“ข้าขอคัดค้านการตัดสินขอรับ”
เสียงของผู้ที่มาใหม่ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ผู้ช่วยเจ้าเมืองกำลังเดินนำทหารที่หามป้ายไม้ขนาดใหญ่ขึ้นมาบนแทนปะรำพิธีเพื่อทำการส่งมอบให้กับเหลาอาหารเฟิงฟู่ก็มีอันต้องหยุดชะงักลง รวมทั้งทุกผู้ในที่นั่นด้วย
ทุกสายตาต่างจ้องมองไปยังชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดขาดหวิ่นและเก่าโทรม ตามเนื้อตัวมีบาดแผลที่เห็นว่าเริ่มแห้งบ้างแล้ว เขาเดินขากระเผลกขึ้นไปยืนบนกลางประรำพิธีข้างท่านเจ้าเมืองพร้อมกับชี้หน้าไปยังเถ้าแก่เกาจ้านแล้วเอ่ยโทษชายชราด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“ข้าขอคัดการการตัดสินเพราะชายคนนี้มิสมควรได้รับตำแหน่งนี้ขอรับ” ชายคนนั้นยังคงเอ่ยออกมาอีกครั้งอย่างไม่ยอมความ
“เจ้าขอทาน ใครปล่อยให้คนบ้าเช่นเจ้าเข้ามาก่อกวนในงานแห่งนี้” เกาจ้านเอ่ยถามพร้อมตะคอกใส่
“ความถูกต้องเช่นไรเล่า ที่ทำให้ข้ากล้ามายืนอยู่ที่ตรงนี้ เจ้าคงคิดว่าได้กำจัดข้าไปแล้วสินะ ถึงได้ยังกล้าทำเรื่องบาปหนาหยาบช้าอย่างต่อเนื่อง ท่านตายไปมิกลัวบาปกรรมเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าพูดเรื่องอันใด ความถูกต้องอันใด กำจัดอันใด บาปกรรมอันใด ข้าไปทำอันใดให้เจ้า เจ้าถึงได้มาใส่ร้ายข้าเช่นนี้”
เกาจ้านเอ่ยถามเสียงดัง พยายามกลบเกลื่อนความกลัวด้วยน้ำเสียงโกรธจัด แต่ถ้าหากสังเกตสักนิดจะเห็นแววตาสั่นไหวและเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก็จางหายไป
“เรียนท่านเจ้าเมือง ข้ามีนามว่า จิ้งเป่า เป็นข้าเองที่เป็นโจรออกปล้นอาหารชาวบ้านในฤดูหนาวที่ผ่านมา ข้าคือผู้ที่เป็นหัวหน้าโจรในครั้งนั้น กลุ่มโจรที่ทางการจับได้นั้นมีแต่ลูกน้องข้าเพียงเท่านั้น แต่ข้าหนีรอดออกมาได้เสียก่อนที่ทางการจะเข้าจับกุม”
หลังจากที่จิ้งเป่าพูดจบ ชาวบ้านต่างส่งเสียงดังอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขายังจำความยากลำบากที่ผ่านมาได้ดี ญาติพี่น้องต้องล้มตาย ความสูญเสียมากมายเหนือคณานับ
“พวกท่านมิต้องกลัวข้า ที่ข้ามาในวันนี้ได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะมอบตัวกับทางการ แต่ว่าข้าจะไม่ยอมให้คนที่มันทำร้ายข้า ทำให้ท่านแม่ของข้าต้องตาย ได้อยู่อย่างสุขสบาย มีชื่อเสียงเลื่องลือทั้งที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าเป็นแน่”
จิ้งเป่าเอ่ยไปยังกลุ่มทหารที่พุ่งขึ้นมาบนประรำพิธีเพื่อคุ้มครองท่านเจ้าเมือง แม้แต่จางอี้หมิงเอง อู๋เจ๋อก็รีบดันเจ้านายตัวน้อยไปไว้ทางด้านหลังอย่างต้องการปกป้องอยู่ในที
ทหารหันไปขอความเห็นจากท่านเจ้าเมือง เมื่อได้รับสัญญาณว่าอนุญาตจึงถอยออกไปอยู่ทางด้านข้างของท่านเจ้าเมืองอย่างไม่ไว้วางใจเสียทีเดียว เผื่อเกิดเหตุร้ายอันใดจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทัน
“จิ้งเป่า เจ้าจงเล่าเรื่องทั้งหมดมา ข้าสัญญาว่าจะตัดสินโทษเจ้าอย่างเป็นธรรม” ท่านเจ้าเมืองถามชายขาพิการด้วยน้ำเสียงกดดัน
“เรียนท่านเจ้าเมือง ชายชราผู้นั้น เถ้าแก่เกา เจ้าของเหลาอาหารเฟิงฟู่ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโจรปล้นเสบียงอาหารในฤดูหนาวที่ผ่านมาขอรับ เพราะเถ้าแก่เกาสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากจากการกักตุนถ่านแล้วขายออกไปไม่ได้ เพราะทางการหาทางแก้ไขปัญหาเชื้อเพลิงจากต้นลูกหนามได้เสียก่อนที่เถ้าแก่เกาจะเอาถ่านออกมาขาย
เมื่อถ่านขายไม่ได้ เถ้าแก่เกาจึงสั่งให้ข้าออกปล้นอาหารจากชาวเมือง ข้าไม่ได้ต้องการทำร้ายใครให้ตกตายจึงได้แต่ปล้นเสบียงอาหารเท่านั้น แล้วนำไปขายต่อในราคาสูงมากหลายเท่าตัว ชาวบ้านในตอนนั้นก็อดอยาก มีกินก็ดีกว่าตาย พวกเขาจึงให้ความร่วมมืออย่างดี แต่เพียงไม่นาน ทางการก็แก้ปัญหาอาหารขาดแคลนได้อีก
จากการสืบจึงทำให้รู้ว่าผู้ที่แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ผู้ที่คอยขัดขวางแผนการต่าง ๆ ของเถ้าแก่เกาเกี่ยวข้องกับเด็กน้อยคนนั้นและเหลาอาหารซิ่งฝู เขาได้สั่งให้ข้าลงมือฆ่าเด็กทิ้งไปเสีย แต่ข้าทำไม่ลงจึงได้แต่เผาบ้านเพียงเท่านั้น” จิ้งเป่าชี้มือไปทางจางอี้หมิง ทำให้เด็กน้อยถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินว่ามีคนต้องการทำร้ายเขาถึงชีวิต
“เจ้าโกหก เจ้าขอทานบ้า เจ้ากล้าใส่ความข้า” เกาจ้านรีบปฏิเสธเสียงดัง ท่าทางของเขาเดือดดาล มือกำแน่นและเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า
“โกหกเช่นนั้นหรือ ข้ามิได้โกหก ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงโจรกระจอก แต่ก็มิเคยต้องทำร้ายใครถึงแก่ชีวิต ข้ายังห่างไกลจากท่านอยู่มาก” จิ้งเป่าหันไปต่อว่าเกาจ้านอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าขอทาน เจ้าใส่ร้ายข้า เจ้ามีหลักฐานอันใดที่ว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้”
“มีสิ ข้าต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่โจรกระจอกแต่ข้าก็มิได้โง่เขลา ข้าเก็บหลักฐานจดหมายที่เจ้าติดต่อและสั่งงานข้าทั้งหมดไว้ รวมทั้งตั๋วเงินก้อนแรกที่เจ้าให้ข้าไว้ด้วย หากทางการนำลายมือในจดหมายไปตรวจสอบก็คงจะรู้ว่าข้าพูดความจริง”
“จะ เจ้า”
“จิ้งเป่า เหตุใดเจ้าจึงได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามชายพิการที่ตอนนี้กำลังน้ำตาไหลเต็มหน้า เนื่องจากตัวเขาทั้งสับสนและเสียใจรวมทั้งโกรธแค้น อารมณ์มันวุ่นวายไปหมดจนยากจะควบคุมไว้ได้
“ท่านแม่ของข้าป่วยหนัก ต้องการเงินมาเพื่อรักษาโรค เถ้าแก่เกาให้สัญญาว่าหากข้าทำตามที่เขาสั่ง เขาจะจ่ายเงินค่ารักษาและค่าโรงหมอให้กับท่านแม่ของข้า ในระหว่างที่ข้าต้องกบดานอยู่นั้น ข้ามิรู้เลยว่าเถ้าแก่เกาจะผิดสัญญา นอกจากเขาจะไม่จ่ายเงินค่ารักษาให้ท่านแม่ของข้าแล้ว เขายังส่งคนไปสังหารท่านแม่ของข้าอีกด้วย ข้ามันอกตัญญูเป็นคนทำให้ท่านแม่ต้องตาย เถ้าแก่เกาเพียงแต่ส่งจดหมายมาบอกว่าท่านแม่ของข้าตายแล้วเท่านั้น
ในตอนแรกข้ามิได้ติดใจสงสัยอันใด แต่เมื่อข้าได้มาเจอป้าข้างบ้าน ท่านเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วจึงเล่าให้ข้าฟัง ข้าโกรธแค้นมาก ข้ากำลังจะไปถามเถ้าแก่เกาให้รู้เรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากจะไม่ได้ถามแล้ว ข้าเหมือนกับเดินเข้าไปในดงเสือเพื่อเอาตัวเองให้เสือคาบไปกิน
ด้วยสวรรค์เมตตาให้ข้ายังมีชีวิตรอดเพื่อกลับมาเปิดโปงความชั่วของเถ้าแก่เกา ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้ในครั้งนั้น แต่ข้าก็ต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง ข้าอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิดในเรื่องต่าง ๆ มาหลายเดือนจนไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ข้าจึงตัดสินใจว่าจะต้องทำเรื่องที่ถูกต้อง อย่างน้อยคนชั่วเช่นเถ้าแก่เกาจะได้ไม่ไปสร้างกรรมชั่วที่ไหนได้อีก” จิ้งเป่าตอบคำถามออกมาแล้วยกมือปาดน้ำตาของตัวเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกาจ้านจึงคิดได้ว่าอย่างไรเสียตนเองคงไม่รอด เขาหันหลังและรีบวิ่งลงจากประรำพิธีทันที แต่ก็หาได้ไวกว่าทหารประจำเมืองที่ยืนอยู่เยื้องเบื้องหลังท่านเจ้าเมือง ไม่ถึงสิบลมหายใจ เกาจ้านก็ถูกทหารประจำเมืองจับตัวไว้ได้ทันท่วงที
“ปะ ปล่อย ข้าบอกให้ปล่อยข้า พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือข้าคือเกาจ้านเจ้าของเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถัง พวกเจ้าต้องเชื่อข้า พวกเจ้าจะเชื่อขอทานไม่ได้” เกาจ้านโวยวายเสียงดังพยายามสลัดตัวให้หลุดพ้นจากการจับกุมของ แต่ก็ไม่สามารถหลุดไปไหนได้
“เงียบ เจ้ามีความผิดจริงหรือไม่ ข้าจะพิจารณาความผิดเจ้าทีหลัง แต่ตอนนี้ทหารจงนำเกาจ้านไปขังคุกไว้ก่อน 15 วันให้หลังจึงพิจารณาตัดสินโทษ” เจ้าเมืองตวาดใส่เกาจ้านก่อนสั่งการให้ทหารจับกุมผู้ต้องหาไปขังคุกไว้และจะพิจารณาคดีในวันอื่น
เหล่าหหารได้ยินคำสั่งเช่นนั้นจึงลากตัวเกาจ้านออกไปจากประรำพิธีเพื่อนำตัวไปขังคุกตามคำสั่ง ส่วนนักโทษชื่อดังนั่นก็โวยวายไปตลอดทาง ระหว่างทางที่ผ่านชาวบ้านต่างก็โยนและขว้างปาก้อนหินใส่เกาจ้านด้วยความโกรธแค้น แม้บรรดาทหารที่คุมตัวอยู่จะบอกว่าห้ามทำ แต่การปฏิบัติกับตรงกันข้าม พวกเขาไม่ได้พยายามห้ามปรามอย่างจริงจัง มีกลุ่มชายวัยฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งถึงกับสามารถฝ่าหทารมารุมเหยียบและเตะไปบนร่างกายของเกาจ้านได้
ชายชราอายุมิใช่น้อยแล้ว จากผู้ที่ทำตัวเหนือผู้อื่น ทว่าในตอนนี้คลับคล้ายมิใช่เกาจ้านเจ้าของเหลาอาหารอันดับหนึ่งแม้แต่น้อย
ทางด้านผู้ช่วยเจ้าเมืองที่เดินขึ้นไปบนประรำพิธีพร้อมกับป้ายไม้ที่สวยงามสลักคำว่า “เหลาอาหารอันดับหนึ่งเมืองไห่ถัง” ถึงกับสะกิดให้ท่านเจ้าเมืองได้รู้สึกตัวเพื่อดำเนินงานต่อไป
“ทุกคนจงเงียบและฟังทางนี้ เนื่องจากเกิดเหตุว่าเถ้าแก่เกาจ้านซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศได้กลายเป็นนักโทษไปแล้ว ในฐานะที่เหลาอาหารซิ่งฝูได้คะแนนเสมอกัน เช่นนั้นข้าจึงขอประกาศว่า เหลาซิ่งฝูคือเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถัง นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป” ท่านเจ้าเมืองประกาศออกไปเสียงดัง ส่งผลให้ชาวบ้านพากันโห่ร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะพวกเขาต่างก็คิดตรงกันว่าเหลาซิ่งฝูต่างหากเล่าที่สมควรจะได้ตำแหน่งนี้ไปครอง
เถ้าแก่หลินไห่ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอเบ้าเมื่อเดินขึ้นไปบนยังประรำพิธีและรับมอบป้ายไม้เกียรติคุณนั่นจากมือท่านเจ้าเมือง ซึ่งชายชราอย่างเขารอคอยมาตลอดทั้งชีวิต
“ข้าขอแสดงความยินดีกับเถ้าแก่หลินด้วย ขอให้เจริญรุ่งเรือง มั่งคังยิ่งขึ้นไป” ท่านเจ้าเมืองกล่าวอวยพรพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณขอรับ”
“ท่านปู่ขอแสดงความยินดีด้วย” จางอี้หมิงเองก็เอ่ยแสดงความยินดีกับท่านปู่ด้วย
“หมิงหมิงน้อย ปู่ต้องขอบใจเจ้ามากที่ทำให้ความฝันของปู่เป็นจริงเสียที” เถ้าแก่หลินกล่าวขึ้นพลางคว้าเอาเจ้าตัวเล็กเข้ามากอดไว้ด้วยความสุขท่วมท้นในหัวใจ
ขอบคุณท่านเทพจริง ๆ ที่ได้ประทานเด็กน้อยคนนี้มาในชีวิตของเขา
เถ้าแก่หลินได้แต่กล่าวขอบคุณท่านเทพในใจเงียบ ๆ และหอมแก้มหลานรักไปหนึ่งที
เมื่อเรื่องเลวร้ายผ่านพ้นไป เรื่องดี ๆ จึงบังเกิดขึ้น ท่านอ๋องและอ๋องน้อยเข้ามาแสดงความยินดีกับจางอี้หมิงและไม่ลืมที่กล่าวย้ำเตือนถึงสถานะของเด็กชายอีกครั้ง ก่อนจะจากไปเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับแคว้นเหลียง จางอี้หมิงจึงได้แต่กล่าวยอมรับเงียบ ๆ
คณะผู้ตรวจสอบทั้งหลายที่มีอคติกับเด็กน้อยในตอนแรกก็ทนไม่ได้กับความอยากรู้อยากเห็นกี่ยวกับวิธีการทอด การผัด ซึ่งพวกตนเป็นพ่อครัวมาทั้งชีวิตทว่ายังไม่เคยรู้จัก และเมื่อได้ทราบว่าเด็กน้อยเป็นถึงอ๋องน้อยของแคว้นเหลียง พวกตนจึงมิได้รู้สึกตะขวิดตะขวงใจมากนักและได้ลดความถือตัวเข้าไปสอบถามวิธีการต่าง ๆ จากอู๋เจ๋อและอู๋หมินไม่หยุด ทั้งยังกล่าวชมจางอี้หมิงไม่เลิกเมื่อได้ยินว่า ทุกอย่างเกิดจากความรู้ความสามารถของจางอี้หมิงทั้งนั้น
สำหรับชาวเมืองแล้ว พวกเขาต่างก็นับถือเด็กน้อยเงียบ ๆ ในใจ พวกเขากลับกลายเป็นคนมีค่าในสายตาของจางอี้หมิง ผู้เป็นถึงอ๋องน้อยของแคว้นเหลียงแต่กลับทำคุณประโยชน์ให้กับชาวเมืองไห่ถัง ยิ่งเมื่อจางอี้หมิงประกาศออกมาหลังจบการแข่งขันว่าจะมีการเปิดรับสมัครสมาชิกคู่ค้ากับกลุ่มการค้าหลัวถง โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นใคร ขอแต่ให้มีความซื่อสัตย์เท่านั้น ชาวบ้านก็แทบอดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว
ทางด้านเหลาอาหารซิ่งฝูเองก็เช่นกัน วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเถ้าแก่หลิน เขาจึงยิ้มกว้างแทบฉีกถึงใบหูตลอดเวลา
“หมิงหมิงน้อย อาเทา ลูกสะใภ้ ฮูหยินจาง เช่นนั้นช่วงงานเทศกาลนี้พวกเจ้าก็ค้างที่เรือนของข้าไปก่อน” เถ้าแก่หลินเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเดินทางกลับมายังเหลาอาหารซิ่งฝูและกินอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว
“ขอรับท่านพ่อ/ขอรับท่านปู่/เจ้าค่ะ”
“ดี ๆ เช่นนั้นคืนนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ สำหรับการเลี้ยงฉลองพวกเราก็ค่อยคิดกันอีกที ก็แยกย้ายไปพักผ่อนเถิด” เถ้าแก่หลินแจ้งให้ทุกคนทราบอีกครั้งก่อนจะแยกตัวออกไป ปล่อยให้ครอบครัวจางเข้าห้องของแต่ละคนไปพักผ่อนหลังจากที่ต้องผ่านเหตุการณ์แสนหนักหนาในวันนี้มาทั้งวันแล้ว
คืนนั้นจางอี้หมิงนอนคิดถึงคำพูดของจิ้งเป่าแล้วก็ได้แต่ขนลุก นี่สินะที่แม่ครูพร่ำเตือนเขามาเสมอ อย่าทำตัวเด่นมันจะเป็นภัย
แต่เขาก็ไม่กลัว เขาเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี คนชั่วต้องได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน เขาจะไม่ย่อท้อในการพัฒนาเมืองไห่ถังและชาวบ้านหลัวถง เพราะหากเมืองนี้เจริญรุ่งเรือง เขาเองก็มีความสุขแล้ว ชีวิตตอนเป็นอานนท์สอนเขาตั้งมากมาย หากไม่มีความใจดีของผู้ใจบุญ เด็ก ๆ ก็ไม่มีทางเติบโตขึ้นมาได้เช่นกัน
หากมีโอกาสจงอย่าละทิ้งโอกาสนั้นเพราะโอกาสมิได้มีมาให้บ่อย ๆ ดังเช่นตอนนี้เขามีโอกาสได้ทำดีแล้ว เขาจะไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น
เพราะร่างกายเป็นเพียงเด็กน้อย เขาจึงได้หลับลงไปอย่างง่าย ก่อนสติสุดท้ายจะวูบดับไปเพราะความง่วงจัด จางอี้หมิงยังมิวายคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เหตุใดจนป่านนี้ยังมิมีวี่แววว่าเขาจะมีน้องน้อยมาให้ได้ชื่นใจอีกเล่า
ท่านพ่อท่านมัวทำอะไรอยู่ขอรับ
***
โปรดติดตามตอนต่อไปในเล่มที่ 5 (เล่มจบ)
บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง เล่ม 4 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไรท์หวังว่าคุณรี้ดที่น่ารักทั้งหลายจะสนุกสนานกับเรื่องราวการสร้างฐานะของหมิงหมิงน้อยอย่างมีความสุข
ไรท์อยากขอรบกวนคุณรี้ด เพียงช่วยกดหัวใจให้คะแนน และรีวิวความเห็นหลังจากที่ได้อ่านจบไปแล้ว เพื่อเป็นกำลังใจให้กับไรท์ในการพัฒนางานเขียนเรื่องต่อไปในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
Thank you for your support.
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?