นมารดาร้องไห้เสียใจเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยปลอบใจและเข้าไปโอบกอดไว้ด้วย
“ใช่แล้ว มิใช่ความผิดของน้องหญิง มิใช่ความผิดของใครทั้งนั้น” จางอี้เทายังคงปลอบใจภรรยาไม่หาย หลี่อ้ายเมื่อได้รับคำปลอบใจจากสามีและบุตรชายจึงค่อยสงบสติอารมณ์และหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด
“ท่านพี่ข้านี่แย่เสียจริง นอกจากจะไม่ช่วยอันใดแล้วยังทำให้พวกท่านเป็นห่วง ข้าขอโทษนะเจ้าคะ” หลี่อ้ายรู้สึกเสียใจที่ตนเองช่างเป็นคนไร้ค่า นอกจากมิช่วยอันใดแล้วยังทำให้คนที่ตนรักเป็นห่วง อีกทั้งในฐานะที่เป็นแม่เรือนกลับทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก นางรู้สึกเสียใจจริง ๆ
“ไม่มีใครกล่าวโทษน้องหญิง”
“ท่านแม่ ข้าหิวแล้วขอรับ” จางอี้หมิงเห็นว่าจำเป็นต้องเบี่ยงเบนความสนใจของมารดาไปทางอื่นจึงเอ่ยขึ้นมา
หลี่อ้ายเมื่อได้ยินว่าบุตรชายสุดที่รักของตนหิวสัญชาตญาณของความเป็นมารดาจึงทำงานทันที
“หมิงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ ไปล้างมือก่อน แม่จะได้ยกอาหารออกมาให้ทุกคน ข้าลืมมื้อกลางวันไปสิ้น แม่ขอโทษนะ ท่านพี่รบกวนช่วยข้ายกอาหารออกมาด้วยเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายบอกบุตรชายให้ไปล้างมือและหันไปขอความช่วยเหลือจากสามี
“ได้สิ”
มื้อกลางวันในวันนี้อาหารที่นำมาวางไว้บนโต๊ะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จางอี้หมิงถึงกับหลั่งน้ำตาขึ้นมาในใจ หากเป็นเช่นนี้ไม่นานตัวเขาต้องกลับมาผอมแห้งแรงน้อยอีกเป็นแน่ ไม่ได้การณ์แล้ว
เห็นทีเขาคงต้องขึ้นเขาไปดูสักครั้งอาจจะมีสิ่งที่สามารถเอามาทำอาหารได้
ป๊อก ป๊อก ป๊อก
เสียงม้าที่เดินย่ำไปตามทางและเสียงสั่งงานตะโกนโหวกเหวกดังลั่นจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เสียงเคาะเกราะที่ดังไปทั่วหมู่บ้านหลัวถงส่งสัญญาณบอกว่ามีอันตรายกำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้ชาวบ้านทุกหลังคาเรือนสะดุ้งผวาขึ้นมาด้วยความตกใจ เด็กเล็กหลายคนร้องระงมไปทั่ว บิดามารดาก็ไม่สามารถห้ามได้
ในคืนเดือนมืดเช่นนี้ถึงแม้ว่าหิมะจะไม่ตกแล้วแต่ยังมีหิมะบางส่วนหลงหลืออยู่บนพื้นดินยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวง
“ท่านแม่ หมิงเอ๋อร์จำไว้ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นห้ามออกมาจากห้องลับเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่” จางอี้เทารีบปลุกมารดาและนำบุตรชายให้ไปหลบที่ห้องลับก่อนจะปิดไว้เช่นเดิม
คบไฟถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้ความสว่าง จางอี้เทาและหลี่อ้ายเดินมานั่งรวมกับชาวบ้านทุกคน โชคช่างเข้าข้างอาจารย์เทียนและสองหมิง เนื่องจากว่าถนนหนทางสามารถใช้สัญจรไปมาได้ตามปกติแล้ว พวกเขาจึงเดินทางไปที่จวนหนิงอ๋องและจะไม่กลับมาอีกหลายวัน ได้ยินว่าอาจจะไปอยู่รอเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อหนิงอ๋องเสด็จมาพัก
“พวกมันมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วหรือไม่”
ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนหลังม้ากล่าวเสียงกังวาน เขามีรูปร่างสูงใหญ่และสวมใส่ชุดสีดำทั้งชุดรวมถึงผ้าปิดหน้า คาดว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกลุ่มนี้ เมื่อไล่สายตาดูทั่วแล้ว โจรชุดดำจึงหันไปเอ่ยถามชายคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นลูกน้อง
“ท่านหัวหน้า ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกันที่นี่แล้วขอรับ”
“ดีมาก ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้ใดหากพวกเจ้าไม่ขัดขืน ข้าเพียงต้องการแบ่งปันอาหารจากพวกเจ้าเท่านั้น ผู้หญิงและเด็กจงอยู่ที่นี่ ส่วนผู้ชายให้กลับไปที่บ้านของตนเองแล้วนำอาหารของพวกเจ้าทั้งหมดมาให้พวกข้า ไปได้” เขาสั่งเสียงดังไปยังกลุ่มชาวบ้านทั้งหมดที่นั่งรวมอยู่ด้วยกัน
“เจ้าโจรชั่ว หากพวกข้ามอบอาหารทั้งหมดให้เจ้าในวันนี้ก็มิเท่ากับหยิบยื่นความตายให้ตนเองเช่นนั้นหรือ” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนที่จะถูกโจรลูกน้องสองคนลากตัวออกมาวางไว้ตรงหน้าหัวหน้ากลุ่ม
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องการฆ่าหรือทำร้ายใคร แต่พวกเจ้าคงเป็นจำพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน” หัวหน้าโจรพูดเสร็จแล้วจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องเตะเข้าไปที่ชายคนนั้นอย่างแรง
พลั่ก ตุบ โอ้ย
“อย่า อย่าทำข้า ข้ายอมแล้ว ข้ากลัวแล้ว” ชายชาวบ้านรีบร้องขอชีวิตขึ้นมาทันทีทั้งที่เลือดสีแดงเข้มยังกลบอยู่เต็มปาก ร่างกายเขาบอบช้ำไปหมด โจรพวกนี้ช่างไร้ความปราณี พวกมันสามารถมองดูคนถูกทำร้ายได้อย่างหน้าตาเฉย ชาวบ้านหลายคนเบือนหน้าหนี สตรีมากมายหลั่งน้ำตาออกมาให้กับภาพตรงหน้า จนในที่สุดจางอี้เทาก็ไม่อาจทนไหว ชายหนุ่มรีบขอร้องออกไปเสียงดัง
“ท่านอย่าได้ทำร้ายเขาได้หรือไม่ หากพวกท่านต้องการสิ่งใด จงเอาไปให้หมด แต่พวกข้าขอร้อง อย่าได้ทำร้ายชาวบ้าน”
“หืม มีพวกอวดเก่งอีกคนแล้วเช่นนั้นหรือ” หัวหน้าโจรหันมาทางจางอี้เทาที่เอ่ยขอร้องแทนชาวบ้านด้วยความสนใจ
“ข้ามิได้อวดเก่ง ข้าเพียงแต่ขอร้องท่านว่าอย่าได้ทำร้ายพวกเราเลย เห็นแก่ที่พวกเราต่างเป็นมนุษย์เหมือนกันและเป็นเพียงชาวบ้านเท่านั้น ชาวบ้านเช่นพวกเราไหนเลยจะมีอาหารหรือสิ่งของมีค่าอันใดให้พวกท่านสนใจ ข้าพูดถูกหรือไม่” จางอี้เทายังคงมีสติเพียงพอที่จะเกลี่ยกล่อมหัวหน้าโจรให้เลิกทำร้ายชาวบ้านเสียที
“ได้สิ ในเมื่อเจ้าขอร้อง ข้าก็จะไม่ทำร้ายพวกเจ้าเพียงแต่ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องไปเอาอาหารและสิ่งของมีค่ามาให้พวกข้าเดี๋ยวนี้ และอย่าได้คิดตุกติก ไม่เช่นนั้นจะหาว่าดาบในมือข้ามันกระหายเลือดไม่ได้” หัวหน้าโจรเอ่ยขู่เสียงดัง
“ไป๊!”
ชาวบ้านชายรีบลนลานกลับไปยังบ้านของตนเอง ตอนนี้ไม่มีใครกล้าคิดขัดขืนพวกโจรถ่อยอีกเลย ถึงแม้จะขาดอาหารแต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอด ในอนาคตข้างหน้าค่อยว่ากันอีกที
จางอี้เทากลับบ้านไปพร้อมกับลูกน้องโจรคนหนึ่งที่เดินตามมา เขาเกือบควบคุมตนเองไว้ไม่ได้ เพราะกำลังคิดถึงห้องลับที่มารดากับบุตรชายหลบอยู่ อีกสิ่งหนึ่งที่อี้เทาสงสัยคือเหตุใดจึงมีโจรเพียงคนเดียวที่เดินตามเขามา
“รีบเดินเร็วเข้า หากชักช้ากว่านี้อย่าหาว่าข้าโหดร้าย” โจรคนนั้นเอ่ยเสียงดัง
“พี่ชาย ข้ารีบถึงที่สุดแล้ว”
“ตรงลานบ้าน ข้าเห็นเจ้ากับเมียเพียงเท่านั้น เหตุใดถึงไม่เห็นลูกชายของเจ้า” โจรแปลกหน้าเอ่ยถามพลางชี้มือไปยังเตียงนอนที่มีร่องรอยของการใช้งานและผ้าห่มที่ยังเปิดอ้าไว้ เหมือนรีบลุกจากไป
ถึงแม้ว่าหิมะจะหยุดตกไปแล้วแต่อากาศยังหนาวเย็นอยู่มาก ทว่าตอนนี้จางอี้เทาถึงกับเหงื่อตกไหลออกมาตามใบหน้าเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“พะ พี่ชาย นั่นเป็นห้องนอนของมารดาและบุตรชายของข้า พะ พวกเขาเข้าไปในเมืองขอรับ” จางอี้เทากลั้นใจตอบออกไป
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม เหตุใดไม่ไปเก็บเสบียงอาหาร หรือเจ้าอยากจะเจ็บตัวเช่นนั้นหรือ” โจรร้ายได้ฟังแล้วไม่พูดอันใด ก่อนจะสั่งให้จางอี้เทารีบเก็บเสบียง
“ขะ ข้าทำเดี๋ยวนี้” จางอี้เทารีบตรงไปยังห้องเก็บเสบียงซึ่งในนั้นมีเสบียงอยู่ไม่น้อย เขาพยายามเดินออกห่างห้องลับมากที่สุด
“เจ้าเอาเสบียงกลับไปได้” โจรคนนั้นเอ่ยบอกจางอี้เทาเมื่อเห็นว่าเขาเก็บเสบียงทั้งหมดใส่ลงไปในถุงแล้ว
“แล้วพี่ชายไม่กลับไปที่ลานบ้านกับข้าหรือขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ทำไมเจ้าโจรคนนี้ถึงให้เขากลับไปคนเดียว
“เจ้ากล้าตั้งคำถามกับข้าเช่นนั้นหรือ” โจรหันมาตวาดใส่จางอี้เทา เขาจึงจำใจต้องเดินออกจากบ้านมาเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยว่ายังมีใครอยู่ในบ้านอีก
จางอี้เทาเดินกลับมายังลานหมู่บ้านพร้อมกับวางถุงเสบียงของบ้านตนเองรวมไว้กับของบ้านอื่น เมื่อเสร็จแล้วจึงเดินกลับไปนั่งรวมกับหลี่อ้าย
หลี่อ้ายเห็นว่าสามีกลับมาคนเดียว โจรที่เดินตามไปด้วยไม่ได้กลับมา จึงกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่ก็ต้องรีบปิดปากลงเมื่อเห็นสามีส่ายหน้าส่งสัญญาณว่าห้ามพูด
จะให้ทำเช่นไรได้ ใจนางร้อนอย่างกับไฟแล้วที่ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับบุตรชายหรือไม่ การที่แอบซ่อนบุตรชายไว้ที่ห้องลับมิรู้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายกันแน่
หัวหน้าโจรเห็นว่าเสบียงที่กองอยู่ตรงหน้ามีมากพอและทุกคนนำมาให้หมดแล้วจึงผิวปากส่งสัญญาณให้ลูกน้องกลับมารวมตัวกันเพื่อขนเสบียงทั้งหมดขึ้นเกวียนและรถม้าเพื่อเตรียมตัวจากไป
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือการขัดคำสั่ง ข้าบอกให้สมาชิกทุกคนของบ้านหลัวถงมารวมตัวกันที่นี่แต่ก็มีบางคนขัดคำสั่ง เช่นนั้นหากข้าไม่สั่งสอนพวกเจ้าคงไม่หลาบจำ ไปจัดการ” หัวหน้าโจรพูดขึ้นเมื่อรถม้าได้บรรทุกเสบียงทั้งหมดเตรียมตัวออกเดินทางจากไป
ชาวบ้านได้แต่สงสัยว่าหัวหน้าโจรพูดอันใดจนมีชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมชี้มือไปยังทิศท้ายหมู่บ้าน เปลวเพลิงร้อนแรงที่ลุกโหมขึ้นส่งผลให้เห็นได้อย่างชัดเจนในยามเดือนมืดเช่นนี้
“นั่นมิใช่บ้านอาเทาที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเช่นนั้นหรือ”
จางอี้เทาและหลี่อ้ายได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้าไปทันที บ้านของพวกเขากำลังถูกไฟเผาจนควันดำลอยขึ้นเต็มฟ้า แสงจากเปลวไฟขนาดใหญ่สาดส่องให้ทั้งหมู่บ้านสว่างไสว ในตอนนี้เองที่หัวใจของหลี่อ้ายหล่นไปถึงตาตุ่ม
“ไม่ ท่านพี่ หมิงเอ๋อร์ หมิงเอ๋อร์” หลี่อ้ายอุทานขึ้นมาและจะวิ่งกลับไปยังบ้านของตน โดยหลงลืมไปว่ากำลังปิดบังเรื่องแม่สามีกับบุตรชายไว้
“น้องหญิงเงียบ” จางอี้เทารีบเอ่ยเตือนภรรยา
“นี่คือบทลงโทษจากการขัดคำสั่งของข้า”
หัวหน้าโจรเมื่อเห็นว่าไฟลุกไหม้ใหญ่โตเกินกว่าจะสามารถดับได้แล้ว จึงสั่งให้ทุกคนขึ้นม้าจากไป คงเหลือไว้เพียงบ้านจางที่เปลวไฟลุกไหม้โชติช่วง
คล้อยหลังกลุ่มโจร หลี่อ้าย จางอี้เทา และชาวบ้านพากันวิ่งตรงไปยังบ้านจาง แต่ก็จนใจด้วยไฟที่ลุกโหมเกินกว่าจะสามารถช่วยกันดับลงไปได้ หลี่อ้ายร้องไห้โฮ นางเป็นลมล้มพับไปทันที
จางอี้เทาหัวใจสั่นรัว เขารีบคว้าภาชนะใกล้ตัวเดินไปตักน้ำและสาดเข้ากองไฟ ในหัวเอาแต่คิดหาทางเข้าไปช่วยมารดาและบุตรชายของตนเองออกมา
หมิงเอ๋อร์ ท่านแม่ ได้โปรดรอข้าเข้าไปช่วยอย่างปลอดภัยด้วยเถิด
ได้โปรดมีชีวิตอยู่รอข้าอีกนิด...
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?