ตอนที่ 24 เหลาอาหารซิ่งฝู

“พี่ชาย พี่ชาย อย่าเพิ่งไป รอข้าก่อน” 

จางอี้เทาหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นเด็กหนุ่มสวมชุดเสี่ยวเอ้อร์วิ่งมาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ เด็กหนุ่มคนนั้นยกมือกวักเรียกสองพ่อลูกไปด้วยขณะวิ่ง ท่าทางจะเหนื่อยไม่น้อย

จางอี้หมิงที่ยืนรออยู่ถึงกับกลอกตามองบน จะกวักมือเรียกอีกทำไมในเมื่อพวกเขาสองคนพ่อลูกก็หยุดเดินและยืนรออยู่ตรงนี้แล้ว

“น้องชายท่านนี้เรียกข้าสองคนพ่อลูกหรือ” จางอี้เทาเอ่ยถามเมื่อเด็กหนุ่มเสี่ยวเอ้อร์คนนั้นวิ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“ใช่แล้วพี่ชาย ขอเวลา...ข้าพัก...หายเหนื่อยสักครู่” เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้าตอบพลางยกมือสองข้างท้าวกับหัวเข่าตนเอง เขาสูดอากาศเข้าปอดอย่างตะกละตะกลาม ท่าทางจะวิ่งตามมาไกลพอควร ผ่านไปไม่นานเมื่อปรับลมหายใจได้แล้วจึงยืดตัวขึ้นยืนอยู่ในท่าทางปกติ

“น้องชายท่านนี้คงบอกได้แล้วหรือไม่ ว่าเรียกข้าสองคนพ่อลูกไว้เพราะเหตุใด” 

“ข้าเป็นเสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารซิ่งฝู เหลาอาหารอันดับสองของเมืองไห่ถัง ข้าเห็นว่าพวกเจ้าสองคนพ่อลูกไปถามขายสูตรอาหารให้กับเหลาอาหารเฟิงฟู่ แต่ถูกเสี่ยวเอ้อร์ไล่ออกมาเสียก่อน เป็นความจริงหรือไม่”

“เป็นความจริงน้องชาย” 

“เช่นนั้นเจ้าก็มีสูตรอาหารจริง ๆ อย่างนั้นหรือ” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยถามด้วยดวงตาเป็นประกาย จางอี้เทาพยักหน้ารับ

“พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าสูตรอาหารที่เจ้าเอาไปถามขาย มันคืออาหารอันใด” 

“ได้ มันคือสูตรการทำพะโล้” จางอี้เทาตอบ

“โธ่! แค่สูตรการทำพะโล้เท่านั้นเองหรอกหรือ ข้านึกว่ามีอาหารแปลกใหม่เสียอีก” เสี่ยวเอ้อร์เมื่อได้ฟังคำตอบถึงกับทำสีหน้าผิดหวัง อุตส่าห์วิ่งตามมาตั้งไกลแต่คำตอบที่ได้กลับเป็นแค่พะโล้ธรรมดา

“พี่ชายท่านนี้ เหตุใดจึงอยากได้รายการอาหารแปลกใหม่หรือขอรับ” จางอี้หมิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เด็กน้อย พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าเหลาอาหารเฟิงฟู่กับเหลาอาหารซิ่งฝูแข่งขันกันมาถึงสามรุ่นแล้วเพื่อครองอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถัง ข้าอยากช่วยเถ้าแก่ให้ได้สมหวังสักครั้ง เถ้าแก่ของข้าเป็นคนดีมาก มีน้ำใจและชอบช่วยเหลือคนยากจน รวมทั้งคนงานในเหลาต่างก็รักเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยกันทุกคน” เสี่ยวเอ้อร์อธิบายยาวเหยียดและยังคงพูดต่อไปว่า

“เมื่อข้าได้ยินว่าพวกเจ้ามีสูตรอาหารไปขาย จึงได้ไล่ตามมาเพราะคิดว่าคงจะมีอะไรแปลกใหม่ แต่ดูท่าจะเสียเวลาเปล่า ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ขอบใจพี่ชายด้วยนะที่หยุดรอข้า เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” 

เมื่อกล่าวจบแล้วก็ยกมือขึ้นคารวะ เขาเตรียมตัวหันหลังเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อนพี่ชาย” จางอี้หมิงเรียกเสี่ยวเอ้อร์เอาไว้

“มีอันใดอีกหรือไม่เด็กน้อย”

“เหตุใดพี่ชายถึงไม่รังเกียจพวกข้าที่เป็นเพียงชาวบ้านยากจนธรรมดาล่ะขอรับ”

“เหตุใดข้าต้องรังเกียจพวกเจ้า เถ้าแก่เหลาอาหารซิ่งฝูไม่เคยสอนให้พวกเรารังเกียจคนอื่น ต่อให้เป็นขอทานแต่ถ้ามีเงินจ่ายค่าอาหารตามที่ได้ติดประกาศไว้ ทุกคนคือลูกค้า พวกเราต้องบริการให้ดีที่สุด” เสี่ยวเอ้อร์อธิบายด้วยใบหน้าจริงจังแต่ก็ยิ้มแย้ม ท่าทางผิดกับเสี่ยวเอ้อร์ร้านเก่าลิบลับ

“หืม มีแบบนี้ด้วย ช่างแตกต่างจากเหลาอาหารเฟิงฟู่ยิ่งนัก” จางอี้เทาเอ่ย

“เถ้าแก่เป็นคนจิตใจดีเกินไป และเพราะความใจดี เถ้าแก่เลยไม่มีความสามารถที่จะจ่ายเงินจ้างพ่อครัวฝีมือดี ๆ ได้ มัวแต่เอาเงินไปช่วยเหลือชาวบ้านยากจนบางส่วน ไม่เช่นนั้นถ้ามีพ่อครัวฝีมือดีสักคน เหลาอาหารซิ่งฝูคงมีโอกาสได้เป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังบ้างแล้ว”

“พี่ชายท่านนี้ ข้ากับท่านพ่อขอลองนำสูตรอาหารบ้านข้าไปเสนอให้เถ้าแก่ของพี่ชายได้หรือไม่” จางอี้หมิงเห็นถึงความตั้งใจของเสี่ยวเอ้อร์จึงคิดอยากช่วยเหลือ อีกอย่างเขาก็อยากจะแก้เผ็ดเหลาอาหารเฟิงฟู่ด้วย 

ดูสิ...ไล่เขากับท่านพ่อออกมาราวกับไม่ใช่คน ไม่ลองเอ่ยถามถึงสิ่งที่จะมาเสนอขายเสียด้วยซ้ำ

“แต่ว่าสูตรอาหารที่เจ้ามี มันไม่ได้แตกต่างอันใดกับที่เหลาของข้ามีน่ะสิ”

“พี่ชาย อย่าได้วิตกไป ข้ารับรองว่าสูตรอาหารบ้านข้าถึงแม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกันกับเหลาอาหารของพี่ชาย แต่ว่าความอร่อยพี่ชายต้องคอยดูเอาเองนะขอรับ”

จางอี้หมิงส่งยิ้มหวานไปให้ด้วยความมั่นใจ ไม่รู้เป็นเพราะดวงตาสดใสนั่นหรือไม่ถึงทำให้เสี่ยวเอ้อร์รู้สึกวางใจเด็กน้อยตรงหน้าอย่างไม่รู้สาเหตุ

แม้ตัวจะผอมแห้ง แต่ท่าทีมุ่งมั่นเอาจริง รอยยิ้มก็มั่นใจนักหนา จะลองดูหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

“ได้ ข้าก็อยากจะลองชิมดูเหมือนกันว่าพะโล้บ้านเจ้าจะอร่อยขนาดไหนเชียว” เสี่ยวเอ้อร์ได้แต่ยิ้มตามเด็กชายตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกกับสองพ่อลูกบ้านสกุลจาง

เสี่ยวเอ้อร์หนุ่มเดินนำจางอี้เทาและเด็กน้อยผ่านทางเดิม แต่เมื่อมาถึง กลับมีเสียงดูถูกเหยียดหยามลอยมากระทบหูให้อยากเอาผ้าไปอุดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ใช่แล้ว! จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารเฟิงฟู่ที่ใช้ไม้กวาดไล่สองพ่อลูกสกุลจางก่อนหน้านี้ ที่ตอนนี้ถึงกับเดินออกมายืนอยู่ด้านหน้าเหลาอาหาร ตะโกนเอ่ยหยอกเย้าพวกเขาทั้งสามคนอย่างสนุกสนาน

“อย่าบอกนะว่าเหลาอาหารซิ่งฝูสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดสนใจสูตรอาหารบ้าน ๆ เช่นนั้น” 

“เหลาอาหารซิ่งฝูจะสิ้นไร้ไม้ตอกหรือไม่ หาใช่ธุระอันใดของเจ้า พวกเราไปกันเถอะ” เสี่ยวเอ้อร์เหลาอาหารซิ่งฝูตอบโต้ด้วยเสียงอันดังไม่แพ้กัน ก่อนชายหนุ่มจะหันมาลากข้อมือของจางอี้เทาและจางอี้หมิงให้เดินเข้าไปในเหลาอาหารของตนเอง

“ฮะ ฮะ ไม่น่าเชื่อว่าเหลาอาหารอันดับสองจะตกต่ำถึงขนาดต้องไปซื้อสูตรอาหารของชาวบ้านมาเป็นรายการอาหารเสียแล้ว ท่านลูกค้าทั้งหลาย ถ้าต้องการไปกินอาหารที่เหลาอาหารซิ่งฝู ระวังจะได้กินอาหารบ้าน ๆ แทนอาหารเลิศรสนะขอรับ” 

เสี่ยวเอ้อร์นักเลงโตนั่นยังตะโกนพูดจายั่วยุไม่หยุด มีลูกค้าบางคน น่าจะเป็นเศรษฐีหรือผู้มีฐานะไม่น้อยหลายคนที่ผ่านไปมา ต่างส่งเสียงร้องรับและหัวเราะอย่างไม่มีมารยาท

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าขอเอาไม้กวาดไปฟาดปากเน่า ๆ เจ้านั่นสักที” เสี่ยวเอ้อร์เหลาอาหารซิ่งฝูถึงกับดึงทึ้งผมของตนเองด้วยความโมโห ดูท่าทางเอาจริงเอาจังจนลำบากจางอี้หมิงที่ต้องพูดให้สงบสติอารมณ์ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นจริง ๆ

“พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ จะโกรธให้คนปากเสียเช่นนั้นทำไมขอรับ สู้เราเก็บแรงไว้หัวเราะที่หลังมิดีกว่าหรือ ในเมื่อเหลาอาหารเฟิงฟู่พูดจาดูถูกพวกเราขนาดนี้ พวกเราควรต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกบ้าง และมันมีตั้งหลายวิธีในการสั่งสอน ขอพี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ได้โปรดใจเย็นอีกนิด ข้าสัญญาว่าพี่ชายเสี่ยวเอ้อร์จะได้แก้แค้นในไม่ช้านี่แน่นอนขอรับ”

“หึ น้องชาย เจ้าตัวเล็กจ้อยเช่นนี้ พูดซะใหญ่โตว่าจะแก้แค้น ก่อนหน้านี้ตอนเจ้านั่นไล่ตีด้วยไม้กวาด ข้าไม่เห็นพวกเจ้าจะทำอันใดได้ เห็นแต่วิ่งหนีไปแทบไม่ทันเหมือนกัน” 

“พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ อย่าได้เป็นห่วง ท่านพ่อของข้าเก่งกาจยิ่งนัก ขอได้โปรดวางใจ”

“หมิงเอ๋อร์...” จางอี้เทาที่กำลังจะเอ่ยปากปรามบุตรชาย ได้แต่หยุดไว้เพียงเท่านั้น เพราะจางอี้หมิงส่งสัญญาณให้บิดาเช่นเขาเงียบเสียก่อน

“ท่านพ่อ อย่าได้ถ่อมตนเลยขอรับ พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ท่านนี้คงยังไม่รู้ว่าบิดาของข้าเคยเป็นอาจารย์ในเมืองหลวงมาก่อน เช่นนั้นเรื่องเพียงเท่านี้ ไม่เป็นอันใดเลย” 

“จริงเหรอว่าพี่ชายเคยเป็นอาจารย์ในเมืองหลวงมาก่อน ข้าก็ว่าแล้ว เหตุใดชาวบ้านธรรมดาถึงมีสูตรพะโล้ ดี ดียิ่ง เห็นทีเหลาอาหารซิ่งฝูจะมีหนทางแล้ว”

เสี่ยวเอ้อร์ถึงกับไหว้ปลก ๆ ไปทั้งสี่ทิศ เสมือนเห็นพระมาโปรด ก่อนที่จะเดินนำสองพ่อลูกสกุลจางเดินไปยังห้องทำงานของเถ้าแก่ตนเองที่จัดไว้ชั้นบนสุดของเหลาอาหารแห่งนี้

พวกเขาขึ้นบันไดและเดินลัดเลาะผ่านเส้นทางในเหลาอาหารไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่เดินนำสองพ่อลูกบ้านจางไปหาเถ้าแก่ของตนเอง เสี่ยวเอ้อร์ได้แนะนำตัวว่าเขาชื่อซีฮัน จางอี้เทาและจางอี้หมิงจึงได้แนะนำตัวตอบไป

“เถ้าแก่ขอรับ ข้าซีฮัน ขออนุญาตเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ” ซีฮันเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านาย พร้อมกับขออนุญาตไปด้วย

“อาฮันหรอกหรือ เข้ามาสิ” เถ้าแก่เหลาอาหารเอ่ยอนุญาต

เมื่อได้ยินดังนั้นซีฮันจึงเดินนำสองพ่อลูกเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย ซึ่งกำลังนั่งดีดลูกคิดอยู่บนโต๊ะทำงานตัวไม่ใหญ่มากนัก จางอี้หมิงถือโอกาสพิจารณาเถ้าแก่หลินไปในตัว

เถ้าแก่หลินสวมชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นคนแก่ใจดี บุคลิกท่าทางสมเป็นคนทำงานด้านบริการ

“เถ้าแก่ขอรับ นี่คือสองพ่อลูกบ้านจาง ชื่อจางอี้เทา ส่วนเด็กน้อยนั่นชื่อว่าจางอี้หมิงขอรับ” ซีฮันเอ่ยแนะนำ “พวกเจ้า นี่คือเถ้าแก่หลินไห่ เจ้านายของข้าเอง” 

“ข้าจางอี้เทาขอคารวะเถ้าแก่หลินไห่ขอรับ/ข้าจางอี้หมิงขอคารวะเถ้าแก่หลินไห่ขอรับ” สองพ่อลูกยกมือเคารพเถ้าแก่เหลาอาหารก่อนเป็นอันดับแรก

“ดี ๆ พวกเจ้าเรียกข้าว่าเถ้าแก่หลินเช่นคนอื่นเถอะ แล้วนี่พวกเจ้าต้องการมาขอความช่วยเหลืออันใดหรือไม่” เถ้าแก่หลินเอ่ยถามสองพ่อลูกด้วยความเคยชิน ที่ผ่านมาพวกชาวบ้านยากจนต่างก็มาขอความช่วยเหลือเขาแบบนี้ทั้งนั้น

“เถ้าแก่ มิใช่เช่นนั้นขอรับ พี่จางกับบุตรชายไม่ได้มาขอความช่วยเหลือ พวกเขาเอาสูตรอาหารมาเสนอให้เถ้าแก่ขอรับ คือเรื่องมันเป็นเช่นนี้ขอรับ..........” ซีฮันเป็นฝ่ายเอ่ยตอบคำถามของเจ้านายด้วยตนเอง และยังได้เล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ที่เขายืนทำความสะอาดอยู่ตรงด้านหน้าเหลาอาหาร ซีฮันได้เห็นสองพ่อลูกถูกเสี่ยวเอ้อร์เหลาอาหารเฟิงฟู่ไล่ออกมา จึงตัดสินใจวิ่งตามไป จนทั้งหมดมายืนอยู่ในห้องทำงานของเถ้าแก่หลินในเวลานี้

ซีฮันยังมิวายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อเล่าถึงตอนที่ถูกเสี่ยวเอ้อร์ของเหลาอาหารคู่แข่งดูถูกและหัวเราะเยาะพวกเขากลางถนนด้วย จนเถ้าแก่หลินถึงกับส่ายหัวให้กับความโมโหของลูกน้อง

“เอาน่าอาฮัน เจ้าจะสนใจทำไม ร้านของเราสองฝ่ายก็เป็นเช่นนี้มาตั้งกี่ปีแล้ว เจ้ายังไม่ชินอีกหรือ” 

“ข้าทราบขอรับ แต่ข้าห้ามความโกรธไม่ได้เลยขอรับ”

“เอาล่ะ ๆ เจ้าบอกว่าพวกเจ้ามีสูตรการทำพะโล้เช่นนั้นหรือ” หลังจากที่ปรามลูกน้องตนเองแล้ว เถ้าแก่จึงหันมาสนทนากับชายต่างวัยสองคนตรงหน้าต่อทันที

“เถ้าแก่หลินขอรับ ตอนนี้ข้าน้อยกำลังถูกท่านพ่อฝึกให้ทำการค้าอยู่ ถึงแม้ว่าข้าจะอายุเพียงห้าขวบปี แต่ท่านพ่อได้สอนสั่งข้ามานานแล้ว ดังนั้น เพื่อให้ข้าได้สอบผ่านการฝึกฝนนี้ต่อไปข้าจะขอเป็นคนเจรจาเองขอรับ ขอเถ้าแก่ได้โปรดชี้แนะและเอ็นดูข้าน้อยด้วย” 

จางอี้หมิงเดินขึ้นหน้าเยื้องบิดาไปเล็กน้อย เขากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความมั่นใจ พร้อมกับก้มคารวะให้เถ้าแก่หลินไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะกลับมายืนข้างบิดาดังเดิม

“โอ้ จางอี้เทา เจ้าช่างเก่งเสียจริงที่สามารถสอนบุตรชายของเจ้าได้ถึงขนาดนี้ ข้าชักชอบพวกเจ้าแล้วสิ เด็กน้อย ข้าเห็นถึงความพยายามของเจ้า ต่อไปเรียกข้าว่าท่านปู่หลินดีหรือไม่ ข้ารู้สึกถูกชะตาเจ้ายิ่งนัก นานแล้วที่ข้าไม่มีเด็กตัวเล็ก ๆ มาให้พูดคุยด้วย” หลินไห่เอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม เขาเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจางอี้หมิงก่อนที่จะย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันกับเด็กน้อยอย่างไม่ถือตัว

“หมิงเอ๋อร์ รีบเรียกท่านปู่หลินสิ” จางอี้เทารีบเอ่ยเตือนบุตรชาย เขาไม่คิดว่าเถ้าแก่หลินไห่จะเอ็นดูบุตรชายมากถึงขนาดนี้

“ท่านปู่หลิน”

“ดี ๆ ดีมาก หมิงหมิงน้อย ไหนลองเล่าให้ปู่คนนี้ฟังหน่อยสิว่าเจ้ามีของดีอะไรมาอวดบ้าง”

หลินไห่ลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือหลานคนใหม่ให้เดินตามไปนั่งลงบนโต๊ะน้ำชากลางห้อง ก่อนหันมาพยักหน้าให้จางอี้เทาเดินตามไปนั่งด้วยกัน

“อาฮัน เจ้าไปทำงานต่อเถอะ ทางนี้ข้าจัดการเองได้” เถ้าแก่หลินเอ่ยปากบอกซีฮันหลังจากที่เห็นจางอี้เทานั่งลงเรียบร้อยแล้ว

“ขอรับเถ้าแก่ ข้าไปก่อนนะ พี่จาง เด็กน้อยด้วย” ซีฮันรับคำเถ้าแก่และเอ่ยลาสองพ่อลูกบ้านจางไปในที

“เจ้าไปเถอะ/ขอรับ”

“ว่าไงเจ้าตัวเล็ก ท่านปู่คนนี้รอฟังอยู่นะ” เถ้าแก่หลินเอ่ยเย้าหลานชายคนใหม่ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับ…”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ